พปชร.หวั่นแพ้อีก! “ประวิตร” ถกแกนนำ เหตุกทม.พ่ายยับ ตั้งทีมงานโซเชียลหวังปลุกกระแส

“ประวิตร” ถกด่วนกรรมการบริหารพรรค ประเมินกทม.แพ้ยับ สั่งตั้งคณะทำงานโซเชียล หวังปลุกกระแสให้พลังประชารัฐ พร้อมเร่งวางตัวผู้สมัครส.ส.

 

วันที่ 25 พ.ค.2565 รายงานข่าวจากพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) แจ้งว่า ในช่วงเย็นวันที่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมา หลังการประชุมพรรค พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค ได้เรียกกรรมการบริหารพรรค(กก.บห.) หัวหน้าภาค รวมถึงนายอภิชัย เตชะอุบล ผอ.ศูนย์เลือกตั้งส.ก.ของพรรค ประชุมด่วนที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อฯ

โดยมีกก.บห.เข้าร่วม อาทิ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรมและประธานยุทธศาสตร์พรรค นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม และรองหัวหน้าพรรค นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) และรองหัวหน้าพรรค นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ผอ.พรรค หารือเพื่อประเมินสถานการณ์ในพรรคหลังเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.และส.ก. รวมถึงเตรียมการเรื่องนโยบายหาเสียงเลือกตั้ง รวมทั้งปรับปรุงการทำงานภายในพรรค เช่น การสื่อสาร

รายงานข่าวแจ้งว่า ที่ประชุม ได้วิเคราะห์ถึงผลการเลือกตั้งสนามกทม.ว่าเกิดอะไรขึ้น จึงทำให้พรรคได้ ส.ก.เพียง 2 ที่นั่ง โดยนายอภิชัย ระบุว่ามาหลายปัจจัย รวมถึงการทำงานของทีมงาน และการที่พรรคไม่ได้ส่งผู้ว่าฯกทม. ทำให้การหาเสียงยากเล็กน้อย ส่วนบุคคลและพรรคที่ได้คะแนนมาก ปัจจัยหนึ่งมีผลมาจากการใช้โซเชี่ยลมีเดียเข้ามาช่วย ทำให้เข้าถึงประชาชนได้มากขึ้น

ขณะที่ พล.อ.ประวิตร ระบุว่าโซเชี่ยลมีเดีย มีส่วนอย่างมากในการทำงาน นอกจากเรื่องกระแสบุคคล จึงอยากให้ปรับการทำงานภายในพรรค ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้น ผ่านมาแล้วให้ผ่านไป เวลานี้ทุกคนต้องช่วยกันทำงาน

ด้านนายสุริยะ สะท้อนถึงปัญหาภายในพรรค พร้อมเสนอว่าต้องจริงจังในการแก้ไข โดยหลักยึดการทำงานร่วมกัน พร้อมนำเรื่องโซเชี่ยลมาใช้สื่อสารให้เกิดประโยชน์กับพรรค นอกจากนั้นให้ส.ส. นำนโยบายพรรค ลงไปสู่การปฏิบัติให้ประชาชนได้เห็นเป็นรูปธรรม

โดยที่ประชุมเห็นสอดคล้องกัน พล.อ.ประวิตร จึงให้ตั้งคณะทำงานดูแลเรื่องโซเชี่ยลมีเดีย โดยมีนายชัยวุฒิ เป็นผู้รับผิดชอบ และตั้งคณะทำงานเรื่องนโยบายพรรคมาสรุป เพื่อเตรียมพร้อมการเลือกตั้งในช่วงเวลา 10-11 เดือนที่เหลือ โดยมีนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค เป็นผู้รับผิดชอบในเรื่องนี้

นอกจากนั้นที่ประชุมยังพูดคุยความพร้อมส่งผู้สมัครของพรรค โดยให้หัวหน้าภาค ทั้ง 10 ภาค คัดกรองบุคคล โดยยึดหลักพิจารณาผู้สมัครคนเก่าก่อน และดูว่าบุคคลที่จะส่งลงสมัครต้องมีสิทธิ์ชนะ หากพื้นที่ใดมีตัวบุคคลมากกว่า 1 รายชื่อให้แต่ละภาคคัดกรอง ก่อนนำเสนอ ไม่เกิน 2 รายชื่อ เพื่อให้กก.บห.พิจารณาต่อไป