‘แดงเดือดอินกรุงเทพ’ ของดีที่มาให้ดูกับตาถึงที่! / เขย่าสนาม : เด็กเก็บบอล

เขย่าสนาม

เด็กเก็บบอล

[email protected]

 

‘แดงเดือดอินกรุงเทพ’

ของดีที่มาให้ดูกับตาถึงที่!

 

ว่ากันว่าการเจอกันของสองทีมคู่ปรับที่มีแฟนฟุตบอลมากที่สุดในโลกอย่าง “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล หรือที่เราเรียกันว่า “ศึกแดงเดือด” เป็นหนึ่งแมตช์ที่แฟนทั้งสองสโมสรควรจะต้องไปรับชมด้วยตาตัวเองในสนามให้ได้

แน่นอนว่ามีหลายคนที่เคยได้บินไปสัมผัสบรรยากาศดังกล่าวถึงประเทศอังกฤษมาแล้ว แต่คราวนี้ถือว่าเป็นโชคดีสำหรับคนไทยที่จะได้เข้าไปชมเกมนี้กับตาตัวเองในสนาม แต่เปลี่ยนจาก แอนฟิลด์ หรือ โอลด์ แทรฟฟอร์ด มาเป็น ราชมังคลากีฬาสถาน ในวันที่ 12 กรกฎาคมนี้!

ทั้งหมดถือว่าเป็นฝีมือในการดีลของ “เสี่ยวินิจ” วินิจ เลิศรัตนชัย ผู้บริหารบริษัท เฟรชแอร์เฟสติวัล จำกัด เจ้าพ่ออีเวนต์คนหนึ่งของเมืองไทย ที่ใช้การเจรจากว่า 2 ปี จนทำให้ได้เกมที่มีแฟนบอลติดตามรอชมทั่วโลก มาฟาดแข้งในเมืองไทยได้

 

ว่ากันตามตรงแล้ว เมื่อตอนต้นเดือนกุมภาพันธ์ ที่ได้ยินเรื่องนี้ครั้งแรกเลย ค่อนข้างไม่เชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้ เพราะเอาแค่ช่วงเวลาปกติ การจะดึงสักทีมหนึ่งมาแข่งขันที่ประเทศไทย ยังเป็นเรื่องยาก แต่การจะเอามาทั้งสองทีมยิ่งยากเข้าไปใหญ่

ส่วนตัวแล้วเริ่มเชื่อว่าดีลนี้มีโอกาสเกิดขึ้นสูง ตอนที่สื่อต่างประเทศรายงานถึงทีมที่ 3 ที่จะเข้ามาเป็นหนึ่งในทีมที่จะมาทัวร์เอเชียด้วยอย่าง คริสตัล พาเลซ ขึ้นมา จึงทำให้เริ่มเห็นภาพการแข่งขันที่จะเกิดได้มากขึ้น

เสี่ยวินิจเปิดเผยถึงที่มาของดีลนี้ คือย้อนกลับไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว เขามีความคิดในการจะดึงลิเวอร์พูลมาประเทศไทย เพื่อเป็นการฉลองแชมป์พรีเมียร์ลีก สมัยแรกในรอบ 30 ปี แต่ด้วยการแพร่ระบาดของโควิด-19 มันทำให้แผนนี้ต้องถูกพับไป โดยที่ตัววินิจเองก็แทบจะไม่ได้สนใจจะดึงลิเวอร์พูลมาเมืองไทยแล้ว เนื่องจากการฉลองแชมป์มันจืดไปแล้ว

แต่ทว่าเอเย่นต์ที่เคยติดต่อเอาไว้ ได้ติดต่อมาอีกครั้งช่วงเดือนสิงหาคม พ.ศ.2564 แต่คราวนี้วินิจเสนอกลับไปว่าถ้าจะสนใจก็ต่อเมื่อมีแมนฯ ยูไนเต็ด มาได้ ทำให้เริ่มมีการพูดคุยกัน

“มันเป็นเรื่องยากจริงๆ แค่ทีมใหญ่ทีมเดียวก็ยากแล้ว ยากตั้งแต่เรื่องการดีล เจรจาสิทธิประโยชน์ ขั้นตอนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพราะเป็น 2 ทีมยักษ์ที่มีแฟนคลับทั่วโลกจับตามองเรื่องนี้อยู่ก็ยิ่งยากเข้าไปใหญ่ และสำคัญคือ ไม่ใช่แค่เราที่อยู่บนโต๊ะเจรจา มีอีกหลายประเทศ ทุกคนอยากได้หมด”

