รู้ทันกัญชา แม้ปลดล็อกจากยาเสพติด แต่ยังมีฤทธิ์ต่อจิตประสาท / สมุนไพรเพื่อสุขภาพ

สมุนไพรเพื่อสุขภาพ

โครงการสมุนไพรเพื่อการพึ่งพาตนเอง

มูลนิธิสุขภาพไทย

www.thaihof.org

 

รู้ทันกัญชา

แม้ปลดล็อกจากยาเสพติด

แต่ยังมีฤทธิ์ต่อจิตประสาท

 

เมื่อ 35 ปีก่อน มูลนิธิสุขภาพไทยเคยทำหนังสือ “ข่าวสารสมุนไพร” ราย 3 เดือนออกมาหลายเล่มภายใต้โครงการสมุนไพรเพื่อการพึ่งตนเอง

ทุกเล่มต้องจั่วคำเตือนตัวโตๆ ในหน้าแรกว่า “สมุนไพรให้คุณมาก หากใช้พลาดเกิดโทษได้”

สมุนไพรทุกตัวที่ขึ้นปก แม้จะเป็นพืชผักสวนครัวหรือผลไม้ ที่บริโภคกันเป็นประจำก็ตาม แต่ “ข่าวสารสมุนไพร” ก็จะให้ข้อมูลด้านที่เป็นโทษด้วยอย่างละเอียด

โมเมนต์นี้ ไม่มีสมุนไพรตัวไหนเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ และสร้างความขัดแย้งให้กับสังคมไทยได้มากเท่ากัญชาในประเด็นผลกระทบต่อจิตประสาทหากใช้ส่วนที่เป็นสารเมาของกัญชามากเกินขนาด

เป็นที่รู้กันดีว่าสารสำคัญของกัญชามี 2 ชนิด คือ สาร THC (Tetrahydrocannabinol) และสาร CBD (Cannabidio) สาร THC ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท (psychoactive) ทำให้เกิดอาการเมาเคลิ้ม หรือไฮ (high) หากใช้มากทำให้เสพติด ตรงกันข้ามกับสาร CBD ซึ่งไม่ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทใดๆ เลย (non-psychoactive)

ภายหลังเมื่อคุณหมอราฟาเอล เมคูลัม บิดากัญชาทางการแพทย์ยุคใหม่ยืนยันว่า สาร THC ในพืชกัญชามีฤทธิ์กระตุ้นตัวรับแคนนาบินอยด์ในร่างกาย ที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของทุกระบบสรีระของมนุษย์ซึ่งยังต้องมีการศึกษาวิจัยทางการแพทย์อีกมาก

องค์การสหประชาชาติจึงถอดกัญชาออกจากยาเสพติดร้ายแรงที่เคยอยู่ในระดับเดียวกับฝิ่นและเฮโรอีน

โดยคงไว้แต่การควบคุมสารเมา THC ไม่ให้ใช้เกินขนาด 0.2%

 

ตรงนี้จึงเป็นที่มาของการออกกฎหมายในแต่ละประเทศที่ตีความแตกต่างกันเพื่อให้สามารถนำกัญชามาใช้ประโยชน์แก่ประชาชนให้มากที่สุด โดยไม่ให้ผิดกติกาโลกและทำลายศีลธรรมอันดีในสังคม

ขณะนี้เมืองไทยได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีนโยบายกัญชาเสรียิ่งกว่าประเทศใด เพราะปลดล็อกกัญชาในสภาวะสุญญากาศ โดยที่ยังไม่มีกฎหมายควบคุมอย่างเหมาะสม

ไทยแลนด์จึงกลายเป็นแดนสวรรค์ของแฟนคลับมารีฮวนน่าจากทั่วโลก (ขำกันออกหรือไม่?)

อันที่จริง ด้านดีของสาร THC ก็มีมากที่ยอมรับในวงการแพทย์ทั่วโลกคือ ช่วยรักษาโรคทางระบบประสาททั้งในเด็กและผู้สูงอายุได้ เช่น กลุ่มอาการโรคลมชักที่ซับซ้อนในเด็ก โรคพาร์กินสัน ซึ่งทำให้ผู้สูงอายุมีอาการสั่น เกร็ง และเคลื่อนไหวช้าลง โรคความจำเสื่อม บรรเทาอาการปวดเรื้อรังทั้งจากมะเร็งและการปวดปลายประสาทในผู้ป่วยเบาหวาน ช่วยให้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยเอดส์ดีขึ้น เป็นต้น

สาร THC ที่เป็นยาจึงต้องมีแนวปฏิบัติในการใช้เพื่อการแพทย์ให้เป็นประโยชน์ และลดผลข้างเคียงหรืออาการที่ไม่พึงประสงค์

