สถานีคิดเลขที่ 12 โดย สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร/แกนแห่ง”3แกน”?

สถานีคิดเลขที่ 12 / สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

—————————

แกนแห่ง”3แกน”?

————————

3 แพร่งของการดำรงตำแหน่ง 8 ปี ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แพร่งแรก จบที่ 23 สิงหาคม 2565 แพร่งที่สอง จบที่ 5 เมษายน 2568 และแพร่งที่สาม จบที่ 8 มิถุนายน 2570

ที่สุด ศาลรัฐธรรมนูญ ก็ชี้ทางให้ พล.อ.ประยุทธ์เดินไปตามแพร่งที่สอง

คือได้ไปต่อจนสุดทางถึงวันที่ 5 เมษายน 2568

เพียงแต่ต้อง”พักยก” ในเดือนมีนาคม 2566 ให้ประชาชนตัดสินอีกรอบก่อนว่าจะให้เป็นนายกฯต่อไปหรือไม่

เรายังคาดหมายไม่ได้ว่าประชาชนจะมีมติอย่างไร

แต่ที่พอจะคาดได้

นั่นคือ โอกาสที่พล.อ.ประยุทธ์ จะใช้สิทธิจนครบถึง เมษายน 2568 ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญมอบให้มีอยู่สูง

เราได้เห็น พล.อ.ประยุทธ์ เสนอตัวเป็นนายกฯอีกรอบแน่

และคงเป็นการเสนอตัวแบบเดิม

คือไม่ได้สมัครเข้าเป็นสมาชิกของพรรคการเมืองใดเพื่อลงสู่สนามเลือกตั้งไม่ว่าจะเป็นระบบเขต หรือปาร์ตี้ลิสต์

หากแต่ ลอยตัวอยู่”เหนือ”การเมือง

รอให้ พรรคการเมือง มาเชิญเป็น ผู้อยู่ในบัญชีรายชื่อนายกฯ เหมือนเลือกตั้งปี 2562 ที่พรรคพลังประชารัฐ เชิญเป็นแคตดิเดตนายกฯ

ทำไมประเมินตั้งแต่ไก่โห่เช่นนั้น

อยากให้สังเกตุท่วงท่าของพล.อ.ประยุทธ์

โดยหลังจากศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเสียงข้างมากให้ไปต่อ ไม่เกินครึ่งชั่วโมง

ปรากฏว่าพล.อ.ประยุทธ์ ได้โพสต์ ข้อความบนเฟซบุ๊คส่วนตัวทันที

นอกจากแสดงความเคารพอย่างสูงต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญและขอบคุณประชาชนที่ให้กำลังใจแล้ว

ยังประกาศ จะติดตามและผลักดันโครงการสำคัญต่างๆ

โดยเฉพาะภารกิจการพลิกโฉมประเทศ ตามกลยุทธ์ “3 แกน”

แกนที่ 1 ทำโครงสร้างพื้นฐานทั้งการสร้างทางรถไฟ ถนน สนามบิน หรือท่าเรือ

แกนที่ 2 ผลักดันภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและอุตสาหกรรมที่ต่อเนื่อง

แกนที่ 3 ผลักดันภาคการธนาคาร ให้ประชาชน 30 ล้านคนเข้าถึงระบบธนาคาร สามารถขอเงินกู้และใช้บริการจากธนาคารได้

การชู กลยุทธ์ “3 แกน”แบบฉับพลันทันใด หลังได้ไปต่อของพล.อ.ประยุทธ์นั้น

ตีความได้ไม่ยาก ว่า ต้องการโชว์ ความเป็นนักบริหาร มากกว่า ความเป็นนักการเมือง

ซึ่งก็ชัดเจน จากข้อความในเฟชบุ๊คของพล.อ.ประยุทธ์ ในบรรทัดต่อมา

“สำหรับเรื่องการเมือง และประเด็นต่างๆ รายวันนั้น ผมจะมอบให้เป็นหน้าที่ของท่านอื่นที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้ชี้แจงทำความเข้าใจต่อไป”

โชว์ภาวะที่พยายามจะวางจุดยืนของตนเอง ให้”เหนือการเมือง” ชัดเจน

นี่เอง ถึงได้ประเมินว่า พล.อ.ประยุทธ์ คงไม่ลงสนามการเมืองในฐานะผู้สมัครส.ส.แน่

แต่น่าจะรอพรรคการเมืองมาเชิญมากกว่า

ส่วนจะเป็นพรรคไหน ก็คงต้องติดตามต่อไป

แต่เชื่อว่าคงไม่ราบรื่นเหมือนตอนเลือกตั้งปี 2562

เพราะพรรคพลังประชารัฐเอง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ตอนนี้คึกคักเป็นพิเศษ สำหรับอนาคตทางการเมืองของตนเอง ส.ส.ในพรรค ก็คงไม่ยอมให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นแคตดิเดตโดดๆเหมือนเดิม

น่าจะมีเงื่อนไขต่างๆพ่วงเข้ามาอีกหลายเงื่อนไข

ด้วยเพราะ พล.อ.ประยุทธ์มิได้มีสถานะเป็นดาวเด่นอีกต่อไป กระแสความนิยมลดลงอย่างเห็นได้ชัด

เรียกได้ว่าไม่สามารถเป็นจุดขายได้อีกแล้ว

ยิ่งสมัยหน้ามีสภาพเป็นเพียงนายกฯ ครึ่งเทอม ยิ่งทำให้เส้นทางการเมืองไม่สดใส

พล.อ.ประยุทธ์จึงอาจจะไม่ใช่ทางเลือกหมายเลขหนึ่งต่อไป

ต้องเปิดที่ทาง ให้โอกาสให้พี่ใหญ่ พล.อ.ประวิตร ยิ่งขึ้น

พล.อ.ประยุทธ์ จะมาเป็นแกนหลักโชว์กลยุทธ์ “3แกน” เหนือนักการเมืองเหมือนเดิมไม่ได้

——————-