กว่าจะถึงวันนี้ : จาก Microsoft สู่ IBM/กาแฟดำ สุทธิชัย หยุ่น

สุทธิชัย หยุ่น

กาแฟดำ

สุทธิชัย หยุ่น

 

กว่าจะถึงวันนี้

: จาก Microsoft สู่ IBM

 

ผมชอบคุยกับคนไทยที่ออกไปเผชิญภัยในโลกกว้าง…โดยเฉพาะที่ต้องแข่งขันฟันฝ่ากับคนเก่งและกร้าวระดับโลก

วันก่อนได้ตั้งวงเสวนากับคุณปฐมา จันทรักษ์ แล้วบอกตัวเองเลยว่าจะต้องแบ่งปันเนื้อหาการแลกเปลี่ยนกับคนไทยในทุกวงการและทุกเพศทุกวัย

เธอทำงานที่ Microsoft 23 ปี และมาอยู่กับ IBM ได้ 3 ปีในฐานะระดับผู้บริหารที่เป็นผู้หญิงและต้องแข่งขันกับคนเก่งระดับสากลทุกชาติทุกภาษา

เธอทำงานกับผู้ร่วมก่อตั้ง Microsoft คือ Bill Gates และซีอีโอคนต่อมา Steve Ballmer

จนมาถึงซีอีโอคนปัจจุบัน Sayta Nadella

เธอคือสาวแกร่งคนเก่งคนไทยที่ผ่านการทดสอบของบริษัทไฮเทคระดับโลกมาอย่างโชกโชน

ปฐมา จันทรักษ์ วันนี้คือซีอีโอ IBM ประเทศไทย และดูแลรับผิดชอบกิจการของไอบีเอ็มในอินโดจีนพร้อมกันไปด้วย

เธอเริ่มต้นที่ Seagate ในประเทศไทยก่อนจะได้งานที่ไมโครซอฟต์

“เจี๊ยบจบปี 1995 และที่ถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนโลกเลยก็คือวันที่บิล เกตส์ เปิดตัว Windows 95…มันคือวันที่เราสามารถสั่งให้คอมพิวเตอร์ทำงานในแบบที่ใช้กราฟิก…”

คุณเจี๊ยบบอกว่า ที่ Microsoft เธอโชคดีมากที่ได้ทำงานกับซีอีโอของทั้ง 3 ซีอีโอของไมโครซอฟต์ ตั้งแต่บิล เกตส์ ลงมาเลย…

บิล เกตส์ ประกาศ Vision Statement (คำแถลงวิสัยทัศน์) ของบริษัทว่าเขาต้องการเห็น PC (คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล) on every desk (บนโต๊ะทุกตัว)

“นั่นคือปี 1995 ตอนที่เขาประกาศว่าจะต้องทำให้ PC on every desk, in every home…”

ปฐมาบอกว่าตัวเองเป็น “เด็กคนหนึ่งซึ่งไม่ได้เกิดที่นั่น ไม่ได้โตที่นั่น แค่ไปเรียนหนังสือที่นั่น มีความรู้สึกว่าตัวเองได้เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ของโลกไอทีเลย…”

เธอเล่าว่าจำวันนั้นได้อย่างดี “เพราะเจี๊ยบเข้าไปช่วยการเตรียมตัวเปิดตัว Windows 95 พอดี”

 

ปฐมาบอกว่า เธอได้เรียนรู้อย่างมากมายในฐานะที่ต้องสู้ในฐานะเป็น “มวยรอง” ที่เธอเรียกว่า Underdog

“เจี๊ยบต้องสู้กับเบอร์ 1 ตลอด เป็น Underdog มาก่อนเสมอ เพราะฉะนั้น ก่อนที่ไมโครซอฟต์จะมาถึงวันนี้…”

เธอต้องไต่บันไดขององค์กรยักษ์อย่างโชกโชนและหนักหน่วง

“บังเอิญว่าเจี๊ยบอยู่ในจุดที่อาจจะบอกว่าถูกเวลาพอดี ในวันที่เทคโนโลยีมันเข้ามาเปลี่ยนโลกพอดี…”

ในที่ประชุมทุกครั้ง ผู้บริหารจะย้ำเสมอว่าไมโครซอฟต์จะต้องเป็นยักษ์ใหญ่ จะต้องเป็น Enterprise Company (บริษัทใหญ่) เหมือนไอบีเอ็ม

“สมัยนั้นไอบีเอ็มเขาครองโลก ตั้งแต่เป็น Enterprise Company (บริษัทใหญ่) สนับสนุนระบบการธนาคารจนถึงปัจจุบัน…”

ไม่แต่เท่านั้น ไอบีเอ็มในช่วงนั้นก็เป็นส่วนหนึ่งขององค์การนาซาที่ส่งจรวดขึ้นไปสำรวจดวงจันทร์อีกด้วย

