“พวงเพ็ชร ชุนละเอียด”จากเบื้องหลังสู่เบื้องหน้า แม่ทัพนครบาล พท. สนาม กทม.เรามากขึ้นแน่นอน

พวงเพ็ชร ชุนละเอียด ซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้อำนวยการ (ผอ.) การเลือกตั้งกรุงเทพมหานคร (กทม.) พรรคเพื่อไทย เปิดใจเล่าว่า ที่จริงแล้วไม่ได้คิดว่าจะอยู่ข้างหน้าหรืออยู่ข้างหลัง แต่ว่าอาศัยการทำงานเป็นหลัก ดิฉันเคยเป็นเลขารัฐมนตรี เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี เป็นที่ปรึกษาทั้งนายกฯ-รองนายกฯ มาแล้ว คิดว่าการทำงานไม่ว่าจะอยู่เบื้องหน้าเบื้องหลังก็ทำได้ทั้งนั้น แต่ตอนนี้ได้มาดำรงตำแหน่ง ผอ.เลือกตั้ง กทม. ของพรรคก็อยากจะทำให้เต็มที่

ส่วนตัวเคยคิดว่าอยากจะอยู่เป็นเบื้องหลัง เป็นพี่เลี้ยง-ที่ปรึกษาให้กับน้องๆ อยากที่จะถ่ายทอดประสบการณ์ให้กับเด็กๆ เพราะช่วงนี้เป็นช่วงของคนรุ่นใหม่อนาคตของชาติ เราต้องปล่อยให้พวกเขาได้แสดงความสามารถของตนเอง ส่วนเราก็จะคอยดูคอยสนับสนุนคอยซัพพอร์ตอยู่ข้างหลัง

จากประสบการณ์ที่เคยทำงานมาตั้งแต่พรรคไทยรักไทย พลังประชาชน แล้วก็อยู่กับพรรคเพื่อไทยมาช้านาน ส่วนตัวเป็นคนชอบอยู่ร่วมกับคนเยอะๆ ดิฉันได้เรียนมาหลายหลักสูตรมีเพื่อนเยอะ เราเองเป็นเหมือนนักกิจกรรม ชอบทำงานให้สังคม ทุกคนที่รู้จักดิฉันดีจะรู้ว่าดิฉันไม่ชอบที่จะเป็นข่าวไม่ชอบออกตัว แต่ชอบที่จะทำงาน เราเองเป็นคนจริงใจ มุ่งมั่นตั้งใจในการทำงาน เราเน้นเรื่องความซื่อสัตย์ สุจริต ทำอะไรที่ถูกต้องและทำเพื่อสังคมต้องเป็นเรื่องที่สำคัญ

: หนักใจไหมมารับตำแหน่งแม่ทัพ?

ไม่ค่อยหนักใจ เพราะเราเตรียมตัวมาจะ 2 ปีกว่า ตั้งแต่การคัดสรรผู้สมัครและลงมือทำหลายอย่างมาตลอดก็มั่นใจ เรามั่นใจในตัวผู้สมัครและนโยบายของพรรคด้วยว่าเพื่อไทยมีนโยบายที่คิดแล้วทำได้จริง เป็นจุดเด่นของเรา ซึ่งเป้าหมายที่วางไว้ ก็อยากให้ได้เสียงมากที่สุดเท่าที่เราคิดว่าจะทำได้ เพื่อที่เราจะลงมือทำ-ผลักดันนโยบายต่างๆ ได้อย่างเต็มที่

: จุดแข็ง จุดอ่อนในสนามเลือกตั้งครั้งนี้?

จุดแข็ง : ดิฉันคิดว่าเป็นความตั้งใจจริง ไม่ว่าจะเป็นของพรรคหรือของผู้สมัครที่จะเดินไปเพื่อที่จะได้เป็น ส.ก.ให้ได้

จุดอ่อน : ส่วนตัวคิดว่าเรามีปัญหาเล็กน้อยเรื่องของผู้แข่งขันโดนเอารัดเอาเปรียบนิดหนึ่ง เช่น ผู้ที่เป็นผู้สมัครซึ่งอาจจะอยู่ในฝ่ายของรัฐบาลหรือผู้มีอำนาจเขาจะใช้อำนาจรัฐมาเอาเปรียบคู่แข่งด้วยกัน ซึ่งเราเห็นว่ามันไม่ยุติธรรม

อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวมั่นใจว่าการเลือกตั้งสนามนี้พรรคเพื่อไทยเราจะได้มากกว่าเดิมแน่นอน เนื่องจากการทำงานของรัฐบาลหรือผู้ว่าฯ ที่มาผ่านมานั้น มีข้อบกพร่องเยอะและประชาชนก็ได้รับความเดือดร้อนทุกข์ทรมานจากการใช้ชีวิตใน กทม. 8 ปีที่ผ่านมาในช่วงที่ไม่มีการเลือกตั้ง จึงคิดว่าคนก็คงจะอยากเปลี่ยนแปลงตรงนี้เพื่อสิ่งที่ดีขึ้น

: ปัญหาที่ต้องเร่งแก้ไขให้คน กทม.?

