ศัลยา ประชาชาติ : “บัตรคนจน” ไม่ลื่นปรื๊ด! คลังตามแก้สารพัดปัญหา บัตรแมงมุมอืด-เครื่องรูด EDC ช้า

กระทรวงการคลังเริ่มคิกออฟแจก “บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” หรือที่เรียกกันติดปากว่า “บัตรคนจน” มาตั้งแต่วันที่ 21 กันยายนที่ผ่านมา เพื่อให้พร้อมใช้งานตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมเป็นต้นไป

โดยมีเป้าหมายแจกบัตรให้แก่ผู้ที่ผ่านคุณสมบัติจำนวน 11,431,681 คน จากผู้ที่มาลงทะเบียน 14,176,170 คน ส่วนผู้ที่ไม่ผ่านคุณสมบัติ จำนวน 2,744,489 คน ทางกระทรวงการคลังเปิดให้ “อุทธรณ์” ได้ภายในวันที่ 29 กันยายน ซึ่งจะประกาศผลการอุทธรณ์ในวันที่ 24 ตุลาคมต่อไป

สำหรับสวัสดิการที่ผู้ถือบัตรจะได้รับ แบ่งออกเป็น 2 หมวด ได้แก่ หมวดการลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน ประกอบด้วย

1) วงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น สินค้าเพื่อการศึกษา และวัตดุดิบเพื่อการเกษตรจากร้านธงฟ้า

โดยผู้มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อคนต่อปี จะได้รับ 300 บาทต่อคนต่อเดือน ส่วนผู้มีรายได้สูงกว่า 30,000 บาท จะได้รับ 200 บาทต่อคนต่อเดือน

และ 2) วงเงินส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม 45 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน

และหมวดการลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ประกอบด้วย 1) วงเงินค่าโดยสารรถเมล์/รถไฟฟ้า 500 บาทต่อคนต่อเดือน 2) วงเงินค่าโดยสารรถ บ.ข.ส. 500 บาทต่อคนต่อเดือน และ 3) วงเงินค่าโดยสารรถไฟ 500 บาทต่อคนต่อเดือน

 

อย่างไรก็ตาม ก่อนจะเริ่มแจกบัตรในวันที่ 21 กันยายน กรมบัญชีกลางได้แจ้งถึงการ “เลื่อนเวลารับบัตรแมงมุม” ของผู้มีสิทธิใน 7 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา สมุทรปราการ นครปฐม และสมุทรสาคร 1.3 ล้านคน ออกไปเป็นวันที่ 17 ตุลาคม

เนื่องจากบัตรที่จะแจกใน 7 จังหวัดดังกล่าว เป็นบัตรแบบ “Hybrid 2 Chips” หรือ “บัตรแมงมุม” ซึ่งจะต้องเพิ่มขั้นตอนการผลิต และต้องควบคุมคุณภาพการผลิตให้ได้ตามมาตรฐานของสำนักนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) โดยต้องบันทึกข้อมูลสำคัญลงใน chip ของบัตรทีละใบ ก่อนนำไปทดสอบกับเครื่องอ่านบัตร (e-Ticket) ที่จะติดตั้งบนรถโดยสาร ขสมก.

จึงทำให้ต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินการค่อนข้างมาก รวมทั้งมีข้อจำกัดทางเทคนิคทำให้ไม่สามารถเพิ่มกำลังการผลิตบัตรทั้งหมดให้แล้วเสร็จทันการใช้งานในวันที่ 1 ตุลาคมได้

โดยกรมบัญชีกลาง จะ “ยกยอดวงเงิน” แต่ละประเภทสวัสดิการที่คงเหลือจากการใช้จ่ายในเดือนตุลาคม 2560 ให้ไปใช้ต่อได้ในเดือนพฤศจิกายน 2560 เพื่อ “ชดเชยให้” แก่ผู้ที่ได้รับบัตรล่าช้าดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม การแจ้งเลื่อนวันรับบัตร มีการแจ้งล่วงหน้าเพียง 1 วัน ทำให้เมื่อเปิดให้รับบัตรวันแรกในวันที่ 21 กันยายน จึงมีประชาชนผู้มีสิทธิได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐบางส่วนไปรับบัตร “เก้อ” ทำให้เจ้าหน้าที่ประจำจุดรับบัตรต้องรีบชี้แจงให้เข้าใจ

 

ด้าน “สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” รมช.พาณิชย์ ก็ออกมายอมรับก่อนหน้านี้ว่า การติดตั้งเครื่องรับบัตร (EDC) ภายในร้านธงฟ้าประชารัฐ อาจติดตั้งได้น้อยกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 8,000 แห่งทั่วประเทศในวันที่ 1 ตุลาคม เนื่องจากมีข้อจำกัดเงื่อนไขของระยะเวลา เพราะกระบวนการติดตั้งมีหลายขั้นตอน จึงต้องใช้เวลาดำเนินการ

จากนั้นต่อมาในวันที่ 29 กันยายน ทางกรมบัญชีกลาง ก็แจ้งว่าใน 70 จังหวัด ที่เริ่มแจกบัตรตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม มีผู้รับบัตรไปกว่า 40% ของจำนวนผู้มีสิทธิทั้งหมด

หรือมีจำนวนผู้มาขอรับไม่ถึง 50% ทำให้ประเมินว่าหลังจากที่ใช้สิทธิผ่านบัตรได้แล้ว จะยังคงมีผู้มีสิทธิทยอยรับบัตรสวัสดิการกันอย่างต่อเนื่อง และคงต้องใช้เวลาในการแจกจ่ายบัตรต่อไปอีกพอสมควร