ไมโครซอฟต์ขณะนั้นคือมวยรองโดยสิ้นเชิง

แต่คุณเจี๊ยบถูกสั่งว่านโยบายคือไมโครซอฟต์ต้องแข่งกับไอบีเอ็มให้ได้

“ยังจำได้เลย เราโตมาจาก consumer (ธุรกิจเน้นผู้บริโภครายย่อย) ของเราคือ Windows 35 เรายังพูดถึง PC on every desk, in every home ของเรานี่มันอยู่ในบ้าน ของเขานี่มันอยู่ในองค์กรขนาดใหญ่ เพราะฉะนั้น ในวันที่เราขึ้นมาตั้งแต่เป็น windows 95, Windows 98 เป็น NT กว่าจะมี Server นี่เราเป็นอันเดอร์ด็อก (มวยรองบ่อน) เจี๊ยบถือว่ามีจุดเริ่มต้นที่ต้อง… ต้องหิว ต้องสู้”

เป็นการเริ่มต่อสู้แบบชกมวยข้ามรุ่น ไม่มีเส้นสาย ไม่มีใครฝากตอนสมัครงานก็เข้าสอบสัมภาษณ์เอง

แถมเป็นผู้หญิงเอเชียอีกด้วย

ถือว่าอยู่ในฐานะเสียเปรียบทุกประตู

 

ผมถามว่าเมื่ออยู่ในสถานะอย่างนั้นมีปมด้อยไหม

คุณเจี๊ยบบอกว่า “มีเยอะเลย เราคือ Nobody นั่นยิ่งทำให้เธอต้องพยายามที่จะอยู่รอดในองค์กรระดับโลกนี้ให้ได้”

“ที่น่าจะเป็นงานหนักที่สุดคือการที่ต้องพยายามพิสูจน์ตัวเองว่าเราก็มีสมองนะ เราไม่ใช่เป็นแค่ผู้หญิง ไม่ใช่เป็นแค่ผู้หญิงเอเชีย จึงต้องทำงานหนักมาก”

พออายุได้ 32 คุณเจี๊ยบก็ก้าวขึ้นมาในตำแหน่งบริหารที่ดูแล Microsoft ระดับภูมิภาค กินพื้นที่ 14 ประเทศเลยทีเดียว

“และเราก็ไม่ได้เกิดที่นั่น โตก็ไม่ได้โตที่นั่น พูดภาษาอังกฤษก็มี accent (สำเนียง)”

อะไรคือปัจจัยที่ทำให้ฮึดสู้?

ข้อแรกคือมีทัศนคติ “ฉันต้องทำได้” หรือ Can-do attitude

“อาจจะเป็นเพราะว่าพอไปถึงจุดหนึ่ง ครั้งแรกเลย เจี๊ยบจำได้เลย ว่าตอนที่เจี๊ยบ คือเราก็มีจุดที่ท้อเหมือนกัน เพราะว่าที่ผ่านไป เราไม่สามารถที่จะไปถามใครได้ คือต่อให้เจี๊ยบมี mentor (พี่เลี้ยง) เขาตั้ง mentor ให้ เขาไม่อยากให้ผู้บริหาร fail (ผิดหวัง) โดยเฉพาะ female leader (ผู้นำหญิง), female executive (ผู้บริหารหญิง)…”

คนที่มาเป็นพี่เลี้ยงและโค้ชเป็นผู้นำหญิงที่ประสบความสำเร็จ นั่งอยู่ในคณะกรรมการบริหารของบริษัทในดัชนีฟอร์จูน 500 เลยทีเดียว

“แต่ปัญหาคือเธอไม่เหมือนเจี๊ยบ และเจี๊ยบไม่เหมือนเธอ เจี๊ยบไม่ได้โตมาจากสภาพแวดล้อมที่เหมือนกับเธอ เพราะฉะนั้น สิ่งที่เธอเจอกับสิ่งที่เจี๊ยบเจอ ไม่เหมือนกัน เธอจะไม่มีวันเจอ ยกตัวอย่าง เจี๊ยบเดินเข้าไปในห้องประชุมซึ่งเป็น… มีแต่ผู้ชายหมดเลย…”

 

วันที่เธอได้เป็นผู้หญิงเอเชียอายุ 35 ต้องเข้าประชุมกับซีอีโอของพาร์ตเนอร์ทั้งหมด หนึ่งในนั้นมองหน้าเธอแล้วบอกว่า

“Can we have coffee, please?”

ขอกาแฟจากคุณเจี๊ยบ เพราะนึกว่าเธอคือเด็กรับใช้ของสำนักงาน

คุณเจี๊ยบช็อกไหม?

