ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 20 - 26 พฤษภาคม 2565 |
---|---|
เผยแพร่ |
บทความพิเศษ
กระบวนการผลิตซ้ำ
ความผิดพลาดของ ‘ลี้คิมฮวง’
เบื้องหน้าทารกน้อย
ต้องยอมรับว่าการรับปากจากเหมยยี่ซิงแซเท่ากับเป็นการเปิดทางสะดวก แม้ว่าผงไก่หนาวสะท้านจะอยู่ในมือของเหมยไต้ซิงแซ แต่ก็เท่ากับ “ไฟเขียว” ได้เปิดแล้ว
อุปสรรคอันเกิดขึ้นอยู่ในระหว่างการรอคอยและต่อรอง
ระหว่างการรอคอย ลี้ชิ้มฮัวเอนกายลงกับที่นั่งภายในรถมุมปากประดับด้วยรอยยิ้มน้อยๆ คล้ายรับฟังคำสนทนา และคล้ายกับหัวใจโบยบินจากร่าง
เมื่อมองผ่านหน้าต่างรถออกไป แผ่นฟ้าแผ่นดินเป็นสีเงินยวง การที่สามารถมีชีวิตอยู่จะอย่างไรก็เป็นเรื่องดีงาม ในใจลี้ชิ้มฮัวปรากฏเงาร่างสายหนึ่งขึ้น
นางสวมใส่เสื้อผ้าสีม่วงอ่อน คลุมด้วยเสื้อคลุมสีเหลืองอ่อน ในโลกสีเงินยวงดูไปคล้ายดอกจี่ล้อลั้ง (ไวโอเล็ต) อันสดใส จำได้ว่านางชมชอบหิมะที่สุด
ขณะที่หิมะตกนางมักฉุดลากมันไปยังลานตึกซึ่งสุมไว้ด้วยหิมะ ซัดขว้างลูกหิมะใส่ร่างมัน จากนั้นก็หัวร่อด้วยน้ำเสียงอันเจื้อยแจ้ว
พลางวิ่งหลบหนี พลางร้องเรียกมันให้ไล่ติดตาม
ตัดฉากออกจากความนึกคำนึงของลี้ชิ้มฮัวไปยังผู้มาเยือนใหม่ 3 คน 1 อายุ 30 เศษ ร่างเล็กสันทัด ประกายตาเจิดจ้า วาววับ
1 หน้าแดงก่ำ ไว้เครายาวถึงท้อง สวมเสื้อคลุมสีม่วงลายดอก สายตาองอาจหาญกล้า
1 เป็นเด็กชายอายุ 10 ปีเศษ ใบหน้ากลมป้อม ดวงตากลมโต บนเสื้อคลุมสีแดงสดขลิบริมเป็นขนกระต่ายสีขาว ดูไปคล้ายเป็น “อั้งไฮ้ยี่” อันสลักเสลาจากหยกก็มิปาน
คนร่างเล็กสันทัดมือถือกล่องไม้ พอเดินเข้ามาก็น้อมกายกล่าวอย่างยิ้มแย้ม “ภาพวาดนี้เป็นจู๊ยิ้น (นาย) เราซื้อหามาด้วยราคาถูก ผ่านการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญ ขอให้บ๊วยยี่ซิงแซตรวจผ่านตา” นี่ย่อมกระหน่ำเข้าไปยังจุดอ่อนที่สุดของบ๊วยยี่ซิงแซ
ชายชราชุดม่วงกับคนร่างเล็กสันทัดพอพบเห็นบ๊วยยี่ซิงแซล้วนมีสีหน้ายินดี มีแต่เด็กชายที่น่ารักคนนั้นขมวดคิ้วมองดูบ๊วยยี่ซิงแซพลางกล่าว
“คนผู้นี้ดูไปสกปรกมอมแมม สามารถรักษาโรคได้จริงหรือ”
แม้บ๊วยยี่ซิงแซจะยืนกราน “นอกจากค่ารักษาต้องชำระก่อนแล้ว ท่านทราบหรือไม่ว่าบ๊วยยี่ซิงแซยังตรากฎ 3 ไม่รักษา โจรร้ายไม่รักษา หัวขโมยไม่รักษา”
คนร่างเล็กสันทัดกล่าวอย่างยิ้มแย้ม
“ข้าพเจ้าปาเอ็งมาตรแม้นเป็นคนไร้ชื่อเสียงเรียงนาม แต่ฉิ้งเฮ่างี้ฉิ้ง เล่าเอี้ยจื้อ (นายผู้เฒ่าแซ่ฉิ้ง) ท่านนี้มีเกียรติภูมิอยู่ในยุทธจักร บ๊วยยี่ซิงแซสมควรได้ยินมากระมัง”
“ฉิ้งเฮ่างี้ ใช่เป็น ‘ขวัญเหล็กสะท้านแปดทิศ’ (ทิต้าจิ้นโป๊ยฮึง) ฉิ้งเฮ่างี้หรือไม่