สุดท้ายแล้วประเทศไทยเป็นผู้ชนะที่ได้เกมแดงเดือดมาจัดที่บ้านของเรา ซึ่งเหตุผลที่ทำให้ได้นั้น ซีอีโอเฟรชแอร์บอกว่า มาตรการด้านสาธารณสุขของประเทศไทยนั้นมีเงื่อนไขที่เปิดกว้างกว่าประเทศใหญ่ๆ อย่างจีน หรือญี่ปุ่น ทำให้นอกจากทั้งสองทีมที่จะบินเข้ามานั้น ยังมีแฟนบอลจากทั่วเอเชียที่จะสามารถเดินทางเข้ามาชมแดงเดือดครั้งแรกบนทวีปเอเชียได้อีกด้วย

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการเปิดเผยค่าบัตรเข้าชมออกมา ซึ่งมีราคาขั้นต่ำคือ 5,000 บาท ตามด้วย 7,000/12,000/15,000/20,000/22,000 โดยมีราคาแพงสุดคือ 25,000 บาท ทำให้มีกระแสตีกลับพอสมควรกับราคาในช่วงเศรษฐกิจเช่นนี้

แต่ส่วนหนึ่งก็ต้องเข้าใจว่าเกมนี้ถือว่าเป็นเกมประวัติศาสตร์เกมหนึ่ง เพราะเดิมทีเกมแดงเดือดจะหาโอกาสออกมาเตะนอกเกาะอังกฤษได้ยากมากๆ ที่ผ่านมามีแค่ 2 ครั้งเท่านั้น ก็คือเกม อินเตอร์เนชั่นแนล แชมเปี้ยน คัพ ที่ สหรัฐอเมริกา

อีกทั้งการจะเสียเงินไปชมเกมแดงเดือดถึงประเทศอังกฤษ ก็ต้องมีค่าใช้จ่ายต่อคนไม่ต่ำกว่าหลักแสนบาทขึ้นไป ทว่าครั้งนี้มาเตะให้ชมถึงที่ ไม่ต้องเสียค่าเครื่องบิน ก็อาจจะต้องเป็นค่าใช้จ่ายที่ต้องยอมรับหน่อย เพราะตัววินิจเองยังบอกว่าต่อให้ขายบัตรทุกใบ ไม่มีแจกฟรี หรือให้สปอนเซอร์ ยังไม่ได้ค่าจ้างที่ดึงทั้งสองทีมมาด้วยซ้ำ

นอกจากนี้ นี่คือเกมเดียว เตะกันครั้งเดียว และทั้งสองทีมไม่มีโปรแกรมไปเจอกันเองแบบนี้ที่ไหนอีกแล้วในช่วงซัมเมอร์ จะเจอกันอีกทีก็ตอนช่วงเปิดฤดูกาลปกติแล้ว ดังนั้น ยิ่งเพิ่มความสำคัญ ความเอ็กซ์คลูซีฟให้กับแมตช์นี้ยิ่งขึ้นไปอีก

จนถึงกับเอามาตั้งชื่องานว่า “THE MATCH Bangkok Century Cup 2022” เพราะเป็นแมตช์แห่งศตวรรษที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทยก็ว่าได้

 

จุดที่น่าสนใจสำหรับเกมแดงเดือด คือผลอะไรบ้างที่ประเทศไทยจะได้รับ นอกเหนือไปจากความสนุกสนานที่จะได้จากการชมเกมนี้

สิ่งที่เชื่อว่าประเทศไทยจะได้ถ้าหากแมตช์นี้เกิดขึ้นมาแล้วจบลงอย่างสวยงาม ไม่มีผลกระทบอะไรตามหลังมาด้วย นั่นคือภาพลักษณ์ที่ดีต่อประชาคมโลก ทำให้เห็นว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่ปลอดภัยจากโควิด-19 สามารถจัดงานใหญ่ที่มีการรวมตัวของคนเป็นจำนวนมากได้ แล้วไม่เกิดเป็นคลัสเตอร์

รวมถึงเม็ดเงินที่จะได้จากชาวต่างชาติ ที่จะเดินทางเข้ามาชมเกมนี้ ซึ่งเสี่ยวินิจเผยไว้แล้วว่าจะมีการกันบัตรเอาไว้ขายให้ชาวต่างชาติโดยเฉพาะราวๆ 15,000 ที่นั่งด้วยกัน ฉะนั้น ตีกลมๆ ต่อคนจะเข้ามาประเทศไทย ใช้เงินสัก 50,000 บาท เท่ากับเงิน 750 ล้านบาทเลยทีเดียว

ในวันที่ 10 มีนาคมนี้ แอนดี้ โคล และ เอียน รัช พร้อมด้วยตัวแทนของทั้งสองสโมสร ก็จะเดินทางมาแถลงข่าวการแข่งขันครั้งนี้อย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง ไว้มารอดูรายละเอียดเพิ่มเติมสำหรับการแข่งขันที่จะเกิดขึ้น

ว่าแต่ฝั่งลิเวอร์พูลจะเอาถ้วยแชมป์บินมาอวดสักกี่ถ้วยกันนะ อย่างน้อยตอนนี้ก็มีมาหนึ่งถ้วยแล้วล่ะ