ถ้าฝรั่งเป็นบิดากัญชาทางการแพทย์ยุคใหม่ คนไทยก็ควรได้สมญาเป็นเป็นบิดากัญชาทางการแพทย์ยุคโบราณ

เพราะหมอไทยเรามีการใช้กัญชาทางการแพทย์ อย่างน้อยตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ไม่น้อยกว่า 360 ปีมาแล้ว

ณ พ.ศ.นี้เราสามารถรวบรวมตำรับยาแผนไทยของชาติที่เข้าตัวยากัญชาได้ถึง 162 ตำรับ

มีสรรพคุณครอบคลุมเกือบทุกกลุ่มอาการโรค รวมทั้งโรคเฉพาะทาง เช่น โรคลมในผู้สูงอายุ โรคเด็ก โรคสตรี โรคนอนไม่หลับ เป็นต้น

ภูมิปัญญากัญชาไทยในอดีตบันทึกไว้ชัดเจนว่า กัญชามีสรรพคุณทางด้านจิตประสาท คือ แก้อาการตัวสั่น เสียงสั่น และแก้นอนไม่หลับ

และการใช้กัญชาอย่างปลอดภัยต้องใช้ประกอบกับสมุนไพรตัวอื่น

ในที่นี้ขอกล่าวตำรับยาในคัมภีร์ชวดาร ที่เข้ากัญชารักษาตานทรางหรือแก้ไข้ ตัวผอมเหลืองพุงโรในเด็ก ซึ่งแสดงให้เห็นว่าแพทย์แผนไทยแต่โบราณท่านสามารถใช้ตำรับยาเข้ากัญชาแทรกฝิ่นเล็กน้อยรักษาโรคเด็กได้ดังนี้

“ยาแก้ตานทรางกินข้าวไม่ได้ กินนมมิได้ มิให้นอนมิหลับ เอา ถั่วพู โกฐ กัญชา น้ำตาลทราย อย่างละเท่าๆ กัน บดทำแท่งไว้ละลายน้ำกิน ถ้าลงท้อง (ถ่ายท้องอย่างแรง) เอาฝิ่นรำหัดลง (ผสมฝิ่นเล็กน้อยมาก) แก้พิการจานทรางทั้งปวงแล”

ตำรับยาเด็กข้างต้น มีส่วนประกอบง่ายๆ เพียง 4 อย่าง เป็นอาหาร 2 อย่าง คือถั่วพูกับน้ำตาล อีก 2 อย่างเป็นสมุนไพร ส่วนฝิ่นนั้นเป็นเพียงยาแทรกเรื่องการใช้ฝิ่นรักษาโรคเด็กนี้

คุณหมอไพโรจน์ นิงสานนท์ อดีตปลัดและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้เล่าไว้ในประวัติของท่านว่า เมื่อแรกเกิดท่านมีอาการร้องไห้ไม่หยุด สมัยนี้คงเทียบเท่ากับอาการโคลิก (Baby Colic)

คุณตาพลอยหมื่นชำนาญแพทยา หมอใหญ่แห่งราชสำนักได้ใช้ฝิ่นเท่าเม็ดพริกไทยป้ายลิ้นท่าน ทำให้เจ้าตัวเล็กหยุดร้องไห้ทันที

 

ในที่นี้มิใช่ส่งเสริมให้ใช้สิ่งเสพติดผิดกฎหมาย เพียงแต่ต้องการแสดงภูมิปัญญาไทยที่นำสมุนไพรที่มีฤทธิ์ต่อจิตประสาทมาใช้ทางการแพทย์เพื่อรักษาโรคเด็กและผู้สูงอายุ ก่อนที่การแพทย์สมัยใหม่จะรู้จักนำกัญชาและสกัดมอร์ฟีนจากฝิ่นมาใช้รักษาโรคเสียอีก

อย่างไรก็ดี ยารักษาตานทรางเด็กดังกล่าว หากหมอไทยจะใช้ ต้องตัดฝิ่นออก

ส่วนกัญชาในตำรับสามารถใช้ได้ตามกฎหมายใหม่ที่เปิดโอกาสให้ใช้ได้ตามหลักการและกรรมวิธีแพทย์แผนไทย

กัญชากับการแพทย์เพื่อบำบัดโรคและอาการต่างๆ เป็นที่ยอมรับกัน แต่กัญชาที่ไปไกลแผ่ขยายไปหลายวงการ รวมถึงข่าวและปรากฏการณ์ใช้ในสันทนาการนั้น สังคมไทยจะต้องร่วมกันหาทางแบ่งเส้นบางๆ นี้ให้ชัดเจน เป้าหมายเพื่อยา

แต่อย่ากลายเป็นช่องกลับมาทำร้ายเด็กเยาวชนและผู้คนในสังคมไทย •