แพทองธาร ไม่ใช่อวตารของทักษิณ ลงสนามจริง ไม่ใช่ Metaverse ต้องเป็นตัวแทนฝ่ายก้าวหน้าของยุคสมัย/หลักศิลากลางน้ำเชี่ยว มุกดา สุวรรณชาติ

มุกดา สุวรรณชาติ

หลักศิลากลางน้ำเชี่ยว

มุกดา สุวรรณชาติ

 

แพทองธาร ไม่ใช่อวตารของทักษิณ

ลงสนามจริง ไม่ใช่ Metaverse

ต้องเป็นตัวแทนฝ่ายก้าวหน้าของยุคสมัย

 

การปรากฏตัวของคุณแพทองธาร ชินวัตร บุตรสาวอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร บนเวทีเพื่อไทย คือการปฏิบัติการให้เป็นจริงทางการเมือง

ที่ผ่านมาอดีตนายกฯ ทักษิณได้เสนอความเห็นต่อการแก้ปัญหาบ้านเมืองสารพัดเรื่อง แต่มันก็เหมือนอยู่ในโลกเสมือนจริง ไม่มีการปฏิบัติ ไม่มีการแก้ไขจากรัฐบาลชุดนี้ กฎหมายกำหนดไม่ให้ผู้ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองเกี่ยวข้องกับพรรคการเมือง

ดังนั้น คนแบบนายกฯ ทักษิณ คนแบบธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แม้จะมีความคิดความฝัน ก็จะทำได้เพียงแค่อยู่ในโลกเสมือนจริง

แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นกับประชาชนเป็นเรื่องจริงๆ ไม่ใช่ภาพสามมิติที่อยู่ในระบบ Metaverse เป็นความอยุติธรรมจริง ติดคุกจริง ความยากจนจริง หนี้สินต้องจ่ายจริง ความตายก็ของจริง

ประชาชนยังต้องการให้คนอย่างทักษิณและธนาธรสู้ต่อไป และยังอยากให้มีคนแบบนี้เยอะมากขึ้น จะส่งลูกส่งหลาน ส่งเพื่อนพ้องมาร่วมสู้ยิ่งมากยิ่งดี

การตัดสินใจส่งแพทองธารลงสนามการเมืองครั้งนี้ ไม่ใช่เป็นแค่การโยนหินถามทางเท่านั้น

ทีมวิเคราะห์สรุปแล้วว่า นี่คือตัวจริง นายกฯ ทักษิณไม่มีทางเอาลูกสาวตัวเองมาเป็นเป้าล่อให้เป็นพื้นที่กระสุนตกเล่นๆ แต่เป็นตัวจริงที่ผ่านการวิเคราะห์ประเมินมาแล้วระดับหนึ่ง ทั้งยังมีข้อสรุปว่า

นายกฯ ทักษิณเป็นตัวแทนฝ่ายก้าวหน้าในยุค 2540 สถานการณ์ผ่านมา 24 ปี แพทองธารเหมาะกับยุคสมัยนี้มากกว่านายกฯ ทักษิณในหลายด้าน

 

เปิดตัวครั้งแรก…ผ่าน

คําถามคือ เธอจะขึ้นเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีและผ่านไปได้หรือไม่? เมื่อไร?

ถ้าดูจากคุณสมบัติแล้ว อายุ 35 ปีถือเป็นวัยหนุ่ม-สาวที่สุด สำหรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คนที่ก้าวเข้าสู่ตำแหน่งในวัย 30-40 ปีในต่างประเทศก็พอมี เช่น ซานนา มาริน (Sanna Marin) นายกรัฐมนตรีฟินแลนด์คนใหม่ สร้างสถิติเป็นนายกรัฐมนตรีที่อายุน้อยที่สุดของโลก ด้วยวัยเพียง 34 ปี โอเล็กซีย์ ฮอนชารุก (Oleksiy Honcharuk) นายกรัฐมนตรียูเครน ซึ่งปัจจุบันอายุ 35 ปี และจาซินดา อาร์เดิร์น (Jacinda Ardern) นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ วัย 39 ปี

