เตรียมตัวล้างกระดานสู่รัฐบาลใหม่ | ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์

ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์www.facebook.com/sirote.klampaiboon

ในที่สุดคุณธรรมนัส พรหมเผ่า ก็ออกจากพรรคพลังประชารัฐไปตามที่ผมเขียนไว้ตั้งแต่วันที่ 19 มกราคม และจากนี้ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงระดับพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน อนาคตของรัฐบาลประยุทธ์ก็ถือว่าจบสิ้นแล้ว เหลือเพียงแค่จะรูดม่านปิดฉากลงไปอย่างเป็นทางการวันไหนเท่านั้นเอง

คุณประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่เคยปกปิดว่ามองคุณธรรมนัสเป็นศัตรู และนับตั้งแต่ลงนามปลดคุณธรรมนัสจากคณะรัฐมนตรี ถึงวันที่คุณธรรมนัสออกจากพรรค คุณประยุทธ์ทำทุกทางเพื่อกำจัดคุณธรรมนัสจนเข้าขั้นหมกมุ่น เพราะเป็นเวลาเกือบครึ่งปีแล้วที่คุณประยุทธ์ทำเรื่องนี้อย่างไม่มีประโยชน์อะไรเลย

ฝ่ายตรงข้ามคุณประยุทธ์มองว่าคุณธรรมนัสคือคนที่จะล้มรัฐบาล แต่ความเป็นจริงคือการถูกขับจากพรรคย่อมทำให้คุณธรรมนัสพ้นตำแหน่งเลขาธิการพรรคด้วย

คุณประยุทธ์จึงได้ทุกอย่างที่ต้องการในที่สุด ขณะที่คุณธรรมนัสที่สูญเสียตำแหน่งในฐานะรัฐมนตรีและเลขาธิการพรรคการเมือง

ไม่ใช่ครั้งแรกที่คุณประยุทธ์ทำแบบนี้กับคนที่ตัวเองไม่ต้องการทางการเมือง และด้วยวิธีกำจัดคู่แข่งอย่างคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร, คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และคุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ คุณประยุทธ์ประจานตัวเองให้โลกเห็นมานานแล้วว่าเป็นคนแบบไหน เช่นเดียวกับวิธีที่คุณประยุทธ์กำจัดคุณปรีดิยาธร เทวกุล และคุณสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ออกจากรัฐบาล

ในโลกของคุณประยุทธ์ ใครที่ไม่ใช่พวกพ้องต้องถูกกวาดล้างให้สิ้นซาก ถ้าเกลียดมากก็ทำให้หมดบทบาทโดยสิ้นเชิงอย่างสองอดีตนายกฯ และคุณธนาธร

เบาหน่อยก็ส่งลิ่วล้อป่วนอย่างที่ทำกับคุณเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส แต่ถ้ายังเห็นเป็นพวกเดียวกันก็ปล่อยข่าวทำลายชื่อเสียงแบบหม่อมอุ๋ยและคุณสมคิดโดน

เห็นได้ชัดว่าคุณประยุทธ์กำจัดคุณธรรมนัสในเฉดเดียวกับที่ทำกับคุณทักษิณ, คุณยิ่งลักษณ์ และคุณธนาธร ถึงแม้ความเข้มข้นจะไม่มากเท่าเมื่อคำนึงถึงตำแหน่งของคุณธรรมนัสทางการเมือง แต่ก็มุ่งกวาดล้างจนทำให้หมดบทบาทไปในที่สุด หรืออย่างมากก็เป็นแค่ ส.ส.ธรรมดาคนหนึ่งในสภา

คุณประยุทธ์มองการเมืองด้วยสายตาว่าใครเป็นมิตรและใครเป็นศัตรู และใครที่เป็นศัตรูย่อมเป็นเป้าหมายของการถูกกวาดล้างที่อาจถึงขั้นขุดรากถอนโคน

ส่วนคนที่เป็นมิตรก็จะถูกตอบแทนโดยแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งต่างๆ ต่อให้คนเหล่านั้นอาจจะไม่มีความสามารถในตำแหน่งเหล่านั้นเลย

ถ้าดูจากการที่คุณประยุทธ์ตั้งคุณไก่อูเป็นอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์และควบคุมช่อง 11 ทั้งที่ยิ่งอยู่นานเรตติ้งยิ่งต่ำติดดิน คุณประยุทธ์คือคนที่ใครเป็นพวกพ้องย่อมเป็นคนดีไปหมด คุณแรมโบ้ถึงได้ถูกแต่งตั้งไปคุมองค์กรรายได้สูงอย่างกองสลากทั้งที่ไม่เคยมีประสบการณ์บริหารธุรกิจอะไรเลย

