นายกฯจัดลงนาม12กระทรวง มุ่งพัฒนาเด็กไทย ห่วงอัตราเกิดต่ำ ชี้ เป็นความท้าทายรัฐบาล

‘บิ๊กตู่’ เป็นประธานลงนามบันทึกข้อตกลงพัฒนาศักยภาพเด็กไทย ปลื้มความร่วมมือ 12 กระทรวงบูรณาการ ‘บอก’ ถือเป็นคำมั่นสัญญา ‘โว’รัฐบาลให้ความสำคัญกับการพัฒนาคนทุกช่วงวัย ให้มีความพร้อมรอบด้าน เติบโตอย่างสมดุล เป็นทรัพยากรที่มีคุณภาพ เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ

เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.ที่ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการพัฒนาศักยภาพเด็กไทย “เก่งดี มีทักษะ แข็งแรง” ในศตวรรษที่ 21 พ.ศ. 2565-2570 ภายใต้ความร่วมมือของกระทรวง 12 กระทรวง ได้แก่ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงแรงงาน กระทรวงวัฒนธรรม และกระทรวงศึกษาธิการ โดยมี โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายสุเทพ ชิตยวงษ์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ศาสตราจารย์ ดร.สัมพันธ์ ฤทธิเดช เลขาธิการคณะกรรมการอุดมศึกษา กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เข้าร่วมลงนาม

ภายหลัง ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงฯ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างประชากร ที่มีอัตราการเกิดต่ำ และยังมีเด็กไทยบางส่วนที่ไม่สามารถเข้าถึงการบริการทางสาธารณสุข การศึกษา และการปกป้องคุ้มครองที่จำเป็น สิ่งเหล่านี้ถือเป็นความท้าทายอย่างยิ่งของรัฐบาล ในการสร้างกำลังคนคุณภาพ เพื่อเป็นกำลังสำคัญของประเทศในอนาคต ซึ่งปัจจุบันโลกมีการเปลี่ยนแปลง ผันผวน เกิดความไม่แน่นอนตลอดเวลา จึงจำเป็นอย่างยิ่งในการที่จะทำให้คนมีความพรัอม เติบโตอย่างมีคุณภาพ ทันต่อการเปลี่ยนแปลง

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การเสริมสร้างให้เด็กไทยทุกช่วงวัยให้ได้รับการพัฒนาเต็มขีดศักยภาพในทุกมิติ เป็นสิ่งที่รัฐบาลตั้งใจขับเคลื่อน เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาคนเป็นหลัก รัฐบาลจึงได้ผลักดันการแก้ไขปัญหา การพัฒนาเด็กไทยอย่างเร่งด่วน และต้องเป็นการบูรณาการระหว่างกระทรวงอย่างเป็นระบบ เพื่อให้เป็นการขับเคลื่อนการพัฒนาทั้งระบบ สอดคล้องตามยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี ที่ส่งเสริมการพัฒนาคนตลอดทุกช่วงวัย ให้มีความพร้อมรอบด้านและเติบโตอย่างสมดุล สามารถดำเนินชีวิตในโลกยุคใหม่ได้อย่างมั่นคง การจัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง 12 กระทรวงในวันนี้ จึงเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการยกระดับความร่วมมือจากทุกกระทรวง เพื่อสานพลังสร้างเด็กไทยในศตวรรษที่ 21 ให้แข็งแกร่ง มีคุณภาพ และเป็นพลังแห่งอนาคตของประเทศชาติอย่างสมบูรณ์ เพื่อยกระดับศักยภาพเด็กไทยให้เท่าทันโลกยุคใหม่อย่างรอบด้าน

พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์อีกครั้ง ว่า ถือเป็นการบูรณาการร่วมกันของ 12 กระทรวง ในการที่จะทำให้เด็กไทยมีการเจริญเติบโตในระยะต่อไปให้ดีที่สุด โดยนโยบาย 4 H คือทั้งเรียนเก่ง ดี มีทักษะและแข็งแรงถือเป็นตัวอย่างในการบูรณาการในการสร้างเด็กให้มีความพร้อมในศตวรรษที่ 21 ซึ่งต้องมีความพร้อมทั้งด้านร่างกายและจิตใจ ความรู้และสุขภาพ ซึ่งรัฐบาลพยายามทำมาโดยตลอดในการบูรณาการงานของหลายๆกระทรวง ในการทำงานที่มีเป้าหมายเดียวกันแม้จะมีพันธกิจที่ต่างกัน และได้ย้ำไปแล้วว่าการแก้ไขปัญหาความยากจนต้องเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2565 นี้และหวังว่าจะเป็นตัวอย่างและรูปแบบที่ดีในระยะต่อไป

“วันนี้สถานการณ์เยาวชนของเราเกิดน้อยลงจากสถิติในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เราจึงต้องหาวิธีการที่ทำให้เด็กเหล่านี้มีคุณภาพ มีสุขภาพที่แข็งแรง มีการเรียนรู้ที่ดี สิ่งสำคัญที่สุดจะต้องมีภูมิคุ้มกันที่ดี ร่างกายแข็งแรงมีจิตใจที่เข้มแข็งมีภูมิต้านทานกับโลกยุคใหม่ในปัจจุบันที่มีปัญหามากพอสมควร ถือเป็นความท้าทายที่ทุกฝ่ายต้องช่วยกันแก้ไขปัญหาโดยเฉพาะทุกคนในชาติต้องช่วยกันทั้งหมด จึงถือเป็นอีกวันที่ทุกคนมีความสุขและมีความพึงพอใจที่เกิดความร่วมมือกันของทุกกระทรวงและถือเป็นคำมั่นสัญญาว่าจะทำให้ดีที่สุดในขณะที่เรายังทำงานตรงนี้ ขอยืนยันเพราะนี่ถือเป็นอนาคตของชาติ