เรื่องอายุ และเป็นหญิงนั้น วันนี้ผ่านไม่ยาก โดยเฉพาะเมื่อมีภาพของอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นเงาอยู่ในใจของกองเชียร์

มีคนสงสัยว่าอดีตนายกฯ ทักษิณและครอบครัว จะกล้าปล่อยให้ลูกสาวคนเล็กออกมาผจญศึกทางการเมือง ที่ค่อนข้างรุนแรงในปัจจุบัน ไม่กลัวจะโดนกลั่นแกล้งเล่นงานแบบนายกฯ ยิ่งลักษณ์หรือ

เรื่องนี้คิดว่าคงมีคนกังวลอยู่บ้าง แต่ถ้ามองสถานการณ์การเมืองขณะนี้อัตราความเสี่ยงก็ลดลง เหตุผลก็คือ คนได้บทเรียนจากระบอบอำมาตยาธิปไตยมากขึ้น โอกาสที่จะขึ้นไปเป็นฝ่ายบริหาร เป็นนายกรัฐมนตรีมีค่อนข้างน้อย เพราะยังมี ส.ว. 250 คนโหวตเลือกนายกฯ อยู่ฝ่ายตรงข้าม ต่อให้ได้ 251 คน ถ้าแพทองธารเป็น Party list เบอร์ 1 ก็จะได้เป็นแค่ ส.ส. คงไปหาประสบการณ์ทางการเมืองในสภา สามารถเตรียมตัวได้อีก 1 สมัย

เหตุผลอื่นๆ ก็เป็นอย่างที่ส่วนใหญ่วิเคราะห์กันมาแล้ว เช่น เป็นการแสดงจุดยืนทางการเมือง ว่าตระกูลชินวัตรยังสู้สุดใจ ไม่งั้นไม่ส่งลูกสาวคนเล็กมาลงสนาม หรือเป็นการแก้ปัญหาภายในพรรค ถ้ามีคนอื่นขึ้นมาแทนแล้วมีความเห็นไม่ตรงกันในหมู่ ส.ส.และกรรมการพรรค ถือเป็นการลดความขัดแย้งการแตกสามัคคีไปโดยตรง

ตอนนี้ยังไม่มีใครจะรู้ว่า หญิงสาวอายุ 35 ปีคนนี้ จะเก่งได้แค่ไหน โดยเฉพาะถ้ามีทีมงานและเสนาธิการที่ดี

 

ความสามารถที่จะโชว์ให้เห็น

ทีมงานวิเคราะห์ว่าการปรากฏตัวของแพทองธารครั้งแรกอยู่ในระดับดี

และหลังจากผ่านไป 1 สัปดาห์ เข้าใจว่าวงในน่าจะตัดสินใจกันได้แล้วว่า สามารถปั้นให้เป็นหัวขบวนที่จะไปต่อสู้ในการเลือกตั้ง 2565

บางคนที่มองว่าการที่เธอมาปรากฏตัวแบบนี้จะสามารถดึงคะแนนวัยรุ่นหนุ่ม-สาวเพิ่ม แต่ทางทีมวิเคราะห์มองว่าคะแนนเหล่านั้นยังคงเป็นของพรรคก้าวไกลส่วนใหญ่ คงจะดึงมาได้ไม่ง่าย เพราะถ้าจะแข่งจุดยืนและนโยบายของเพื่อไทยยังไม่แรงพอ เหมือนอาหารรสจืด

เชฟ…เพื่อไทยจะต้องเพิ่มเมนูอาหารรสจัดเข้าไป จึงจะได้ลูกค้าเพิ่ม ดูเหมือนจะเริ่มที่การปรับรส Pizza ให้มีหน้ากะเพรา

แต่ที่แพทองธารน่าจะทำได้เร็ว คือดึงคะแนนจากผู้เฒ่าผู้แก่ เหมือนความนิยมของนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ถ้าวางบทบาทให้ดีๆ เพราะการเลือกตั้ง 2562 คะแนนของคนอายุ 60 ขึ้นไป ถูกพลังประชารัฐกวาดไปจากเพื่อไทยหลายล้าน

