นายทหารเกษียณรัสเซีย เตือนตรงๆ “เรายิ่งรบจะยิ่งแย่” แม้ได้มาริอูโปลอยู่ในกำมือ

สื่อตะวันตกพากันเผยแพร่ความเห็นของอดีตนายทหารรัสเซียที่กล้าวิจารณ์ศึกยูเครนในมุมลบกับรัฐบาล แถมออกช่องทีวีรัฐ นักวิเคราะห์ชี้ เป้าหมายพิชิตดอนบาสของทัพหมีขาวกลับหลุดมือออกไปเรื่อยๆ

 

วันที่ 18 พฤษภาคม 2565 ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า สถานีโทรทัศน์รอสซิยา ของทางการรัสเซีย ออกอากาศรายการดีเบต One’s 60 Minutes ที่สัมภาษณ์อดีตนายทหารระดับสูงถึงสถานการณ์สู้รบ รัสเซีย-ยูเครน ล่าสุด มีเนื้อหาที่วิจารณ์ศึกอย่างตรงไปตรงมาที่หาได้ยากมากในรัสเซีย รวมถึงคำเตือนว่า ศึกครั้งนี้มีแต่จะทำให้รัสเซียย่ำแย่ลง ต้องรีบหาทางลง

พันเอกเกษียณ มิคาเอล โคดาเรน็อก นักวิเคราะห์การทหาร กล่าวว่า ข้อมูลลวงตาที่แพร่สะพัดอยู่ว่ากองทัพยูเครนกำลังเข้าตาจน ใกล้วิกฤตแตกร้าวและเสียขวัญนั้นเป็นเรื่องห่างไกลจากความเป็นจริงมาก

“หากเราพิจารณาถึงความช่วยเหลือของยุโรปที่หลั่งไหลเข้ามายังยูเครนอย่างเต็มพิกัด นั่นหมายถึงทหารยูเครนนับล้านได้รับการติดอาวุธ เราจะตาสว่างและเห็นความจริงในเวลาอันใกล้ เราจำเป็นต้องคำนวณถึงยุทธศาสตร์และปฏิบัติการ ว่าสถานการณ์นี้ถ้ามองอย่างตรงไปตรงมาแล้ว เรายิ่งรบก็มีแต่จะยิ่งแย่ลง” พันเอกโคดาเรน็อกกล่าว

แม้ว่าพิธีกรรายการพยายามจะพูดให้เนื้อหาซอฟต์ลง แต่อดีตนายทหารท่านนี้ยังคงมองสถานะของรัสเซียในสงครามไปในทางลบ

“ลองดูสถานะทางยุทธศาสตร์ของเราในภาพรวม อย่าล่อให้มีการเอาขีปนาวุธมาติดตั้งในฟินแลนด์ นั่นเหลวไหลเกินไป ปัญหาใหญ่ที่สุดของกองทัพเราและสถานการณ์ทางการเมือง คือเราถูกโดดเดี่ยวอย่างสิ้นเชิง ทั้งโลกต่อต้านเรา แม้ว่าเราไม่อยากยอมรับมันก็ตาม”

ก่อนหน้านี้ พันเอกโคดาเรน็อก เป็นผู้ที่ให้ความเห็นเตือนตั้งแต่ก่อนที่รัสเซียจะบุกยูเครนแล้วว่า ศึกในยูเครนจะเป็นเรื่องยากกว่าที่เคยเจอมา โดยบทความที่เขียนเมื่อเดือนก.พ. 2022 เตือนว่า “ระดับความเกลียดชัง (ซึ่งคุณก็รู้ว่ามันเป็นเชื้อเพลิงในการต่อสู้เป็นอย่างดี) ในบรรดาชาติเพื่อนบ้านที่มีต่อรัฐบาลรัสเซียนั้นถูกประเมินต่ำเกินไป” พร้อมทำนายว่า รัสเซียจะพ่ายแพ้ยูเครนภายในช่วงเวลาไม่นาน