“เราต้องเลือกว่าจะทำอย่างไรดี เจี๊ยบเลือกที่จะเอาพลังงานของตัวเองมาใส่ คิดแบบเชิงบวก แบบ can-do ยอมรับว่าในใจก็เคืองนะ เฮ้ย! เห็นหน้าฉัน เดินมากับลูกน้อง ตามองหน้าฉันแล้วบอกว่าให้ไปเอากาแฟ ขอกาแฟนะ…”

ผู้บริหารทั้งคณะที่มาจากหุ้นส่วนของ Microsoft ก็จัดเต็มเหมือนกัน

“เขาอยู่กัน 7 คน เขาจัดเต็ม มีตั้งแต่แบบเอากาแฟดำ Double Shot เอานมเยอะๆ อัลมอนด์มิลก์ เอาแบบน้ำครึ่งหนึ่ง คือ ทุกคนจัดเต็ม เขาก็รู้จักกันนะ เขาก็คุยกัน เจี๊ยบก็บอกลูกน้องว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวเจี๊ยบแฮนเดิล (จัดการ) เอง…”

แม้จะโกรธในใจแต่เธอก็เดินลงไปเอากาแฟ สองมือก็หิ้วมาเลยทั้ง 7 แก้ว

“เจี๊ยบก็เดินถือมา เดินเข้าประตูมา ลูกน้องเห็นหมดเลยระหว่างทางลูกน้องนั่งอยู่ เห็นเรา พอไปถึงก็เสิร์ฟพวกเขากันถ้วนหน้า…”

ว่าแล้วคุณเจี๊ยบก็บอกผู้บริหารทั้งโต๊ะนั้นว่า Help Yourself (ช่วยเหลือตัวเอง)

และแถมต่อว่า “I’m sure I got them all right.” (คิดว่าชงกาแฟตามสั่งได้ครบถ้วน)

“แล้วเจี๊ยบก็เดินไปนั่งที่หัวโต๊ะเลยค่ะ…เป็นวินาทีที่เจี๊ยบมีความสุขที่สุด”

เพราะไม่มีใครหยิบกาแฟเลย…เกิดอาการช็อกกันทั้งโต๊ะ

ตอนนั้นผู้บริหารระดับสูงที่มาร่วมประชุมจึงรู้ว่าไผเป็นไผ

เพราะคุณเจี๊ยบคือ The Boss ของที่นั่น

 

เรื่องนี้น่าจะมีสาเหตุมาจากที่ผู้บริหารฝรั่งเหล่านั้นไม่ทราบว่าเธอคือใคร ตำแหน่งอะไรถ้าดูจากชื่อเฉยๆ

เพราะ patamac@ไมโครซอฟต์.com ตอนนั้นน่ะมันไม่ได้บอกว่าเจี๊ยบคือผู้หญิงหรือผู้ชาย

และผู้บริหารเหล่านั้นก็ไม่คุ้นเคยกับชื่อเอเชีย

“เจี๊ยบก็โทษเขาไม่ได้หรอก แต่ด้วยความที่เจี๊ยบมองว่าตรงนี้เจี๊ยบเอาพลังของตัวเองไปใส่ในอะไรที่มันเป็น Positive (เชิงบวก) ดีกว่า แต่เมื่อไม่มีใครหยิบแก้วกาแฟ ความรู้สึกตอนนั้นคือ มันสะใจลึกๆ นะคะ…”

ว่าแล้วคุณเจี๊ยบก็เปิดการประชุมด้วยการบอกว่า “นี่จะเป็นกาแฟแก้วที่แพงที่สุดที่พวกคุณเคยชิมมา…”

“ผลก็คือแทนที่จะเป็นการประชุม 1 ชั่วโมงตามที่วางเอาไว้ เพียงแค่ภายใน 45 นาที ทุกคน Say Yes (ตอบตกลง) กับเจี๊ยบหมดเลยเพราะ… เพราะเขาต้องการที่จะแก้ตัว คือเริ่มต้นก้าวเท้าผิด พวกเขาจึงยินยอมที่เจี๊ยบจะทำหรือยอมให้เปลี่ยนทุกอย่าง เพราะฉะนั้น can-do attitude ของเธอกระมัง”

 

บทเรียนที่ได้มาจากประสบการณ์ครั้งนั้นก็คือ “เราไม่ต้องโชว์ว่าฉันคือใคร ไม่ต้องบอกว่าฉันใหญ่..”

ก่อนที่จะจบการประชุม คุณเจี๊ยบก็แซวว่า

“เห็นไหม ดิฉันบอกแล้วว่านี่จะเป็นกาแฟแก้วที่แพงที่สุดจริงๆ”

เพราะพวกเขาต้องใส่เงินในการทำงานร่วมกับทีมของไมโครซอฟต์มากกว่าเดิมด้วยซ้ำ

(สัปดาห์หน้า : Bill Gates กับ Satya Nadella ที่ปฐมา จันทรักษ์ รู้จัก)