วันนี้เธอไม่มีฐานการเมืองส่วนตัว หรือกลุ่มสนับสนุนพิเศษ นอกจากใช้ฐานการเมืองของพรรค แต่เรื่องนี้สร้างได้

ส่วนประสบการณ์ทางการเมืองมีเพียงเล็กน้อย ต้องมาเรียนรู้จากสนามจริง แต่ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะนี่เป็นเรื่องการทำงานเป็นทีม การตัดสินใจที่เอาแต่ความคิดและประสบการณ์ของคนเดียวไม่ใช่เรื่องดีนัก ทำประเทศเสียหายได้ง่ายๆ

ความสามารถ… ตอนนี้ยังไม่มีใครเห็นชัด แต่ปรากฏการณ์ครั้งแรกๆ จะเห็นได้จากการพูดการจา การปฏิสัมพันธ์กับผู้คน ว่ามีความสามารถเข้ามาเดินในสายการเมืองได้หรือไม่ จากนั้นจึงจะได้เห็นในเชิงการวางแผน การกำหนดนโยบาย การตัดสินใจ และการดูแลให้นโยบายนำไปปฏิบัติได้อย่างเป็นจริง

ที่สำคัญยังต้องมีความตั้งใจ มีความทรหดอดทนต่ออุปสรรค การว่าร้าย จากตัวอิจฉา ซึ่งนายกฯ ยิ่งลักษณ์ต้องใช้อันนี้เป็นอย่างมาก ถ้าเข้าไปเป็นฝ่ายค้านก็เบาหน่อย ถ้าเป็นฝ่ายรัฐบาลก็โดนหนักหน่อย

(คนหนุ่ม-สาวที่จะลงสมัคร ส.ส ต้องระวังว่าจะมีคนไปขุดประวัติสมัยชั้นประถม หรือมัธยมมาโจมตี)

คุณสมบัติที่จำเป็นต้องมีอย่างยิ่งยวดก็คือ ความรักและความตั้งใจที่จะทำงานให้ประชาชนทั้งในเรื่องอุดมการณ์ประชาธิปไตย และการยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน

ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม จะต้องนึกถึงเรื่องนี้เป็นภาระหน้าที่อันดับ 1…ทำเพื่อคนไทย

 

คงชนะแน่… แต่ไม่แลนด์สไลด์

เพราะปัจจัยแวดล้อมไม่เอื้อ

การเลือกตั้งที่ได้รับชัยชนะแบบถล่มทลาย หรือแลนด์สไลด์ ที่เห็นชัดคือชัยชนะของพรรคไทยรักไทยในการเลือกตั้งปี 2548 ไทยรักไทยได้ ส.ส.ถึง 377 คน

ส่วนปี 2554 ชัยชนะจากการเลือกตั้งครั้งนั้นได้ ส.ส.เกินครึ่งคือ 265 คน ถือว่าเป็นแค่มินิแลนด์สไลด์

ลองย้อนดูปี 2548 การได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้นครั้งนั้นมาจาก 4 ปัจจัยคือ

1. พรรคไทยรักไทยในขณะนั้น กุมอำนาจรัฐอยู่ในมือ

2. ไทยรักไทยมีผลงานที่จับต้องได้หลายอย่างซึ่งประชาชนกำลังชื่นชม ถือเป็นสิ่งใหม่ เช่น 30 บาทรักษาทุกโรค กองทุนหมู่บ้าน สินค้าโอท็อป ฯลฯ

3. ความขัดแย้งในหมู่ประชาชนเพิ่งจะเริ่ม ยังไม่มีการแบ่งสีแดง สีเหลืองชัดเจน การโจมตีนายกฯ ทักษิณเพิ่งเริ่มและยังมีน้อยอยู่