นอกจากนี้ ยังมองว่าการให้สวัสดิการผ่านบัตรเพิ่งดำเนินการเป็น “ครั้งแรก” และ “เป็นเรื่องใหม่” ของประชาชน โดยหลายคนอาจยังไม่เคยใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ในชีวิตประจำวัน และอาจไม่รู้จักร้านธงฟ้าประชารัฐ หรือรู้จักแต่ไม่เคยซื้อสินค้าที่ร้านนี้มาก่อน

อีกทั้งร้านธงฟ้าประชารัฐที่เข้าร่วมโครงการในครั้งนี้ส่วนมากเป็นร้านใหม่ที่ขึ้นทะเบียนกับกระทรวงพาณิชย์ และต้องติดตั้งเครื่อง EDC เพื่อให้ใช้สิทธิร่วมกับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐได้ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ จะต้องทยอยติดตั้งเครื่อง EDC ให้มีจำนวนเพียงพอเพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้บัตร ทำให้การนำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐไปซื้อสินค้าที่ร้านธงฟ้าประชารัฐในช่วงแรกอาจทำให้ไม่ได้รับความสะดวกและไม่สามารถใช้วงเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐได้อย่างเต็มที่

ดังนั้น เพื่อให้ผู้มีสิทธิมีเวลาในการทำความรู้จักคุ้นเคยกับการใช้บัตรซื้อสินค้าที่ร้านธงฟ้าประชารัฐและสวัสดิการอื่นๆ ทางกรมบัญชีกลางจึงจะ “ยกยอดวงเงินคงเหลือ” จากการซื้อสินค้าร้านธงฟ้าประชารัฐและสวัสดิการทุกประเภทของเดือนตุลาคมให้ไปใช้ต่อได้ในเดือนพฤศจิกายน 2560 อีก 1 เดือน

 

“สมชัย สัจจพงษ์” ปลัดกระทรวงการคลัง ยอมรับว่า ผู้มีรายได้น้อยบางส่วน อาจยังไม่รู้ว่าสามารถใช้บัตรสวัสดิการได้กับร้านค้าใดบ้างในพื้นที่ของตนเอง

ซึ่งทางกระทรวงการคลังจะหารือร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ เพื่อหาแนวทางในการแก้ไขต่อไป รวมถึงต้องเร่งให้หน่วยงานที่รับผิดชอบติดตั้งเครื่อง EDC ให้ได้ตามเป้าหมายอีกด้วย

ขณะที่ในด้านการประชาสัมพันธ์ จะมีการให้ผู้ใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐนี้ “มีสิทธิลุ้นรับโชค 1 ล้านบาท” เช่นเดียวกับการใช้บัตรเดบิตด้วย

“คาดว่าภายในเดือนตุลาคมนี้ จะสามารถเสนอให้คณะกรรมการขับเคลื่อนตามแผนยุทธศาสตร์ National e-Payment พิจารณาให้ผู้ใช้บัตรสวัสดิการ มีสิทธิลุ้นรับโชครางวัลใหญ่ 1 ล้านบาทได้ และคาดว่าจะเริ่มมีสิทธิรับโชคได้ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2560 เป็นต้นไป” นายสมชัยกล่าว

จากข้อมูลที่ได้อัพเดตล่าสุด (ณ 3 ตุลาคม) อธิบดีกรมบัญชีกลาง แจ้งว่า จนถึงวันที่ 1 ตุลาคม มีผู้มีสิทธิมารับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจำนวนกว่า 6 ล้านคน ทั้งนี้ ผู้มีสิทธิตามบัตรสวัสดิการแห่งรัฐประมาณ 400,000 ราย ได้มาใช้สิทธิซื้อสินค้าจากร้านธงฟ้าประชารัฐ ประเภทสินค้าอุปโภคเป็นจำนวนมาก คิดเป็นจำนวนเงินกว่า 100 ล้านบาท

ในขณะเดียวกันก็ได้รับข้อมูลจากเจ้าหน้าที่คลังจังหวัดและพาณิชย์จังหวัดที่ลงพื้นที่ติดตามการใช้สิทธิตามบัตรสวัสดิการแห่งรัฐกับการซื้อสินค้าร้านธงฟ้า ว่ามีร้านธงฟ้าประชารัฐบางร้านฉวยโอกาสให้ผู้มีสิทธิเปลี่ยนวงเงินซื้อสินค้าเป็นเงินสด การกระทำดังกล่าวไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของรัฐบาลที่ต้องการให้ความช่วยเหลือในการลดค่าครองชีพของประชาชน ซึ่งต้องย้ำว่า ตามเงื่อนไขการใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐไม่สามารถแลกเป็นเงินสดได้ไม่ว่ากรณีใดๆ

“หากผู้ใดกระทำผิดไปจากเงื่อนไขที่กำหนดจะถูกกระทรวงพาณิชย์ถอนออกจากทะเบียนร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ และทางกรมบัญชีกลางจะดำเนินการเรียกคืนเครื่อง EDC จากเจ้าของร้านทันที ส่วนผู้มีสิทธิที่ร่วมกระทำผิด จะถูกตัดสิทธิในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และต้องคืนเงินให้แก่ทางราชการ รวมทั้งอาจมีโทษตามที่กฎหมายกำหนดด้วย” อธิบดีกรมบัญชีกลางระบุ

เรียกได้ว่า “แจกไป-แก้ไป” และเชื่อว่า ใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่งก็จะ “เข้าที่เข้าทาง” ได้ในที่สุด