โล่เงิน

 

เปิด ‘ปฏิบัติการบูรพา 491’

‘ไทย-กัมพูชา’ ทลายแก๊งคอล

ผลงานส่ง ‘บิ๊กเด่น’ รับไม้ ผบ.ตร.

 

ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงเอาทรัพย์สิน สร้างความเดือดร้อนให้กับคนไทย โดยเฉพาะช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มีผู้เสียหายถูกหลอกและตกเป็นเหยื่อจนหมดตัวรายวัน

เกี่ยวกับเรื่องนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งการให้เร่งระดมกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ที่สร้างความเดือดร้อนให้กับคนไทย เตือนผู้ที่เข้าร่วมแก๊งคอลเซ็นเตอร์จะมีความผิดและต้องถูกดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกงประชาชน พร้อมกับฝากให้ประชาชนระมัดระวัง

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. เด้งรับนโยบายนายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) หรือ Police Cyber Taskforce (PCT) ดำเนินการเร่งปราบปรามกวาดล้างขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์

ล่าสุด 3 กุมภาพันธ์ 2565 ผอ.ศูนย์ PCT นำทีมเปิด “ปฏิบัติการบูรพา 491” ปูพรมตะเข็บชายแดน จ.สระแก้ว ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ตัดวงจรส่งคนไทยข้ามแดนไปกัมพูชา จับกุมสองสามีภรรยาทำหน้าที่ประสานงานกับชาวจีนหัวหน้าเครือข่ายและเป็นธุระจัดหาคนไทยไปทำงานในประเทศกัมพูชา ผ่านเว็บไซต์จัดหางานประเทศเพื่อนบ้าน โดยหลอกว่ามีรายได้ดี งานสบาย เมื่อมีคนหลงเชื่อจะขับรถไปรับถึงบ้านและนำพาข้ามชายแดนไปยังประเทศกัมพูชา

ทั้งสองให้การรับสารภาพว่ามีนายปอ หนวดงาม คนไทย เป็นขาใหญ่ควบคุมคอลเซ็นเตอร์ชาวไทยอยู่ฝั่งกัมพูชา พร้อมออกหมายจับผู้เกี่ยวข้อง รวมทั้งสิ้น 71 หมายจับ ซึ่งอยู่ในออฟฟิศใหญ่ที่ประเทศเพื่อนบ้านเช่นกัน

จากนั้นทีมงานตำรวจ PCT กลับมาทำการบ้านวางแผนเพื่อขยายผลให้ถึงตัวการใหญ่

ต่อมา 10 กุมภาพันธ์ 2565 “บิ๊กเด่น” พร้อมด้วยนายเอกสิทธิ์ คุณานันทกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือดีอีเอส เข้าพบ พล.อ.เซา ซกคา รอง ผบ.สส. และ ผบ.สห. (Gendarmerrie) ผู้แทนฝ่ายรัฐบาลกัมพูชา เพื่อประสานความร่วมมือปฏิบัติการจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ฝังตัวอยู่ในกัมพูชา

กระทั่งทางการกัมพูชาไฟเขียว ทีมงาน ศปอส.ตร. ประกอบด้วย พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.สส.สตม./หน.ชุดปฏิบัติการ PCT ที่ 1, พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.ภ.2 /หน.ชุดปฏิบัติการ PCT ที่ 5, พ.ต.อ.สถิตย์ พรมอุทัย รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง ผกก.(สอบสวน) บก.สส.ภ.2, พ.ต.อ.ชย พานะกิจ ผกก.สอบสวน บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ปริญญา กลิ่นเกษร ผกก.ตม.จว.สมุทรปราการ เปิดปฏิบัติการร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่ไทยกับกัมพูชา

มีเป้าหมายในการเข้าตรวจค้น 3 จุดพร้อมกัน คือ 1.อาคาร Y.N Hotel กรุงพนมเปญ 2.อาคารตรงข้าม Sokha Vegas Caniso ในเมืองพระสีหนุ และ 3.อาคาร Chinatown GM Office ในเมืองพระสีหนุ