คนผู้นี้มีชื่อเสียงไม่น้อยจริงๆ ตกลง อีกหลายวันพวกท่านค่อยมาใหม่เมื่อถึงเวลานั้นหากเรามีเวลาว่างอาจจะติดตามพวกท่านไปสักครา”
ไม่ทันกล่าวจบเด็กชายนั้นก็กระโดดปราดขึ้นร้องดังๆ
“คนผู้นี้วางก้ามเขื่องโขนัก พวกเรายังพร่ำพิไรอันใดกับมัน หิ้วปีกมันกลับไปก็ใช้ได้แล้ว”
คำยืนกรานจากบ๊วยยี่ซิงแซก็คือ “คนไข้ของพวกท่านมีความสำคัญ คนไข้ของเราในที่นี้ไม่สำคัญหรือไร
คำถามก็คือ คนไข้ของ ‘พวกท่าน’ เป็นใคร คนไข้ของ ‘พวกเรา’ เป็นใคร”
คําตอบจากปาเอ็งย่อมเป็น “คนไข้ของพวกเราเป็น” บุตรชายคนโต” (ตั่วเสียวเอี้ย) ของฉิ้งเล่าเอี้ยจื้อ และเป็นศิษย์ฆราวาสเพียงหนึ่งเดียวของเจ้าอาวาสเสียวลิ้มยี่”
“บุตรชายของฉิ้งเฮ่างี้แล้วจะเป็นไร ศิษย์ของหลวงจีนเสียวลิ้มยี่แล้วจะเป็นไร หรือว่าชีวิตของมันมีค่ากว่าชีวิตของคนไข้เราผู้นี้ด้วย”
“หากคนไข้ของท่านผู้นี้ตายไปเล่า” เป็นคำถามจาก “เด็กชาย” คนนั้น
เด็กชายนั้นหัวร่อฮิฮะ พลันพุ่งขวับเข้าห้องด้านข้าง ความรวดเร็วของท่าร่างแม้แต่ชายฉกรรจ์เคราครึ้มก็ใจหายวาบ
ปาเอ็งมองดูฉิ้งเฮ่างี้แวบหนึ่ง ทั้งสองหาได้ขัดขวางไม่
เด็กชายนั้นพอพุ่งตัวเข้าไปภายในห้อง สายตาก็จับจ้องมองอยู่บนร่างของลี้ชิ้มฮัว ร้องดังๆ ขึ้น “ท่านคือคนไข้คนนั้นหรือ”
“น้องเรา หรือเจ้าต้องการให้ข้าพเจ้าตายเร็วกว่าเดิม”
“มิผิดแม้แต่น้อย ท่านตายแล้ว ปีศาจสกปรกนั้นจึงยินยอมไปรักษาโรคให้แก่ฉิ้งตั่วกอ (พี่ใหญ่แซ่ฉิ้ง)
ปากกล่าววาจา ปรากฏเกาทัณฑ์ขนาดเล็กซัดพุ่งออกมา 3 ดอก
เกาทัณฑ์สั้นมิเพียงรวดเร็วและแม่นยำอย่างยิ่ง หากแต่ยังเปี่ยมพลังอันรุนแรงอย่างยิ่งอีกด้วย มิว่าผู้ใดต่างคิดไม่ถึง ทารกที่มีวัยเพียง 10 ปีถึงกับมีจิตใจอำมหิตชั่วร้ายปานนี้
หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่นมิใช่เป็นลี้คิมฮวงน่ากลัวต้องตายอยู่ในเกาทัณฑ์สั้นทันที
แต่ลี้คิมฮวงเพียงรวบมือไปเกาทัณฑ์สั้นทั้ง 3 ดอกก็ถูกคีบไว้อย่างง่ายดาย มันขมวดคิ้วพร้อมกับข้อกังขา “ทารกยังเยาว์วัยก็มีความอำมหิตปานนี้ เติบใหญ่แล้วยังจะใช้ได้หรือไร”
“ท่านเข้าใจว่า ตัวเองมีฝีมือจับเกาทัณฑ์อยู่ 2-3 ท่า ก็จะมาสั่งสอนเราได้”
ร่างพลันกระโดดขึ้นสู่อากาศ ในมือมีกระบี่สั้นเป็นประกายแวววับอีก 2 เล่ม ไม่รอให้คำพูดจบลงก็แทงเข้าใส่ 7 กระบี่ รวดเร็วดุจดั่งสายฟ้าแลบ
มันไม่เพียงมีกระบวนท่าแคล่วคล่อง เปลี่ยนแปรว่องไว หากแต่ความอำมหิตดุร้ายกระทั่งนักเลงเก่า โชกโชนชำนาญ ยังต้องละอาย ไม่มีทางทัดเทียม แต่ละกระบวนท่า คล้ายดั่งมีความอาฆาตแค้นต่อฝ่ายตรงข้ามอย่างลึกซึ้ง เป็นความแค้นที่มิอาจทะลวงลี้คิมฮวงให้เป็นโพรงใหญ่ไปทั้งตัว
