เผยแพร่ |
---|
เหตุใด นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จึงมั่นใจว่าจะมีความเปลี่ยนแปลงในทางการเมืองภายในปี 2565
เป็นการเปลี่ยนแปลงที่จะส่งผลสะเทือนไปสู่”การยุบสภา”
เป็นความมั่นใจอันเกิดขึ้นและแผ่กว้างภายในพรรคก้าวไกล ไม่ว่าจะสะท้อนผ่าน นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค ไม่ว่าจะตอกย้ำยืนยันผ่าน นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร โฆษกพรรค
อาจเป็นเพราะ นายชัยธวัช ตุลาธน และ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร มีพื้นฐานจากความเป็นนักวิทยาศาสตร์สาขาวิศวกรที่ตระหนักในบทบาทของปัจจัยภายในเป็นปัจจัยชี้ขาด
แม้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ มิได้เป็นวิศวกร หากแต่เป็นนักบริ หารและศึกษาทางด้านเศรษฐศาสตร์ ก็ย่อมเข้าใจในบทบาทที่การ เปลี่ยนแปลงแม้จะมีปัจจัยภายนอกแต่ที่ชี้ขาดย่อมเป็นจากภายใน
นั่นก็คือ มองเห็นภาวะเสื่อมโทรมเน่าเฟะที่มีอยู่ในรัฐบาล
นั่นก็คือ สัมผัสได้ในความขัดแย้งระหว่างพวกเดียวกันภายในของรัฐบาล และต่อปัญหาและความเดือดร้อนของประชาชน
เป็นความเดือดร้อนด้านเศรษฐกิจหลังสถานการณ์”โควิด”
ความเดือดร้อนอย่างเด่นชัดเฉพาะหน้าคือความหงุดหงิดและไม่พอใจของสหพันธ์ชาวรถบรรทุกแห่งประเทศไทยที่ต้องเผชิญกับปัญหาน้ำมันราคาแพง
ความหงุดหงิดนี้มีผลต่อระบบโลจิสติกส์และจะส่งผลสะเทือนไปยังราคาสินค้าเครื่องอุปโภค บริโภคอย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น
ความหงุดหงิดของ “ชาวรถบรรทุก” นำไปสู่การสำแดงพลานุภาพแห่ง”ทรัคส์ พาวเวอร์” ซึ่งปรากฏขึ้นพร้อมกับขบวนของ”จะนะ รักษ์ถิ่น”ที่มาเรียกร้องต่อรัฐบาลอย่างสันติ
ยังไม่ทันที่พวกเขาจะปักหลัก ณ บริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาลได้ก็ต้องเผชิญกับการคุกคามของหน่วยควบคุมฝูงชน(คฝ.)จับกุม
ความไม่พอใจนี้ยิ่งวันยิ่งจะปะทุออกมารุนแรงแหละแหลมคม
ท่ามกลางความทุกข์แค้นลำเค็ญของประชาชนจากทุกสาขาอาชีพ รัฐบาลก็เผชิญกับปัญหาด้วยความไม่พร้อม ไม่เพียงแต่ติดความคิด เจ้าใหญ่นายโต หากแต่ดำรงอยู่อย่างขัดแย้งแตกแยกกันเอง
เด่นชัดคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า
ไม่เพียงแต่พรรคก้าวไกลจะมองออก หากแต่ทุกสายตาของสังคมก็อ่านทะลุอย่างปรุใส ตั้งแต่ต้นจนจบ
จุดนี้เองคือ”มูลเชื้อ”สำคัญอันเป็นปัจจัยชี้อนาคต”รัฐบาล”