คลิปแรมโบ้ เขย่ารัฐบาล ลาออกแล้ว แต่เรื่องไม่จบ แรงกดดันพุ่งใส่ ‘ประยุทธ์’ คำถามถึงความรับผิดชอบ/บทความในประเทศ

บทความในประเทศ

 

คลิปแรมโบ้ เขย่ารัฐบาล

ลาออกแล้ว แต่เรื่องไม่จบ

แรงกดดันพุ่งใส่ ‘ประยุทธ์’

คำถามถึงความรับผิดชอบ

 

การประกาศลาออกของ “แรมโบ้อีสาน” เสกสกล อัตถาวงศ์ ทั้งจากผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี และรองประธานขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา

เพื่อต้องการแสดงเจตนาอันบริสุทธิ์และรับผิดชอบต่อกรณีคลิปเสียงสนทนากับนางจุรีพร สินธุไพร ข้าราชการประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับโควต้าหวย 15 ล้านบาทเพื่อใช้ในการหาเสียงเลือกตั้ง

ที่ถึงแม้จะยอมรับว่าเป็นเสียงสนทนาของตนเองจริง แต่ก็อ้างเป็นเพียงการพูดหยอกล้อตามประสาคนรู้จักกันมานาน อีกทั้งคลิปบางช่วงบางตอนยังถูกตัดต่อนำไปเผยแพร่ทำให้สังคมเข้าใจผิด

แต่ด้วยบทบาทหน้าที่ของนายเสกสกล คนในสังคมและแวดวงการเมืองรู้ดีว่าเป็นองครักษ์คนสนิทของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

จึงทำให้ความรับผิดชอบในเรื่อง “คลิปหวย” เพิ่มความสลับซับซ้อนมากขึ้น

การลาออกจากทุกตำแหน่ง ด้านหนึ่งมองได้ว่าเป็นการแสดงสปิริต แต่ก็อาจมองได้เช่นกันว่า เป็นการทำหน้าที่องครักษ์พิทักษ์อย่างเป็นทางการครั้งสุดท้าย ในการตัดไฟไม่ให้ลุกลามไปถึงนายกฯ

อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจเอาชีวิตทางการเมืองของตนเองเข้าแลก จะเป็นการตัดสินใจที่คุ้มค่า หรือสูญเปล่า ยังน่าสงสัย เพราะเจตนาที่จะให้เรื่องต่างๆ ยุติลงทั้งหมด ด้วยการลาออกจากทุกตำแหน่ง บางแง่บางมุมดูเหมือนไม่เป็นเช่นนั้น

ทั้งยังก่อให้เกิดคำถามขึ้นใหม่ถึงความรับผิดชอบของผู้บังคับบัญชานายเสกสกล ซึ่งก็คือนายกรัฐมนตรี

 

“ผมไม่อยากให้ใครมามองว่านายกฯ ปกป้องผมหรืออุ้มผม ผมไม่อยากใช้บารมีนายกฯ และตัวผมเองที่มีตำแหน่งใกล้ชิดนายกฯ ไปเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม โดยพร้อมพิสูจน์และเข้าสู่กระบวนการหากเรียกเข้าไป–”

“–วันนี้ผมเข้าไปกราบนายกฯ ไปขออนุญาตลาออกเองเพื่อเคลียร์ตัวเอง ไม่มีการปลด นายกฯ ไม่ได้ให้ผมลาออกใดๆ ทั้งสิ้น เป็นความประสงค์ของผมเอง เป็นความต้องการของผมเองที่ต้องการแสดงความบริสุทธิ์ใจ โดยไม่ให้กระทบกระเทือนนายกฯ”

คือคำให้สัมภาษณ์ตอนหนึ่งของนายเสกสกล ภายหลังแถลงการณ์ลาออกจากทุกตำแหน่ง เมื่อวันที่ 18 เมษายนที่ผ่านมา ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อกรณีคลิปเสียงหลุด

นายเสกสกลยังกล่าวว่า ขอเคลียร์ความบริสุทธิ์ใจที่สังคมหรือคนไม่หวังดีใส่ร้ายป้ายสี ตนเองไม่สบายใจมา 2 สัปดาห์แล้ว แต่ต้องทำหน้าที่แก้ปัญหาเรื่องสลากฯ แพงก่อน ตั้งใจว่าเมื่อได้ข้อยุติแล้วจะขอนายกฯ ลาออกเพื่อเคลียร์ตัวเอง

“ผมไม่ต้องการให้คนดีๆ อย่างนายกฯ ที่ทุ่มเททำงาน ต้องมาเสียเพราะข้อครหาเล็กน้อยที่ยังไม่มีการพิสูจน์ความผิด ผมรักลุงตู่ อยู่ข้างนอกก็ยังทำงานให้ลุงตู่ได้แม้ไม่มีตำแหน่ง”

สำหรับพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่นายเสกสกลมีส่วนร่วมก่อตั้งเพื่อใช้เป็นฐานที่มั่นทางการเมืองสืบต่อให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ อนาคตจะเป็นอย่างไร

เจ้าตัวกล่าวถึงเรื่องนี้ว่า พรรคนี้ “ผมก็ไม่ได้รับตำแหน่งอะไร เพราะเป็นเพียงแค่ผู้ก่อตั้ง ใครจะเดินหน้าต่อก็ว่าไป ส่วนจะทำพรรคต่อหรือไม่ ก็ไม่รู้ แต่ถ้าอนาคตข้างหน้าไม่มีคนทำผมก็จะเอากลับมาทำ ถ้ามีคนทำก็เอาไปทำเลย ไม่มีปัญหา”

 

การลาออกของนายเสกสกลจะมีผลตัดตอนเรื่องคลิปเสียงออกจากความรับผิดชอบของ พล.อ.ประยุทธ์ ได้จริงหรือ

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต.ให้ความเห็นเรื่องนี้ว่า แม้นายเสกสกลลาออก แต่นายกฯ ยังคงต้องรับผิดชอบ

เนื่องจาก พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 มาตรา 11 ระบุถึงอำนาจหน้าที่ของนายกฯ ไว้ว่า (1) กำกับโดยทั่วไปซึ่งการบริหารราชการแผ่นดินและมีอำนาจสั่งสอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการปฏิบัติราชการของราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น

การปรากฏข่าวเนื้อหาตามคลิปเสียง เกี่ยวกับผลประโยชน์ในการจัดสรรโควต้าสลากกินแบ่งรัฐบาล

ถือเป็นเรื่องที่นายกฯ ต้องตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงให้เป็นที่ประจักษ์ แม้บุคคลดังกล่าวจะประกาศลาออกจากทุกตำแหน่งของข้าราชการการเมือง ไม่ได้หมายความว่า นายกฯ จะยกเว้น หรือถือเป็นเรื่องสิ้นสุดได้

“อย่าให้คำว่า ‘ขอลาออกจากทุกตำแหน่ง’ กลายเป็นการยุติเรื่องต่างๆ ได้โดยง่าย เพราะนายกฯ ยังต้องรับผิดชอบในฐานะผู้บังคับบัญชา หากปล่อยปละให้มีการกระทำความผิด แสดงถึงความบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่ด้วย” นายสมชัยระบุ

เช่นเดียวกับกรรมาธิการป้องกันและปราบการการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ประกาศเดินหน้าตรวจสอบเรื่องนี้ต่อไป

นายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ กรรมาธิการฯ จากพรรคเพื่อไทย ยืนยันเดินหน้าตรวจสอบนายเสกสกล แม้เจ้าตัวจะลาออกทุกตำแหน่งแล้วก็ตาม เนื่องจากกรณีคลิปเสียงเกิดขึ้นระหว่างอยู่ในตำแหน่ง อีกทั้งเนื้อหาการสนทนาเกี่ยวข้องกับการใช้เงินเพื่อเลือกตั้ง

เรื่องดังกล่าวกรรมาธิการฯ บรรจุในวาระการประชุมวันที่ 27-28 เมษายน โดยจะเชิญทั้งนายเสกสกล และนางจุรีพรมาชี้แจง ทั้งยังย้ำว่า หากนายเสกสกลต้องการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจ ขออย่าหลบเลี่ยงการให้ข้อมูล ข้อเท็จจริง และตอบข้อซักถามกับกรรมาธิการฯ

สำหรับบทบาทของ พล.อ.ประยุทธ์นั้น กรรมาธิการฯ จากพรรคเพื่อไทย มองว่า กรณีที่เกิดขึ้น พล.อ.ประยุทธ์ปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ เพราะนายเสกสกลทำงานให้นายกฯ มากว่า 3 ปี มูลเหตุที่เกิดขึ้นอยู่ระหว่างการดำรงตำแหน่ง

หากเป็นผู้นำที่มีภาวะผู้นำ ตั้งแต่วันแรกที่มีข่าว นายเสกสกล รวมถึงนางจุรีพรต่างก็ยอมรับ คนเป็นผู้นำเมื่อคนใกล้ตัวทำเรื่อง ต้องสั่งพักการปฏิบัติหน้าที่และตั้งเรื่องสอบ แต่นายกฯ ไม่ดำเนินการ

เรื่องที่เกิดขึ้น พล.อ.ประยุทธ์ปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้Ž

ขณะที่นายสุดสยาม มากแก้ว หรือกิ๊ก หนุ่มผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็นคนอัดคลิปเสียงนำมาเผยแพร่ ได้เดินทางมาพบตำรวจ ยืนยันวันเกิดเหตุได้ไปรับประทานข้าวกับนางจุรีพร และสนทนากันเรื่องดังกล่าวจริง แต่ไม่ได้บันทึกเสียง และไม่ทราบใครเป็นคนบันทึก