4. พรรคไทยรักไทยได้รวบรวม ส.ส.จากพรรคต่างๆ มาไว้รวมกันทำให้กลายเป็นพรรคใหญ่ มีเพียงประชาธิปัตย์เท่านั้นที่เป็นพรรคขนาดใหญ่ที่พอจะต่อสู้ได้ ดังนั้น คะแนนเสียงจึงไม่ได้แตกกระจายออกไปสู่หลายๆ พรรค

ผลการลงคะแนนจึงเห็นได้ชัดว่าบัตรที่ลงคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ได้ถึง 18.9 ล้านเสียงจาก 32 ล้านส่วน ปชป.ได้เพียง 7.2 ล้านเสียง และไทยรักไทยชนะ ส.ส.เขตได้ถึง 310 เขตจาก 400 เขต แบบนี้จึงเรียกว่าถล่มทลายแบบแลนด์สไลด์ รวมกันแล้วได้ ส.ส. 377คน

ถ้าปี 2565 ทำได้แบบนี้ก็ไม่ต้องง้อ ส.ว. เพราะเกินครึ่งรัฐสภาแล้ว

 

ถ้ามีการเลือกตั้งใหม่ ปี 2565

สถานการณ์จะเป็นอย่างไร

การเลือกตั้งที่คาดว่าจะมีขึ้นในอีก 1 ปีข้างหน้า โอกาสจะได้รับชัยชนะแบบแลนด์สไลด์ยากมาก เพราะเงื่อนไขต่างๆ ได้เปลี่ยนไปคือ

1. อำนาจรัฐยังอยู่ในมือ คสช.ซึ่งผ่านระบบราชการต่อเนื่องมาเป็นเวลา 7-8 ปี

2. ฝ่ายตรงข้ามทั้งพรรคใหญ่ และพรรคกลางมีกำลังในพื้นที่ และเสบียงมากมาย ยิ่งเมื่อผ่านการเลือกตั้งท้องถิ่น ทั้งเทศบาลและ อบต. ทำให้ฝ่ายตรงข้ามใช้ระบบหัวคะแนนได้ง่าย

3. กำลังขุนพลของเพื่อไทยบางส่วนถูกดึงออกจากพรรคไปอยู่ฝ่ายตรงข้าม และบางส่วนกระจายไปตั้งพรรคของตัวเองไม่กลับมาอีกแล้ว ดังนั้น พรรคจะต้องหาคนใหม่ลงไปสู้

4. เพื่อไทยไม่ได้เป็นพรรคเดี่ยวในฝ่ายประชาธิปไตยที่มีความโดดเด่นพรรคเดียวอีกแล้ว เนื่องจากมีพรรคอนาคตใหม่เกิดขึ้น แม้ถูกยุบพรรคก็เปลี่ยนเป็นก้าวไกล และผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกลก็มาจากฐานคนกลุ่มเดียวกันกับพรรคเพื่อไทย ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนไม่น้อย ดังนั้น ฐานคะแนนส่วนนี้จึงถูกแบ่งออกไป และอาจจะกระจายไปยังพรรคเล็กๆ ที่อยู่ในฝ่ายประชาธิปไตยอีกจำนวนหนึ่ง

5. อุปสรรคใหญ่คือ ส.ว. 250 คน ทำให้คนรู้สึกว่า โอกาสที่เพื่อไทยจะได้เป็นรัฐบาล ไม่ง่าย ต่อให้ชนะที่ 1

สรุปว่า ความหวังของเพื่อไทยเมื่อมีแพทองธารมาเสริมทัพ ต้องดีขึ้นกว่าปี 2562แน่ แต่ไม่ควรกดดันตัวเองให้มากเกินไป

หญิงสาวอายุ 35 เพิ่งลงสนามการเมืองของจริง ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ได้สร้างจากระบบ Metaverse ของจริงคือฝ่ายตรงข้าม ได้เปรียบเกือบทุกด้าน… ถ้าเพื่อไทยได้ ส.ส.เพิ่มจาก 136 เป็น 200 ต้องถือว่าเก่งแล้ว