ลักลอบนำ ‘สควิดเกม’ เข้าเกาหลีเหนือ เรื่องจริง หรือไม่จริง/บทความต่างประเทศ

เครดิตภาพ REUTERS

บทความต่างประเทศ

 

ลักลอบนำ ‘สควิดเกม’ เข้าเกาหลีเหนือ

เรื่องจริง หรือไม่จริง

 

เป็นอีกข่าวที่กลายเป็นช่าวคราวใหญ่โตกันไปเมื่อช่วงที่ผ่านมา สำหรับข่าวที่ว่า ทางการเกาหลีเหนือได้ตัดสินประหารชีวิตคนที่ลักลอบนำซีรีส์เรื่อง “สควิดเกม” ของเกาหลีใต้ ซีรีส์สุดฮอตจากเน็ตฟลิกซ์ เข้าไปในประเทศเกาหลีเหนือ

โดยรายงานข่าวดังกล่าวมาจากเรดิโอ ฟรี เอเชีย (อาร์เอฟเอ) ซึ่งเป็นสำนักข่าวไม่แสวงหาผลกำไร ที่ได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ที่จะรายงานข่าวเน้นไปที่ประเทศในภูมิภาคเอเชียโดยเฉพาะ ได้รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวที่ไม่เปิดเผยชื่อไว้ว่า ซีรีส์เรื่องสควิดเกมนี้ ได้แพร่หลายไปทั่วประเทศเกาหลีเหนือ แม้ว่าทางการเกาหลีเหนือจะแบนหนังจากต่างชาติก็ตาม

อาร์เอฟเอยังอ้างแหล่งข่าวรายงานเพิ่มเติมในภายหลังอีกว่า เหตุที่ชายคนดังกล่าวถูกจับได้ว่าลักลอบนำซีรีส์เรื่องสควิดเกมเข้าประเทศและที่ถูกตัดสินประหารชีวิต เป็นเพราะมีการจับได้ว่ามีนักศึกษาดูซีรีส์สุดฮอตนี้

ข่าวดังกล่าวถูกรายงานออกไปตามสื่อต่างๆ ทั่วโลก ที่ต่างเชื่อในรายงานที่เกิดขึ้นกับประเทศเกาหลีเหนือ ดินแดนอันลี้ลับที่ยากจะเข้าถึงข่าวสารข้อมูลที่แท้จริงได้

แต่ “เอ็นเค นิวส์” เว็บไซต์ข่าวจากสหรัฐอเมริกาที่นำเสนอข่าวและบทวิเคราะห์เกี่ยวกับเกาหลีเหนือ โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงโซล เมืองหลวงของเกาหลีใต้ มีการตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับรายงานดังกล่าว และอ้างการวิเคราะห์ของผู้เชี่ยวชาญหลายๆ คนที่ไม่เชื่อในรายงานดังกล่าว รวมไปถึงการวิเคราะห์ของอดีตเจ้าหน้าที่ในเกาหลีเหนือ และบรรดาผู้แปรพักตร์ทั้งหลาย ที่บอกว่า ไม่ว่าจะเหตุผลใดๆ ก็ไม่น่าจะมีความเป็นไปได้เลย ที่จะมีใครลักลอบนำซีรีส์เข้าไปในเกาหลีเหนือได้

หนึ่งในผู้แปรพักตร์ชาวเกาหลีเหนือบอกว่า การรักษาความปลอดภัยตามบริเวณชายแดนเกาหลีเหนือนั้น มีความเข้มงวดอย่างมากในช่วงที่มีการระบาดของโควิด-19 นี้ โดยเกาหลีเหนือมีการปิดพรมแดนตั้งแต่เริ่มมีการระบาดตั้งแต่ในช่วงแรกแล้ว ทำให้ตนเองไม่เชื่อว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นตามที่มีรายงานออกมา

อิชิมาโร จิโร ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ข่าวเอเชีย เพรส รีมินกัง เปิดเผยกับเอ็นเค นิวส์ ว่า การลักลอบเข้าไปในเมืองที่ติดชายแดนบางเมือง ยังเป็นเรื่องที่ยากเย็นแสนเข็ญ เนื่องจากการควบคุมชายแดนที่เข้มงวดของทางการเกาหลีเหนือ