ด้านรอยเตอร์สรายงานบทวิเคราะห์เมื่อวานนี้ (17 พ.ค.65) ด้วยว่า แม้รัสเซียจะเตรียมเข้าควบคุมเมืองมาริอูโปลหลังปิดล้อมยาวนานได้แล้วก็ตาม กลับต้องเผชิญโอกาสที่จะพ่ายแพ้มากขึ้น ด้วยต้นทุนแสนแพงในการพิชิตภูมิภาดอนบาส ทางตะวันออกของยูเครน เพราะกองทัพรัสเซียถูกโจมตีสร้างความเสียหายอย่างมหาศาล

โดยคอนราด มูซิก้าร์ ผู้อำนวยศูนย์ให้ความปรึกษาโรชานน์ในโปแลนด์ มองว่า ความสูญเสียกำลังรบในแนวรบตะวันออก จะทำให้วลาดิเมียร์ ปูติน ต้องตัดสินใจว่าจะส่งทหารและยุทโธปกรณ์เสริมจุดอ่อนหรือไม่ แต่กองกำลังของรัสเซียไม่น่าจะถูกทำลายอย่างรวดเร็ว แม้ว่าจะไม่มีการปรับใช้กองทหารใหม่ๆ เกิดขึ้น

“ผมคิดว่านี่จะเป็นได้ทั้งความพ่ายแพ้ด้วยกำลังรบปัจจุบันหรือต้องระดมพล ผมไม่คิดว่าจะมีตัวเลือกแบบกลางๆ

มูซิก้าร์และนักวิเคราะห์คนอื่น กล่าวว่า กองทัพรัสเซียฝ่ายรุกรานกำลังเผชิญหน้ากับกำลังรบที่ไม่ยั่งยืนและความสูญเสียยุทโธปกรณ์ และหน้าต่างของโอกาสรุกคืบมีแต่ปิดแคบลง พร้อมกับที่ยูเครนกำลังขนปืนใหญ่หนักจากประเทศตะวันตกเข้าสู่สนามรบ และก็เกิดขึ้นกับขบวนรบทัพรัสเซียที่กำลังข้ามแม่น้ำโดเนสต์ต้องเจอการยิงถล่มด้วยปืนใหญ่ เอ็ม777 ที่สหรัฐฯส่งมาช่วยยูเครน จนเสียหายแบบย่อยยับ

ด้าน นีล เมลวิน จากศูนย์อาร์ยูเอสไอในกรุงลอนดอนของอังกฤษ กล่าวว่า เวลากำลังเข้าจัดการรัสเซีย พวกเขาเริ่มขาดแคลนอุปกรณ์ ลูกขีปนาวุธขั้นสูงกำลังจะหมดลงแล้ว และแน่นอนว่าชาวยูเครนแข็งแกร่งขึ้นเกือบทุกวัน

ถึงกระนั้น ดิมิทรี เปสคอฟ โฆษกรัฐบาลเครมลิน ได้กล่าวเมื่อวานนี้กับสื่อทางการรัสเซีย ย้ำว่า ทุกอย่างกำลังเป็นไปตามแผน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะบรรลุวัตถุประสงค์ทั้งหมด

ขณะที่ เอพี รายงานสถานการณ์ในสมรภูมิ มาริอูปอล ว่าดูเหมือนจะอยู่ในกำมือของรัสเซียแล้ว หลังทหารและนักรบยูเครนชุดสุดท้ายที่โรงงานเหล็กอาซอฟสตัลยอมจำนน นับเป็นเมืองใหญ่และยุทธศาสตร์หลักในสงครามนี้ที่รัสเซียบุกยึดได้ เพื่อใช้เป็นเส้นทางส่งทหารและอาวุธเข้าไปยังสมรภูมิภาคตะวันออกของยูเครน

เฮลิคอปเตอร์ทหารรัสเซียคุมขบวนรถที่อพยพนักรบยูเครนชุดสุดท้ายในเมืองมาริอูปอล ออกจากโรงงานเหล็กอาซอฟสตัล  เมื่อ 17 พ.ค. 2022 (AP Photo/Alexei Alexandrov)