ทั้งนี้ ได้เตรียมดำเนินคดีกลับข้อหาแจ้งความเท็จและหมิ่นประมาทกับผู้กล่าวหาด้วยเช่นกัน

 

การลาออกของนายเสกสกล ที่นอกเหนือจากไม่ต้องการให้เรื่องกระทบกระเทือนไปถึง พล.อ.ประยุทธ์แล้ว ยังมีประเด็นอื่นอีกหรือไม่ ไม่มีใครทราบแน่ชัดถึงขนาดฟันธงลงไปได้

แต่เสียงวิพากษ์วิจารณ์นั้นเริ่มมีมาตั้งแต่การตั้งกรรมการแก้ไขปัญหาผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการเสนอขายหรือขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคาเกินกว่าที่กำหนดในสลากกินแบ่งรัฐบาล

พร้อมมอบหมายให้นายเสกสกล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรีขณะนั้น นั่งเป็นรองประธานกรรมการ โดยมีนายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกฯ เป็นประธานกรรมการ

ด้วยหวังจะแก้ปัญหาขายสลากเกินราคา 80 บาทให้ได้

แต่อีกมุมก็ก่อให้เกิดข้อสงสัยว่า เป้าหมายลึกๆ ของการตั้งคณะกรรมการชุดนี้ เพื่อต้องการเข้าไปเทกโอเวอร์ผลประโยชน์โควต้าสลากฯ จากนักการเมืองบางคนที่ยึดกุมมายาวนานหรือไม่ ก่อนที่นักการเมืองคนดังกล่าวจะเกิดปัญหาขัดแย้งกับผู้มีอำนาจในรัฐบาล ถึงขั้นแยกพรรคแยกทางกันเดิน จนเป็นที่มาของปฏิบัติการดังกล่าว

กระทั่งรัฐบาลเพลี่ยงพล้ำจากกรณีคลิปเสียงแรมโบ้ ประกอบกับเกรงว่านักการเมืองที่เคยถูกตนเองเปิดฉากรุกไล่โควต้าสลากฯ จะฉวยจังหวะเอาคืน

โดยเฉพาะช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อก่อนศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจจะระเบิดขึ้นในการเปิดสมัยประชุมสภาเดือนหน้า หากมีการส่งต้อข้อมูล “วงใน” ไปถึงมือพรรคฝ่ายค้าน อาจแปรสภาพเป็นหมัดน็อกรัฐบาลได้

ตรงนี้เองอาจเป็นอีกหนึ่งสาเหตุทำให้นายเสกสกลจำเป็นต้องลาออกเพื่อตัดไฟไม่ให้ลามไปถึงจุดนั้น

 

ประเด็นคลิปเสียงนายเสกสกล ยังถือว่าแตกต่างจากกรณีนายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์

เพราะความผิดของนายปริญญ์ เป็นพฤติกรรมส่วนตัว แต่กรณีนายเสกสกล ซึ่งเป็นคนใกล้ตัวนายกฯ ถูกส่งเข้าไปทำหน้าที่ตามนโยบายแก้ปัญหาหวยแพง กระทั่งเกิดคลิปอื้อฉาวดังกล่าว

ที่สำคัญ ตั้งแต่แรกปรากฏเป็นข่าวเมื่อวันที่ 3 เมษายน แทนที่นายกฯ จะสั่งพักการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมตั้งเรื่องสอบข้อเท็จจริงโดยด่วน

แต่ไม่เพียงไม่ดำเนินการ ยังให้สัมภาษณ์ปกป้องคล้อยตามสิ่งที่นายเสกสกลชี้แจง อ้างว่าบทสนทนาในคลิปเป็นเพียงการพูดหยอกล้อกันเล่น อีกทั้งยังยืนยันจะไม่ปรับเปลี่ยนตำแหน่งใดๆ ทั้งสิ้น

แม้กระทั่งการลาออก พล.อ.ประยุทธ์ก็ยังยืนยันไม่ได้เป็นฝ่ายยื่นข้อเสนอนี้

“ผมไม่ได้ไปบังคับอะไร เขารู้ว่ามีปัญหาก็ไม่อยากให้นายกฯ เดือดร้อน เขามาขอลาออกเองเพื่อไปแก้ไขปัญหาในทางของเขา ในเรื่องของคณะกรรมาธิการเพื่อให้เกิดความเรียบร้อย นายเสกสกลยืนยันว่าจะทำอย่างเต็มที่ ไม่อยากให้นายกฯ เสียหายเท่านั้นเอง”

พูดไปโดยไม่รู้ว่า เมื่อผู้ใต้บังคับบัญชาที่อยู่ใกล้ตัว ก่อเรื่องสร้างความคลางแคลงให้สังคม ถึงอย่างไรผู้บังคับบัญชาย่อมขว้างงูไม่พ้นคออยู่ดี