ปัญหาของคน กทม.ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา เราคิดว่านโยบายของเราสามารถที่จะทำให้ กทม.ดีขึ้นและดีขึ้นไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะประเด็นเรื่อง “เศรษฐกิจ” ที่เราเห็นว่าตกต่ำลงมาก ข้าวของแพง ประชาชนเดือดร้อนรายจ่ายสูงกว่ารายได้ที่ได้รับ

ปัญหาต่อมาคือเรื่องของสาธารณสุขที่เราเห็นจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 เราเห็นว่าทุกอย่างไม่พร้อมเลย ทางการไม่พร้อมรับมือ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของโรงพยาบาล เตียง หน้ากากอนามัย รวมไปในเรื่องของวัคซีนที่ล่าช้ามากทำให้เรานั้นเจ็บป่วยและเสียชีวิตจำนวนมาก

นอกจากนั้นเราก็มีนโยบายในเรื่องของคุณภาพชีวิต เรื่องของขยะ มลพิษต่างๆ เรื่องของทางเดิน ทางเท้า ทางข้ามม้าลาย และเรื่องต่างๆ อยากจะทำให้คุณภาพชีวิตของคน กทม.นั้นดีขึ้น

: ฤดูกาลนี้มี ส.ส.-คนของเพื่อไทยเริ่มย้ายพรรคมีการปรับเกมอย่างไร?

ก็ไม่ได้กังวลใจอะไร คิดว่าเป็นเรื่องของสิทธิส่วนบุคคล ซึ่งบางคนคิดว่าอยากไปอยู่ที่อื่น บางคนเราก็ไม่ได้คาดหวัง บางคนเราก็เห็นจากพฤติกรรมที่ผ่านมา ซึ่งเราก็ไม่ได้ขัดข้องถ้าเกิดเขาอยากจะลาออก เราก็พร้อมที่จะเตรียมคนไว้แทน เราก็เห็นมาโดยตลอดที่บางคนก็แสดงอาการ คิดว่าไม่เป็นไร พรรคพร้อมที่จะส่งผู้อื่นแทน และในการเตรียมทัพสู้เลือกตั้ง เรามีคนหน้าใหม่จำนวนมาก มีทั้งจบปริญญาเอก ปริญญาโท เป็นเด็กรุ่นใหม่เยอะพอสมควร พวกเขาจะเป็นผู้ที่เสียสละให้สังคม บางคนก็เป็นนักพูด บางคนเป็นนักบินเคยขับเครื่องบินมาก่อนก็มีหลายท่าน

การที่พรรคไม่ได้ส่งผู้ว่าฯ กทม.ในนามเพื่อไทย ส่วนตัวคิดว่าพรรคเรามีจุดแข็งอยู่แล้ว หากเราสนับสนุนผู้ว่าฯ คนไหน เราต้องดูนโยบายของเขากับของเราตรงกันหรือไม่ หากตรงกันไปด้วยกันได้ สามารถผลักดันเขาในทิศทางของพรรคได้ บางครั้งผู้สมัครของเราก็ลงพื้นที่ไปกับคุณชัชชาติ สิทธิพันธุ์ หากมีกิจกรรมร่วมกันได้ ดังนั้น เราต้องทำให้เสียงเราได้เยอะ เพื่อที่เราจะสามารถเข้าไปผลักดันนโยบายได้

แต่ส่วนที่ต้องทำการบ้านเพิ่มขึ้น คือการเจาะพื้นที่ที่เพื่อไทยไม่สามารถครองใจคนได้ ส่วนมากจะเป็นกรุงเทพฯ ชั้นใน แต่ช่วงนี้เราก็ได้แก้ไขปัญหานี้ไปมากแล้ว ผู้สมัครของเราขยันลงพื้นที่ แล้วก็รู้ว่าจุดไหนที่เราต้องแก้ไข ก็ได้ทำงานทำการบ้านอยู่ตลอด อาจจะเป็นเพราะฐานเสียงเก่าในพื้นที่นั้นๆ มีพรรคอื่นเขาเคยเป็นรัฐบาลเป็นพรรคที่เก่าแก่มาช้านาน มีฐานเสียงที่มีอายุ แต่ช่วงหลังที่ผ่านมามองว่าทุกอย่างก็เปลี่ยนไป แม้กระทั่งฐานเสียงก็เริ่มเปลี่ยนด้วย

ดังนั้น เราจึงอยากเน้นย้ำจุดแข็งพรรคที่จะเอาไปขาย คือ “นโยบาย” แล้วก็ “ความมุ่งมั่น” ความขยันของพรรคเพื่อไทย ดิฉันคิดว่าว่าผู้สมัครที่ลงทำงานทุกคนขยันมาก แม้กระทั่งเรื่องโควิดตอนนี้ติดโควิดไปแล้ว 16 คน เพราะพวกเขาไม่ได้นิ่งนอนใจในความเดือดร้อนของประชาชน เขาก็ลงพื้นที่ตลอดจนตัวเองติดโควิด ก็ต้องชื่นชมว่าผู้สมัครมีความตั้งใจสูงที่จะรับใช้ประชาชน

