โควิด-19 (3 ม.ค.) ติดเชื้อใหม่ต่ำกว่า 3 พันราย จากตปท. 168 ราย ดับ 18 ศพ

ศบค. รายงานสถานการณ์เบื้องต้น โควิดวันนี้ ผู้ป่วยใหม่ต่ำกว่า 3,000 ราย เสียชีวิต 18 ราย พบผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 168 ราย กำลังรักษากว่า 3.3 หมื่นราย

เมื่อวันที่ 3 ม.ค.65 ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ประจำวัน เบื้องต้นมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 รวม 2,927 ราย จำแนกเป็น ผู้ป่วยจากระบบเฝ้าระวังฯ 2,684 ราย ผู้ป่วยจากการค้นหาเชิงรุก 54 ราย ผู้ป่วยภายในเรือนจำ/ที่ต้องขัง 21 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 168 ราย ผู้ป่วยสะสม 2,203,622 ราย (ตั้งแต่ 1 เมษายน)

หายป่วยกลับบ้าน 2,903 ราย หายป่วยสะสม 2,150,207 ราย (ตั้งแต่ 1 เมษายน) ผู้ป่วยกำลังรักษา 33,114 ราย เสียชีวิต 18 ราย ทั้งนี้ ศบค.จะแถลงรายละเอียดอีกครั้ง

เจอ ‘โอมิครอน’ เพิ่มอีก-สั่งปิดโรงเรียน กลับไปเรียนออนไลน์

ด้านศูนย์โควิด19 จังหวัดระยอง โดยนายชาญนะ เอี่ยมแสง ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง ประกาศว่า จ.ระยอง ตรวจพบผู้ป่วยโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน เพิ่มอีก 4 ราย รวมตรวจพบโอมิครอนทั้งหมด 6 ราย แล้ว โดยพบก่อนหน้า 2 ราย

โดยผู้ป่วยทั้งหมด 4 ราย ที่ตรวจพบ ประกอบด้วย รายที่ 1 ชายชาวสวีเดน อายุ 54 ปี อยู่ที่ต.เพ อ.เมืองระยอง จ.ระยอง มาเที่ยวเกาะเสม็ดแบบ T&G เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลสนามโรงแรมระยองซิตี้

รายที่ 2 เป็นหญิงไทย อายุ 35 ปี อยู่ที่ ต.เพ อ.เมืองระยอง จ.ระยอง เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลสนามโรงแรมระยองซิตี้

รายที่ 3 หญิงไทย อายุ 32 ปี อยู่ที่ ต.มาบตาพุด อ.เมืองระยอง จ.ระยอง อาชีพรับจ้าง เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพฯ

รายที่ 4 หญิงไทย อายุ 18 ปี อยู่ที่ ต.นิคมพัฒนา อ.นิคมพัฒนา จ.ระยอง เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลนิคมพัฒนา

เบื้องต้นทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดระยอง ดำเนินการตามมาตรการ ดังนี้ 1.ตรวจหาเชื้อโควิต 19 โดยวิธี RT-PCR ในกลุ่มเสี่ยง 2.นำผู้สัมผัสเสี่ยงสูงเข้ากักตัวที่สถานที่กักตัวของรัฐ 3.ติดตามเฝ้าระวังผู้สัมผัสใกล้ชิด เน้นย้ำในการป้องกันตนเองแบบครอบจักรวาล

ส่วนที่จังหวัดขอนแก่นนั้น นายสมศักดิ์ จังตระกุ ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อ จ.ขอนแก่น ได้มีมติในการยกระดับมาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เข้มงวดมากยิ่งขึ้น หลังพบจำนวนผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อโควิดรายใหม่ในพื้นที่ จ.ขอนแก่น เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะวันที่ 1 ม.ค. เพียงวันเดียวที่ผลการตรวจยืนยันจากห้องปฏิบัติการพบว่ามีผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อโควิด รวม 232 ราย

ซึ่งเป็นการติดเชื้อโควิดที่มากเมื่อเทียบกับช่วงกับช่วงเวลาก่อนเทศกาล โดยเฉพาะในสายพันธ์โอมิครอนที่แพร่ระบาดได้ง่าย จากการรวมกลุ่มหรือการจัดกิจกรรมที่ไม่เหมาะสมและไม่ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค ดังนั้นมาตรการที่เข้มงวดจึงจำเป็นที่คณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อ จ.ขอนแก่น จะต้องทำทันทีด้วยการมีคำสั่งปิดโรงเรียนหรือสถานศึกษาในทุกระดับและทุกสังกัด