ปัญหาคือ นอกจากคุณแรมโบ้, คุณธนกร, คุณไก่อู ฯลฯ คุณประยุทธ์คือคนที่มีศัตรูรอบทิศโดยที่แทบไม่มีใครเป็นมิตรทางการเมืองด้วยเลย ไม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์, พรรคภูมิใจไทย, พรรคพลังประชารัฐ ฯลฯ ส่วนการร่วมรัฐบาลประยุทธ์เป็นเพียงการร่วมมือเพื่อผลประโยชน์เฉพาะหน้าเท่านั้นเอง

อํานาจต่อรองของคุณธรรมนัสมาจากจำนวน ส.ส.ที่มีในสภา และทันทีที่สภาเปิด คุณธรรมนัสย่อมไม่รีรอที่จะใช้สภาแสดงอำนาจของตัวเองแน่ๆ ทั้งในรูปของการเสนอนับองค์ประชุมสภาเพื่อให้สภาล่ม, ไม่ลงมติในเวลาที่รัฐบาลเสนอกฎหมายสำคัญ หรือยกมือไม่ไว้วางใจรัฐบาล

แน่นอนว่าอำนาจต่อรองของคุณประยุทธ์คือการขู่ ส.ส.ว่าจะยุบสภา แต่ปัญหาคือการยุบสภาในเวลานี้อาจทำให้คุณประยุทธ์ไม่มีทางกลับมาเป็นนายกฯ อีก อาวุธนี้จึงใช้ในเวลานี้ไม่ได้ คุณธรรมนัสที่พ่ายแพ้คุณประยุทธ์ในศึกคณะรัฐมนตรีและพลังประชารัฐจึงมีอำนาจต่อรองสูงขึ้นโดยปริยาย

คุณประวิตร วงษ์สุวรรณ ยอมรับว่าพรรคใหม่คุณธรรมนัสคือพรรคของคุณประวิตร ซ้ำยังกำชับว่าจากนี้ปัญหาจบ ต่างคนต่างอยู่ แต่ความจริงคือคุณประยุทธ์กับคุณธรรมนัสขัดแย้งกันเข้าขั้นบ้าเลือด วิธีตั้งพรรคใหม่เป็นแค่การเปิดทางให้คุณธรรมนัสตั้งหลักจากแรงกระแทกของคุณประยุทธ์เท่านั้นเอง

คุณธรรมนัสคือหัวหน้ามุ้งที่มี ส.ส.มากที่สุดกลุ่มหนึ่งในสภา แต่ถ้าคุณธรรมนัสไม่ได้เป็นรัฐมนตรีและทำให้สมาชิกกลุ่มเป็นรัฐมนตรีไม่ได้ บารมีคุณธรรมนัสในฐานะหัวหน้ามุ้งก็เสื่อมไปด้วย คุณธรรมนัสจึงต้องทำอะไรสักอย่างระหว่างได้ตำแหน่งรัฐมนตรีกับแสดงพลังกดดันรัฐบาล

การเมืองในสภาถึงทางตันที่รอแค่วันเวลาซึ่งทุกอย่างจะปะทุออกมา คุณประยุทธ์ที่ไม่มีมิตร กำลังมีศัตรูมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะในสภาและนอกสภา โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากปัญหาเศรษฐกิจที่คุณประยุทธ์ไม่มีท่าทีจะแก้ปัญหาอะไรเลย

ของแพงกำลังเป็นปัญหาที่กดดันคนไทยทั้งประเทศอย่างที่ทุกคนรู้กัน และถึงแม้เสียงบ่นของประชาชนจะไม่ดังกึกก้องเหมือนช่วงต้นปีที่ของเริ่มแพง ความเงียบก็ไม่ได้หมายความว่าปัญหาของแพงจะทุเลาเบาบางลง แต่เป็นเพราประชาชนปรับตัวให้อยู่ได้ในภาวะที่ของขึ้นแต่รายได้ไม่ขึ้นตาม

ล่าสุด ราคาน้ำมันปาล์มในประเทศกำลังจะทะยานเป็นขวดละ 70 ซึ่งแพงที่สุดในรอบ 10 ปี ขณะที่ราคาเนื้อสัตว์ที่แพงตั้งแต่ต้นปีก็แพงต่อเนื่อง หมูกรอบพุ่งเป็นโลละ 700 เท่ากับอีก 300 บาทก็จะกิโลละพัน หรืออีกนัยคืออาจเป็นของที่คนจำนวนมากต้องคิดมากขึ้นที่จะกินจนกินไม่ได้ไปเลย

คนส่วนใหญ่เข้าใจว่าหมูแพงก็ให้ไปกินไก่แทน แต่ราคาไก่ที่ทะยานจากโลละ 47 เป็นโลละ 67 เท่ากับสูงขึ้นเกือบ 50% เป็นความเปลี่ยนแปลงที่ทำให้แม้แต่การกินไก่ก็เป็นเรื่องที่ต้องคิดมากขึ้นแน่ๆ ซึ่งเท่ากับว่าคนจะกำลังซื้อหดจนลดการจับจ่ายใช้สอยลงตามสัดส่วนราคาของที่แพงขึ้นทันที