จากภาพที่กระทรวงกลาโหมรัสเซียเผยแพร่ นักรบฝ่ายยูเครนมากกว่า 260 นาย รวมถึงนักรบที่บาดเจ็บทยอยออกมาจากอุโมงค์ข้างใน และถูกฝ่ายรัสเซียนำตัวขึ้นรถบัส 7 คัน ไปยังเมืองโอเลนนิฟกา ที่อยู่ขึ้นไปทางเหนือของมาริอูปอล 88 ก.ม. ภายใต้ควบคุมของรัสเซีย หลังปักหลักสู้ตายอยู่ในโรงงานเหล็กและถูกกองทัพรัสเซียปิดล้อมโจมตีนาน 82 วัน

รัสเซียเรียกสถานการณ์นี้ว่า ยูเครนยอมแพ้แล้ว แต่รัฐบาลยูเครนหลีกเลี่ยงใช้คำดังกล่าว แต่เรียกว่า นักรบปฏิบัติภารกิจเสร็จสมบูรณ์แล้ว และจำเป็นต้องรักษาชีวิตไว้เป็นสำคัญ

ดอนบาส – โอกาสพิชิตไกลเกินเอื้อม

ขณะเดียวกัน กองทัพปูตินเข้ารุกดันแนวรบอันแข็งแกร่งของยูเครนทางตะวันออก ขณะที่พยายามตัดขาดด้วยวิธีการโอบล้อมเป็นวงกว้าง โดยเคลื่อนพลมุ่งไปยังเมืองอีเซียม ส่วนเขตภูมิดอนบาส แม้พื้นที่ 1 ใน 3 อยู่ในการควบคุมของกองกำลังแบ่งแยกดินแดนโปรรัสเซีย และรัสเซียสามารถควบคุมพื้นที่ 90% ของแคว้นลูฮันสค์ แต่ยังประกบความล้มเหลวครั้งใหญ่ ในการมุ่งหน้าของยึดเมืองสโลเวียนสก์และครามาทอสค์เพื่อขยายแนวควบคุมทั่วภูมิภาค

ไมเคิล คอฟแมน ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารรัสเซียของศูนย์วิจัยซีเอ็นเอ กล่าวว่า เขากังขาใจมากๆในโอกาสของพวกเขา ที่จะพิชิตดอนบาสได้ทั้งหมด รัสเซีย กำลังเผชิญกับกำลังรบที่อ่อนแอลงอย่างมาก ขวัญกำลังใจอาจลดลงอย่างมาก มีความปรารถนาที่อ่อนแอโดยเจ้าหน้าที่ที่พยายามดำเนินคดีกับการโจมตีและความเป็นผู้นำทางการเมืองของรัสเซียโดยรวมดูเหมือนจะผัดวันประกันพรุ่ง แม้ว่าจะเผชิญกับความพ่ายแพ้เชิงกลยุทธ์

มูซิก้าร์ก็กล่าวด้วยว่า รัสเซียดูเหมือนจะเปลี่ยนความสนใจในดอนบาส และได้ย้ายกำลังกองพันยุทธการไปทางตะวันออกหลังจากล้มเหลวในการทำลายแนวป้องกันของยูเครนในโดเนตสค์ พวกเขาไม่สามารถทะลวงผ่านเมืองอีเซียม ทำให้ต้องเลือกเคลื่อนไปเมืองซีวีโรโดเนสค์และลีแมน เป็นไปได้ว่าเป้าหมายคือพยายามโอบล้อมกองทัพยูเครนรอบ 2 เมืองนั้น สิ่งนี้จะเกิดขึ้นหรือไม่นั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ทั้งนี้ มูซิก้าและคอฟแมน ได้กล่าวว่าแม้ปูตินจะส่งทหารเพิ่ม แต่อาจต้องใช้เวลาหลายเดือนในการจัดกำลังพล

“เห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลังเตรียมการอย่างน้อยก็มีมาตรการบางอย่างที่จะเรียกผู้ชายที่มีประสบการณ์การรบมาก่อน แต่ตอนนี้จากสิ่งที่ผมบอกได้ ปูตินแค่เตะกระป๋องลงที่ถนนและปล่อยให้สถานการณ์ภายในรัสเซีย การทหารยิ่งแย่ลงไปอีก” คอฟมานกล่าวและว่า สำหรับตอนนี้ นี่ดูเหมือนเป็นการรุกครั้งสุดท้ายของรัสเซีย