ส่วนดิฉันก็ดูแลเป็นแบ็กอัพส่งข้าวส่งของให้น้องๆ ไปแจกพี่น้องประชาชนที่ทำ Hi (Home Isolate) อยู่ ช่วยซัพพอร์ตน้องๆ บางครั้งก็ลงพื้นที่ด้วย

: กรุงเทพฯ ในฝันหน้าตาเป็นอย่างไร?

อยากให้เป็นเมืองที่ยิ่งใหญ่ อยากให้คนกล่าวขานถึงกรุงเทพฯ ว่าเรามีหลายเรื่อง เช่น สตรีตฟู้ด วัดพระแก้ว มีสถานที่ เช่น ตลาดน้ำ มาบุญครอง มีจตุจักร เราเคยเด่นดังมาโดยตลอด แล้วก็อยากให้คนพูดถึงกรุงเทพฯ ไปทั่วโลกเป็นเมืองหนึ่งที่เป็น Destination ให้คนอยากมา

: “ชีวิตส่วนตัว” เป็นคนอย่างไร? หลายคนมองเป็นเจ้าแม่

ถ้าคนที่รู้จักดิฉันดีจะรู้ว่าดิฉันเป็นคนเรียบง่ายมาก ทำอะไรแล้วจะตั้งใจและจะหนักไปทางไหว้พระมากกว่า เช่นไหว้พระราหูที่บ้าน จะมีดาราผู้ที่มีชื่อเสียงมาไหว้กันที่มากบ้าน จริงๆ ที่บ้านเป็นสังคมการไหว้พระ เพราะฉะนั้นเปิดกว้างให้คนมา ใครมีความทุกข์อะไรก็จะไปขอท่าน ขอพรพระกัน

: การรีแบรนด์พรรคเพื่อไทยได้ใจคนรุ่นใหม่หรือยัง?

ส.ส.ในพรรคเรามีแฟนคลับเยอะมาก หากใครมีโอกาสเดินทางมาที่เพื่อไทยช่วงนี้จะเห็นว่าแฟนคลับมารอที่พรรคตลอด กลายเป็นว่าพรรคเราได้รับความนิยมจากแฟนคลับของ ส.ส.หลายๆ ท่าน

ดิฉันคิดว่าเราเดินอยู่กับคนรุ่นใหม่ เดินท่ามกลางใจของพวกเขาว่าต้องการอะไร เพราะฉะนั้นตัวนี้เป็นการบ้านที่ทำให้พรรคเราต้องตามโลกให้ทันว่าโลกไปถึงไหนแล้ว วิถีชีวิตของเขาต้องทำอย่างไรบ้างเพื่อตอบสนอง ดิฉันคิดว่าพรรคเราเป็นพรรคที่ก้าวทันตามโลก เรามีที่ปรึกษามาจาก Globalization คิดว่าพรรคเราทำได้

: ภาพจำคุณทักษิณ ชินวัตร ที่ยังติดกับพรรคนี้?

จริงๆ ท่านก็มีความผูกพันกับพรรคไทยรักไทย พลังประชาชน ซึ่งเราก็มีนายกรัฐมนตรีถึง 2 ท่าน ท่านคงจะรักพรรคและมีความผูกพันบางอย่างท่านก็อยากจะให้คำปรึกษากับพรรครวมถึงรัฐบาล ซึ่งเห็นท่านก็ออก Club House ตลอดในแง่ของเรื่องคำแนะนำ เพราะท่านจะห่วงประเทศชาติ ความเป็น Globalize ของท่านก็จะมีอะไรใหม่ๆ ที่จะมาแนะนำตลอด

: การเข้ามาของ “คุณอุ๊งอิ๊ง” ในพรรคเพื่อไทย?

เป็นหัวหน้าครอบครัวพรรคเพื่อไทย ที่ให้ความอบอุ่นแก่สมาชิก ส่วนตัวอยากให้มองเขาที่เป็นเด็กจบจากเมืองนอก อยากให้มองความสามารถมากกว่าที่จะมองว่าเป็นลูกของใคร อยากให้มองว่ามีความทันสมัย สามารถช่วยเข้ามาแก้ปัญหาในพรรคของเราได้ ซึ่งคุณสมบัติการเป็น “ผู้นำประเทศ” ของเราในเวลานี้ต้องการผู้นำที่ทันโลก รู้จักปรับตัว เพราะประเทศเราล้าหลังมามากแล้ว

เราต้องการคนที่มี vision ในการแก้ไขปัญหาของประเทศให้ตรงจุด

ชมคลิป เปิดใจเต็มๆ