อนาคตของคริปโตจะสดใสหรือไม่

คริปโตเคอร์เรนซีได้กลายเป็นปรากฏการณ์ระดับโลกในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาแม้ว่าเรายังต้องเรียนรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีที่กำลังพัฒนานี้อีกมาก ผู้คนต่างมีข้อสงสัยและความกังวลมากมายเกี่ยวกับเทคโนโลยีดังกล่าวและความสามารถในการทำลายระบบการเงินแบบดั้งเดิม สกุลเงินดิจิทัลเติบโตอย่างรวดเร็วกว่าที่เคยในช่วงสองปีที่ผ่านมา เพราะผู้บริโภคจำนวนมากมีเวลาเหลือเฟือและเหลือกิจกรรมไม่กี่อย่างที่สามารถใช้จ่ายเงินได้ พวกเขาจึงหันเข้าสู่การซื้อขายคริปโตเป็นครั้งแรกในช่วงการแพร่ระบาด

ในอดีต ผู้ที่รู้จัก Cryptocurrency เป็นเพียงชุมชนเล็กๆ ของนักลงทุนที่ต่อต้านการจัดตั้งแต่ตอนนี้ Crypto กลับกลายเป็นคำที่คุ้นหูมาก นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าตลาด Cryptocurrency ทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นมากกว่าสามเท่าภายในปี 2030 โดยมีมูลค่าเกือบ 5000 ล้านดอลลาร์ นักลงทุน ธุรกิจ และแบรนด์ต่างๆ จะไม่สามารถเพิกเฉยหรือต้านกระแสความนิยมที่เพิ่มขึ้นของคริปโตได้นานไม่ว่าพวกเขาจะต้องการซื้อหรือไม่ก็ตาม

ดูเหมือนว่า Crypto จะไม่สามารถหลีกเลี่ยงความขัดแย้งได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด นักลงทุนเชื่อมั่นในกฎระเบียบ แต่ยังกังวลเกี่ยวกับผลกระทบมากมายที่กฎระเบียบนำมา  พวกเขาใส่ใจสิ่งแวดล้อม แต่คริปโตก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มหาศาล

การเจาะลึกถึงความแตกต่างเหล่านี้เป็นกุญแจสำคัญในการทำความเข้าใจความรู้สึกโดยรวมของผู้บริโภค รวมถึงการคาดการณ์พฤติกรรมผู้บริโภคเกี่ยวกับอนาคตที่ไม่แน่นอนของคริปโตเคอร์เรนซี

 

คริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) คืออะไร

คริปโตเคอร์เรนซีเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างหนึ่งที่สามารถทำธุรกรรมได้โดยไม่ต้องผ่านธนาคารหรือสถาบันการเงิน แต่ใช้การเข้ารหัสเพื่อใช้ในการป้องกันและยืนยันธุรกรรมผ่านระบบที่เรียกว่า “บล็อกเชน” (Blockchain) ช่วยให้ผู้คนสามารถซื้อ ขาย หรือแลกเปลี่ยนได้อย่างปลอดภัย

ที่กล่าวข้างต้นว่าคริปโตเคอร์เรนซีคือสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทหนึ่ง เพราะสินทรัพย์ดิจิทัลหมายถึงทุกอย่างที่อยู่ในโลกดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหา ภาพถ่าย คลิป ผลงานทางศิลปะ และอีกมากมาย โดยคริปโตเคอร์เรนซีเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีการแลกเปลี่ยนซื้อขายบนตลาดออนไลน์ และเราไม่จำเป็นต้องมีที่อยู่เพื่อซื้อขายคริปโตเหมือนกับธนาคารทั่วไป เพียงต้องเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตได้

อนาคตของคริปโตเคอร์เรนซี

ในระยะเวลาอันใกล้ โอกาสสำหรับคริปโตนั้นมีจำกัด เพราะว่าเป็นสิ่งใหม่มาก และต้องพัฒนาด้านเทคนิค ความปลอดภัย นโยบาย และด้านกฎหมายอีกมาก หากเราลองพิจารณาเฉพาะด้านเวลา Visa สามารถประมวลผลธุรกรรมมากกว่า 50,000 รายการต่อวินาที ในขณะที่ Bitcoin สามารถประมวลผลได้ต่ำกว่า 10 ดังนั้นจึงไม่น่าเป็นไปได้เลยที่คริปโตจะเข้ามาแข่งขันกับสถานะของดอลลาร์สหรัฐในฐานะสกุลเงินสำรองของโลกในอนาคตอันใกล้ การทดลองล่าสุดของประเทศเอลซัลวาดอร์ในการทำให้ Bitcoin เป็นสกุลเงินประจำชาติอย่างเป็นทางการควบคู่ไปกับดอลลาร์สหรัฐ นั้นก็ยังไม่ดีนัก

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นคือพลังของ Cryptocurrency และบล็อกเชนยังคงมีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงไม่เพียงแต่ในการเงินโลกเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการเมืองโลกด้วย ภาคธุรกิจ FinTech นั้นร้อนแรงมากเพราะนักเขียนโค้ด ผู้ใช้อินเทอร์เน็ต นักปฏิวัติด้านดิจิทัล และผู้ประกอบการต่างหาพื้นที่เพื่อปรับปรุงวิธีที่มนุษย์ทำสิ่งต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ในท้ายที่สุด เงินเป็นบรรทัดฐานทางสังคม และเมื่อประชาชนคุ้นเคยกับการใช้งาน ฟังก์ชัน และความปลอดภัยของคริปโตแล้ว ก็จะเกิดการยอมรับและการใช้งานตามมา แต่อาจต้องใช้เวลาพอสมควร อีกทั้งอาจต้องใช้ความอดทนอย่างมากจากนักลงทุนทั่วไป