รวมทั้งศูนย์พัฒนาเด็กเล็กทุกแห่งและทุกสังกัด ไปจนถึงวันที่ 14 ม.ค. โดยให้จัดกระบวนการการเรียนการสอนตามที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนดในรูปแบบของออนไลน์แทน ขณะที่สถานศึกษาที่ดูแลเด็กพิเศษหรือมีลักษณะที่เป็นที่พักประจำยังคงสามารถจัดการเรียนการสอนได้แต่ไม่อนุญาตให้นักเรียนออกจากสถานศึกษาและห้ามผู้ปกครองหรือบุคคลภายนอกเข้าเยี่ยมเด็ดขาด

ขณะเดียวกันจังกวัดยังคงขอความร่วมมือไปยังภาคเอกชนพิจารณาดำเนินการตามมาตรการปฎิบัติงานนอกสถานที่ หรือสถานประกอบการและสถานที่อื่น ๆ หรือ Work From Home เพื่อลดความเสี่ยงการติดเชื้อโควิด ซึ่งอาจจะเป็นไปในรูปแบบของการสลับวันทำงาน การทำงานแบบออนไลน์ เพื่อลดการสัมผัสหรือการรวมกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อไปจนถึงวันที่ 14 ม.ค. รวมไปถึงการงดจัดกิจกรรมงานวันเด็กแห่งชาติประจำปี 2565 อย่างเด็ดขาด

ผวจ.ขอนแก่น กล่าวต่อว่า จังหวัดยังคงมีการกำหนดให้ส่วนงานราชการทุกแห่งทำการตรวจหาเชื้อแบบ ATK ให้กับพนักงานในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงเมื่อพนักงานเริ่มเข้าปฏิบัติงานเพื่อความปลอดภัยในภาพรวมทั้งหมด อย่างไรก็ตามมาตรการดังกล่าวที่กำหนดขึ้นนั้นมีผลทันที

ในขณะที่จังหวัดอุบลราชธานี นั้น คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดอุบลราชธานี มีมติให้โรงเรียนทุกระดับกลับไปเรียนออนไลน์ถึงวันที่ 17 ม.ค.2565 ส่วนโรงหนังให้ปิดด้วยเช่นกันถึงวันที่ 17 ม.ค.2565 หลังเปิดให้บริการได้ไม่นาน เนื่องจากยังมีการระบาดรุนแรง แต่มีข้อสังเกตในกลุ่มผู้ติดเชื้อกลุ่มใหม่ที่เป็นสายพันธุ์โอไมครอน ไม่พบผู้ป่วยอาการหนักเหมือนกรณีผู้ป่าวยติดเชื่อโควิดสายพันธุ์เดลต้า

สำหรับการแพร่ระบาดของโควิด 19 สายพันธุ์โอไมครอนที่พบระบาดมาจากร้านอาหารกึ่งผับเอกมัย 487 ขณะนี้ มียอดติดเชื้อพุ่งสูงถึง 535 คน โดยอำเภอเมืองเป็นพื้นที่มีคนติดเชื้อมากที่สุด 377 คน มีกลุ่มเสี่ยงสูงถึง 1,341 คน และได้แพร่กระจายเพิ่มขึ้นเป็น 18 อำเภอ จาก 25 อำเภอ และจากการสุ่มตรวจผู้ป่วยจากคลัสเตอร์นี้ 12 คน พบเป็นเชื้อสายพันธุ์โอไมครอนทั้ง 12 คน

ขณะที่เพจไทยรู้สู้โควิด ได้เผยแพร่ข้อมูลจาก สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุบลราชธานี เพื่อแจ้งให้ประชาชน ให้หลีกเลี่ยงสถานที่เสี่ยงโควิด-19 พร้อมแนะนำประชาชนผู้ที่ไปสถานที่เสี่ยงให้รายงานตัวกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขใน รพ.สต./รพ.เพื่อตรวจ โควิด-19 ให้กักตัวเอง/สังเกตอาการตนเอง 14 วัน สวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างจากบุคคลในครอบครัว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง สำหรับสถานที่เสี่ยงที่ออกมาแจ้งเตือนนั้นมีอยู่ 7 สถานที่ประกอบไปด้วย