พปชร.แนะกลุ่มการเมืองเก่าแก่ เลิกวาทกรรมทำลายผู้อื่น ควรโฟกัสแก้ปัญหา ปชช.

สัณหพจน์ แนะ กลุ่มการเมืองเก่าแก่ เลิกสร้างวาทกรรมทำลายผู้อื่น ชี้ให้โฟกัสแก้ปัญหาประชาชน ลั่น พปชร.ไม่เคยเคลมนโยบายของพรรคร่วมรัฐบาล

วันที่ 13 ม.ค.2565 นายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า จากกรณีมีกลุ่มการเมืองเก่าแก่ อ้างถึงนโยบายลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับประชาชนและฟื้นฟูเศรษฐกิจ พร้อมอ้างอิงเป็นส่วนหนึ่งของผลงานที่กลุ่มการเมืองของตนเองมีส่วนร่วมนั้น ขอแนะนำให้หลีกเลี่ยงพฤติกรรมดังกล่าวซึ่งใช้มาตลอดกว่า 30 ปี โดยเฉพาะการคิดประดิษฐ์สร้างสรรค์วาทกรรมทางการเมืองเพื่อยกตนข่มผู้อื่น

หากใช้เวลาในช่วงที่คิดเรื่องการสร้างวาทกรรมทำลายผู้อื่น มาคิดสร้างสรรค์เพื่อบริหารกระทรวงที่รับผิดชอบ ทำให้การบริหารงานมีประสิทธิภาพตามที่ได้รับมอบหมาย มีผลงานเป็นประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน น่าจะเหมาะสมกว่า

ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่า พรรคพลังประชารัฐพร้อมร่วมทำงานกับพรรคร่วมรัฐบาลที่มีมากถึง 17 พรรคด้วยความเข้าอกเข้าใจ ให้โอกาสและพร้อมรับฟังความคิดเห็นข้อเสนอต่างๆ เป็นอย่างดี สิ่งสำคัญที่สุดคือ พรรคไม่เคยเคลมนโยบายผลงานของพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันมาเป็นผลงานของตัวเอง เช่น นโยบายปลดล็อกกัญชา หรือ การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 100 ล้านโดส ทั้ง 2 โครงการเป็นผลงานพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ที่ควรได้รับการชื่นชมจากพรรคร่วมรัฐบาลและประชาชน ที่ช่วยให้ประเทศไทยติดอับดับโลกของการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19

นายสัณหพจน์ กล่าวว่า สิ่งที่ทุกคนเห็นในวันนี้คือ สินค้าอุปโภค-บริโภคราคาแพงขึ้น ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงหนึ่งที่ดูเหมือนทำงานแบบเช้าชามเย็นชาม เมื่อประชาชนเดือดร้อน พรรคพลังประชารัฐพร้อมบรรเทาความเดือดร้อน แก้ปัญหาผ่านกลไกของกระทรวงการคลัง ทั้งการเตรียมความพร้อมโครงการ คนละครึ่งเฟส 4 หรือโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ขยายเวลาตรึงราคาแก๊สหุงต้มต่อไปอีก 3 เดือน จนถึงวันที่ 31 มี.ค. และคงราคาก๊าซเอ็นจีวี เพื่อพยุงราคาต้นทุนค่าขนส่ง และค่าโดยสารรถสาธารณะ บรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน

สำหรับกลุ่มการเมืองที่ออกมาตีโพยตีพาย ขณะที่พรรคอื่นๆ กำลังเดินหน้าพร้อมพัฒนาประเทศ แก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ควรใช้เวลานี้กลับมาคิดทบทวนการบริหารนโยบายของตนเอง ที่มักมีวิธีคิดแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ทั้งที่ได้รับโอกาสบริหารกระทรวงที่รับผิดชอบมากว่า 2 ปี ขณะเดียวกันยังออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรมในสนามเลือกตั้ง อยากได้การเมืองที่สุจริต หากสุจริตจริงตามที่กล่าวอ้าง ตนพร้อมยอมรับ แต่ที่ผ่านมากว่า 30 ปีตนยังไม่เห็นพฤติกรรมดังกล่าว

นายสัณพจน์ กล่าวว่า การเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยคือ การเปิดให้ประชาชนได้เลือกผู้แทนเข้าไปทำหน้าที่แทนตัวเองในสภา อย่างมีอิสระเสรี โดยไม่มีข้อผูกมัดใดๆ ไม่ใช่มาร้องขอความเห็นใจ หรือความเป็นธรรม ความเป็นธรรมไม่ใช่มรดกตกทอด การทำงานเพื่อผลประโยชน์สูงสุดของประชาชน นั่นคือความเป็นธรรมและการเมืองสุจริตที่ประชาชนจะได้รับ เมื่อมอบความไว้วางใจเลือกผู้แทนของตัวเองเข้าไปทำหน้าที่แก้ปัญหาความเดือดร้อนที่เขาได้รับ