ในระหว่างนี้ เราก็ควรสันนิษฐานว่าคริปโตเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง คุณควรคิดว่าเป็นการลงทุนแบบไบนารี (Binary) แม้สกุลเงินคริปโตอย่าง Bitcoin อาจกลายเป็นสินทรัพย์ที่มีค่าที่สุดในประวัติศาสตร์โลก แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง มูลค่าของ Bitcoin อาจคาดเดาได้ยากเนื่องจากมีตัวแปรจำนวนมากที่เกี่ยวข้อง ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่เราจะรู้ในตอนนี้ สิ่งที่เรารู้ก็คือ ถึงแม้มหาเศรษฐีอย่างอีลอน มัสก์จะเสีย Bitcoin ไปทั้งหมดก็ขนหน้าแข้งไม่ร่วง เพราะเป็นจำนวนเงินเพียงเศษเสี้ยวของความมั่งคั่งของเขา และคุณก็ควรใช้แนวคิดเช่นเดียวกันนี้ คือ เมื่อตระหนักถึงความเสี่ยงสูงและรู้ว่าต้องลงทุนด้วยความรอบคอบแล้ว หากขาดทุนก็จะเป็นจำนวนเงินเพียงเล็กน้อย

อนาคตของสกุลเงินดิจิทัลนั้นเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับผลกระทบทางสังคมและการเมือง Cryptocurrency มีศักยภาพที่จะสร้างประโยชน์ให้กับทุกคน ตั้งแต่บุคคลธรรมดาไปจนถึงภาครัฐ โดยเพิ่มโอกาสสำหรับการเข้าถึงบริการทางการเงิน ความเป็นเจ้าของและอำนาจด้วยต้นทุนที่ต่ำลง การเก็บรักษาข้อมูลความลับที่ดียิ่งขึ้น และการเข้าถึงตลาดทั่วโลกได้มากกว่าเดิม แม้แต่นักลงทุนที่ช่ำชองก็ยังรู้สึกประหลาดใจกับศักยภาพของผลตอบแทนจากการลงทุน

หากคุณตัดสินใจแล้วว่าจะเลือกลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล ก็อย่าลืมว่าเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงและวางแผนตามความเสี่ยงดังกล่าว Private Key (คีย์ส่วนตัว) หรือกุญแจส่วนตัวของคุณคือข้อมูลระบุตัวตนดิจิทัลของคุณในตลาดคริปโตเคอร์เรนซีที่จะช่วยให้คุณซื้อขายเหรียญคริปโตออนไลน์ได้ หากคีย์ส่วนตัวของคุณถูกขโมย ผู้ขโมยสามารถขโมยเงินของคุณหรือทำการฉ้อโกงในชื่อของคุณได้ กระเป๋าเงินคริปโตเป็นที่เก็บคีย์ส่วนตัว ส่วน Cold Wallet (กระเป๋าเงินเย็น) หรือกระเป๋าฮาร์ดแวร์นั้นดีที่สุดเนื่องจากไม่มีการเชื่อมต่อโดยตรงกับอินเทอร์เน็ต แต่หากคุณใช้ Paper Wallet หรือ กระเป๋ากระดาษก็ควรเคลือบลามิเนตเพื่อเก็บไว้ใช้ในระยะยาว ยิ่งไปกว่านั้น เพื่อเพิ่มความปลอดภัย คุณอาจต้องการกระจายการใช้หลายกระเป๋าเงิน และควรเลือกเทรดกับแพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง Metatrader4 หรือMT4 ซึ่งได้รับความนิยมที่สุดในโลก เพราะเชื่อถือได้ ใช้งานง่าย และไม่ซับซ้อน

 

แม้ว่าอนาคตของสกุลเงินดิจิทัลจะถูกกำหนดโดยหน่วยงานกำกับดูแล แต่ก็สามารถได้รับอิทธิพลจากแบรนด์ต่างๆ โดยหลายแห่งกำลังกระโดดเข้าสู่ตลาดเพื่อเติมเต็มความต้องการของตลาดที่กำลังเติบโตซึ่งรัฐบาลละเลยไป และอาจทำได้โดยการอำนวยความสะดวกให้เกิดการซื้อขายในสภาพแวดล้อมที่สะดวกสบายและปลอดภัยสำหรับมือใหม่ หรือให้การศึกษาและทรัพยากรสำหรับผู้ที่ให้ความสนใจ

ส่วนหนึ่งของอนาคตนั้นหมายถึงการพึ่งพานักลงทุนที่เปลี่ยนแปลงไป และคาดการณ์ว่าผู้มีส่วนร่วมหลักต้องการอะไรมากขึ้น บริษัทชำระเงินแบบเก่าที่มอบการเข้าถึงและการศึกษาจะทำให้ตลาดน่าดึงดูดยิ่งขึ้นสำหรับนักลงทุนที่มีอายุมาก ขณะที่รายชื่อธุรกิจที่ยอมรับสกุลเงินดิจิทัลซึ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จะส่งผลให้ตลาดรู้สึกปลอดภัยและมีเสถียรภาพมากขึ้น ไม่ว่าอนาคตของคริปโตจะเป็นอย่างไร ยังมีสิ่งที่ต้องทำอีกมากมายเพื่อสร้างสมดุลระหว่างความเสี่ยงกับผลตอบแทน นอกจากนั้น ยังมีโอกาสเป็นจำนวนมากสำหรับแบรนด์และบุคคลที่รับผิดชอบหน้าที่นี้ เมื่อคุณเข้าใจคริปโตคร่าวๆ แล้ว อีกหนึ่งแนวคิดที่ควรทำความรู้จักก็คือ Staking ดูเพิ่มเติมได้ว่า staking คืออะไร