และว่า มีโอกาสไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์ที่จะมีหนังหรือซีรีส์ลักลอบนำเข้าไปในเกาหลีเหนือในรูปแบบของ “เอสดีการ์ด” หรือ “แฟลชไดรฟ์”

นอกจากนี้ แหล่งข่าวบอกด้วยว่า กรอบเวลาของการตัดสินโทษประหารชีวิตนั้น “สั้นเกินไป” เมื่อเปรียบเทียบกับการออกฉายของซีรีส์ต้นเรื่อง “สควิดเกม” เพราะหากนับตั้งแต่การถูกจับ พิจารณาคดี และการประหารชีวิต กระบวนการทั้งหมดในเกาหลีเหนือจะต้องใช้เวลาราว 2 เดือน

อย่างไรก็ตาม อาร์เอฟเอยังไม่ได้บอกว่า ชายคนที่ถูกจับ ถูกประหารชีวิตแล้วหรือยัง

 

เอ็นเค นิวส์ ยังรายงานด้วยว่า ยังมีเรื่องของเวลาอีกเรื่องหนึ่งที่ไม่เป็นเหตุเป็นผล คือเรื่องที่อาร์เอฟเอรายงานว่า ซีรีส์สควิดเกมนี้ ถูกนำมาทางทะเล ซึ่งขัดกับความเป็นจริงที่ว่า ทางการเกาหลีเหนือได้สั่งห้ามการนำเข้าสินค้าผ่านทางท่าเรือ ตั้งแต่เริ่มปิดพรมแดนเพื่อสกัดกั้นการระบาดของโควิด-19 ตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว

โดยเอ็นเค นิวส์ วิเคราะห์ว่า การนำสินค้าผ่านท่าเรือนัมโป จะต้องใช้เวลาเฉลี่ยในการนำของออกราว 2 เดือน เพราะต้องมีการฆ่าเชื้อและผ่านกระบวนการต่างๆ มากมาย ซึ่งซีรีส์เรื่องสควิดเกมเพิ่งจะเริ่มฉายเมื่อวันที่ 17 กันยายนที่ผ่านมา จึงเป็นไปไม่ได้ที่ซีรีส์เรื่องนี้จะถูกลักลอบนำเข้าผ่านทางทะเล จนทำให้เกิดเรื่องเกิดราวตามรายงาน

ดร.เจมส์ โออาร์ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยศูนย์ศึกษาเกาหลี บอกว่า ตั้งแต่ปี 2017 เป็นต้นมา รัฐบาลเกาหลีเหนือพยายามที่จะปิดกั้นอิทธิพลทางวัฒนธรรมของเกาหลีใต้

และในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา รัฐบาลเกาหลีเหนือได้ประณามซีรีส์เรื่องสควิดเกมของเกาหลีใต้ ว่าเป็นซีรีส์ที่แสดงให้เห็นธรรมชาติของความน่ารังเกียจของเกาหลีใต้

ขณะที่ศาสตราจารย์ฮาเซล สมิธ นักวิจัยจากศูนย์ศึกษาเกาหลี เอสโอเอเอส บอกว่า แม้จะเป็นเรื่องยากที่จะนำแฟลชไดรฟ์เข้าประเทศ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ และเชื่อว่ามีความเป็นไปได้ที่จะมีชาวเกาหลีเหนือจะได้ดู “สควิดเกม” แต่อาจจะไม่ได้เป็นคนส่วนใหญ่ อาจจะเป็นเพียงแค่คนกลุ่มเล็กๆ กลุ่มหนึ่งเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ที่สุดแล้ว โออาร์บอกกับอินไซเดอร์ว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะบอกว่ารายงานของอาร์เอฟเอเป็นเรื่องจริงหรือไม่

เพราะเสรีภาพสื่อที่ถูกจำกัดอย่างมากในเกาหลีเหนือ ดังนั้น ความจริงเป็นอย่างไร ยากที่จะหาใครมายืนยันได้

เครดิตภาพ REUTERS