รวมทั้ง 3 จุด จับกุมตัว 21 คนไทย สมาชิกแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย ในข้อหาเป็นอั้งยี่ซ่องโจร มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ

ปฏิบัติการตัดวงจรขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ นับเป็นอีก 1 ผลงานชิ้นโบแดงของบิ๊กเด่น ที่ได้พิสูจน์ฝีมือ เตรียมรับไม้ต่อจาก พล.ต.อ.สุวัฒน์ที่จะอำลาตำแหน่งในอีก 7 เดือนข้างหน้า

“พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์” ถือได้ว่าเป็นแคนดิเดตเบอร์ 1 ชิงเก้าอี้แม่ทัพสีกากีคนที่ 13

เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 22 และ นรต.รุ่น 38 จบปริญญาโท รัฐประศาสนศาสตร์จาก City University ประเทศสหรัฐอเมริกา, หลักสูตร Pacific Training Initiative (PTI) ของ F.B.I, หลักสูตรการควบคุมฝูงชน ของ Tacoma Police Department ประเทศสหรัฐอเมริกา

เคยดำรงตำแหน่งรอง สวส.สน.พลับพลาไชย เขต 2, สว.งาน 3 กก.1 ตม.1, รอง ผกก.ป.สน.บางรัก, ผกก.สน.คลองตัน, รอง ผบก.สายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ (รอง ผบก.191), รอง ผบก.อคฝ. (กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน), ผบก.ภ.จว.อำนาจเจริญ, ผบก.น.2, ผบก.ภ.จว.พะเยา, รอง ผบช.ภ.5, ผบช.ภ.3, ผู้ช่วย ผบ.ตร. ต่อมา 1 ตุลาคม 2563 ได้รับการแต่งตั้งเป็นรอง ผบ.ตร.

ผลงานสำคัญขณะนั่ง ผกก.สน.คลองตัน เคยได้รับรางวัลชุดปฏิบัติการชุมชนสัมพันธ์ดีเด่น สำหรับระดับผู้กำกับการเป็นหัวหน้าสถานีตำรวจประจำปี 2546 ถึงปี 2548 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 3 ปีติดต่อกัน

 

ขณะดำรงตำแหน่ง ผบก.ภ.จว.พะเยา จากผลการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติสำรวจความคิดเห็นของประชาชน 77 จังหวัด ประชากรตัวอย่าง 61,800 คน (จังหวัดละ 800 คน/กทม. 1,000 คน) ตามยุทธศาสตร์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดในการป้องกันปราบปรามและแก้ไขปัญหายาเสพติด ซึ่ง จ.พะเยาได้รับความพึงพอใจ 100% สูงสุดเป็นลำดับ 1

ขณะดำรงตำแหน่ง ผบช.ภ.3 ได้รับโล่เกียรติคุณบุคคลและองค์กรที่มีผลงานยอดเยี่ยมและดีเด่นในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ประจำปี 2561 จาก พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม

ปัจจุบันได้รับมอบหมายจาก ผบ.ตร. ให้รับผิดชอบงาน “มั่นคงและกิจการพิเศษ”

และเป็นผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) หรือ Police Cyber Taskforce (PCT), ผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม และความมั่นคง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (Anti-Fake News and Security Center of Royal Thai Police) เรียกชื่อโดยย่อว่า “ศตปค.ตร.” (ANSCOP) และเป็นผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามการแข่งรถในทางและความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผอ.ศปข.ตร.)

เมื่อย้อนประวัติศาสตร์นับตั้งแต่รัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มาจนถึงปัจจุบัน จะเห็นว่า รอง ผบ.ตร.ที่เคยคุมงานความมั่นคงเช่นเดียวกับ “บิ๊กเด่น” ล้วนได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำสีกากีทั้งสิ้น ถ้าไม่มีตัวแปรมาแทรก เก้าอี้ “พิทักษ์ 1” คงไม่ไกลเกินเอื้อม

ที่สำคัญ ผบ.ตร.ใครจะขึ้นอยู่ที่ “ผู้มีอำนาจ”