สำหรับคนที่ช่างสังเกตว่าเกิดอะไรในโลกรอบตัว ราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้นทำให้ร้านค้าบางส่วนทยอยปิดตัวลง ร้านก๋วยเตี๋ยวหรืออาหารจานเดียวที่เคยขายออนไลน์บางเจ้าหายไปเฉยๆ หรือไม่ก็ปรับเมนูโดยลดหมูให้น้อยลง หรือไม่อย่างนั้นก็งดขายอาหารประเภทหมูอย่างหมูกรอบไปเลย

ราคาสินค้าที่แพงขึ้นในเวลาที่รายได้เท่าเดิมย่อมทำให้ “เงินเฟ้อ” จนเม็ดเงินในกระเป๋ามีมูลค่าลดลงขั้นทำให้ประชาชนต้องลดการจับจ่ายใช้สอยลง แต่ในเมื่อคนแต่ละกลุ่มมีรายได้ต่างกัน คนกลุ่มที่มีรายได้น้อยย่อมได้รับผลกระทบปัญหาข้าวของมากกว่าประชาชนกลุ่มรายได้สูงโดยปริยาย

ถ้าเป็นช่วงเศรษฐกิจดี ทางรอดของคนรายได้น้อยคือการทำงานให้มากขึ้น ไม่อย่างนั้นก็คือหารายได้เสริมทางอื่นเสริม แต่ถ้าเศรษฐกิจไม่ดี โอกาสที่นายจ้างจะมีงานมากก็จะลดลง และโอกาสที่คนรายได้น้อยจะทำงานมากขึ้นหรือหารายได้เพิ่มขึ้นก็ลดลงไปด้วยโดยปริยาย

โดยปกติแล้วคนรายได้น้อยต้องหาเช้ากินค่ำขั้นแทบตำข้าวสารกรอกหม้อ ชีวิตทางเศรษฐกิจของคนกลุ่มนี้จึงเปราะบางจนเม็ดเงินลดลงนิดเดียวก็กระทบไปหมด กลางเดือนมกราคมจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ม็อบคนจนกลุ่มต่างๆ กลับมารวมตัวหน้าทำเนียบอีกครั้ง ต่อให้ประยุทธ์จะไม่สนใจเลยก็ตาม

แม้การชุมนุมหน้าทำเนียบในช่วงที่ผ่านมานั้นมีมวลชนไม่มากพอจะกดดันรัฐบาล แต่จำนวนคนที่เดือดร้อนจริงๆ ย่อมมีมากกว่าคนที่ไปหน้าทำเนียบ ความไม่สนใจแก้ปัญหาประชาชนจึงทำให้คนที่ไม่ได้มาชุมนุมนั้นไม่พอใจรัฐบาล

เพราะความมึนชาของรัฐบาลคือการทอดทิ้งปัญหาสู่ประชาชน

ที่ผ่านมานั้นคุณประยุทธ์ลดความไม่พอใจของประชาชนเรื่องปากท้องด้วยนโยบายแจกเงิน แต่การที่มาตรการคนละครึ่งรอบนี้ถูกตัดเหลือเพียง 1,200 สะท้อนว่ารัฐบาลไม่มีเงินมากพอจะทำอย่างที่ผ่านมาอีกแล้ว ความไม่พอใจของประชาชนจึงมีโอกาสสูงขึ้น หรืออย่างน้อยก็ไม่มีทางลดลง

มองในแง่ภาพใหญ่ทางการเมือง คุณประยุทธ์กำลังเข้าสู่ภาวะของการมีศัตรูทั่วทุกสารทิศทั้งในสภาและนอกสภา

ยิ่งกว่านั้นคือศัตรูเหล่านี้ไม่มีเหตุให้ต้องประนีประนอมกันต่อไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมือง, ส.ส. หรือประชาชนกลุ่มที่เดือดร้อนจากนโยบายต่างๆ ของรัฐบาล

ไม่มีรัฐบาลไหนอยู่ได้ภายใต้แรงกดดันของการเมืองมวลชนและการเมืองในสภาแบบนี้

แม้แต่กองทัพหรืออำนาจพิเศษต่างๆ ก็ไม่สามารถช่วยคุณประยุทธ์ในสถานการณ์นี้ได้

อนาคตของรัฐบาลนี้จึงจบได้แล้ว เหลือเพียงแต่ฉากจบและวันจบจริงๆ ว่าจะเป็นวันไหนและด้วยเรื่องอะไรเท่านั้นเอง

ปาฏิหาริย์เดียวที่รัฐบาลนี้จะอยู่ได้คือการแบ๊กอัพอย่างหน้ามืดตามัวที่ดูแล้วไม่น่าเกิดขึ้นในภาวะปัจจุบัน