“ดูท่าทารกผู้นี้เมื่อเติบใหญ่แล้วต้องเป็นอิมบ้อเก๊กอีกผู้หนึ่ง”
แม้ชายฉกรรจ์หนวดเคราครึ้มจะพยายามอธิบาย “อิมบ้อเก๊กแม้มีฉายา” กระบี่โลหิต” (ฮ้วยเกี่ยม) แต่ยังคงไม่ยอมฆ่าคนไร้ความผิดเป็นเด็ดขาด”
อั้งไฮ้ยี่แค่นหัวร่อ “อิมบ้อเก๊กนับเป็นตัวอะไร ตอนเรา 7 ขวบก็ฆ่าคนมาแล้ว มันเล่า”
เมื่อแลเห็นลี้คิมฮวงยังคงนั่งอยู่ในที่นั้น ขณะที่ตัวมันเปลี่ยนเพลงกระบี่อำมหิตอันดุดัน 7-8 วิชาแล้ว ยังคงไม่มีปัญญาทำอะไรชายคนนี้ได้ จึงยิ่งเพิ่มความอำมหิตดุดันขึ้นกว่าเดิม
ในความเห็นของลี้คิมฮวงประสานเข้ากับความเห็นของชายฉกรรจ์หนวดเคราครึ้ม “ตอนอิมบ้อเก๊กเยาว์วัยน่ากลัวไม่มีความอำมหิตดุร้ายเช่นดังมัน” “ทารกนี้เมื่อเติบใหญ่จะต้องเป็นมหันตภัยร้ายแรงของบู๊ลิ้มแน่นอน”
อั้งไฮ้ยี่กระวนกระวายจนนัยน์ตาแดงฉาน ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
“ท่านทราบว่า บิดา มารดาเราเป็นใครหรือไม่ ขอเพียงท่านกล้าแตะต้องเราสักขุมขนหนึ่ง หากบิดา มารดาเราไม่สับให้พวกท่านเป็นก้อนเนื้อแหลกเละก็ประหลาดไป”
ลี้คิมฮวงหน้าเครียดทันที กล่าวช้าๆ “เราตอนนี้ยังไม่ปรารถนาลงมือเนื่องเพราะท่านอายุเยาว์วัยยิ่ง หากมีคนดูแลเข้มงวดกวดขันยังพอจะประสบความสำเร็จได้ จงฉวยเวลาที่เรายังมิได้เปลี่ยนความคิดหลบหน้าออกไปเสียเถิด”
อั้งไฮ้ยี่รั้งกระบี่กลับ “พลังฝีมือของท่านไม่เลว มิทราบว่าท่านเป็นผู้ใดแน่เราไฉนไม่เคยพบเห็นท่านมาก่อนเลย เรามีความเลื่อมใสนับถือท่าน เราแทงออกไป 107 กระบี่แต่ท่านกระทั่งขยับตัวก็ยังไม่เคย”
ลี้คิมฮวงตาเป็นประกายวาว “ท่านต้องการฝึกหรือไม่ หากเราได้อบรมสั่งสอนแทนบิดามารดาท่าน ท่านวันหน้ายังอาจมีหวังเหลืออยู่”
ทารกน้อยคุกเข่าลงกราบ “ซือแป๋เบื้องสูง โปรดรับทราบจากศิษย์ด้วย”
คำพูดพอหลุดจากปาก ประกายสีดำ 3 สายก็พุ่งออกจากกลางหลังอย่างรวดเร็ว ถึงกับเป็นเกาฑัณฑ์หลังซึ่งประดิษฐ์ด้วยฝีมือประณีตบรรจง
ลี้คิมฮวงถอนหายใจยาว สะบัดมือฟาดออกไปฉาดหนึ่ง
หากมองจากด้านของลี้คิมฮวง หากมองจากด้านของชายฉกรรจ์เครารกครึ้ม หากมองจากด้านของเหมยยี่ซิงแซ
นี่ย่อมเป็นสถานการณ์ที่เรียกว่า “ไฟต์บังคับ”
แต่หากมองจากด้านของชายวัย 30 เศษต่ำเตี้ย ล่ำสัน ดวงตาเป็นประกายแวววาว หากมองจากชายหน้าสีม่วงคล้ำ เครายาวระอก สวมเสื้อยาวสีม่วงเป็นดอกดวง
นี่ย่อมเป็นสถานการณ์ที่เรียกว่าสามารถหลีกเลี่ยงได้
ยิ่งหากมองจากด้านของ ทารกวัย 10 ขวบ ใบหน้ากลมๆ ดวงตากลมๆ ริมเสื้อคลุมสีแดงยังขลิบขนกระต่ายสีขาว คล้ายเป็นอั้งไฮ้ยี่อันสลักขึ้นจากหยกเนื้อดี
ย่อมยากที่จะให้อภัยได้อย่างเด็ดขาด