ภาพยนตร์ : OLD ‘ชรามรณะ’ / นพมาส แววหงส์

นพมาส แววหงส์

 

OLD

‘ชรามรณะ’

 

กำกับการแสดง

M. Night Shyamalan

 

นำแสดง

Gael Garcia Bernal

Vicky Krieps

Rufus Sewell

Embeth Davidtz

Emun Ellliot

Aaron Pierre

 

หนังเรื่องใหม่ของเอ็ม. ไนต์ ชยามาลัน เป็นเรื่องเกี่ยวกับความแก่และความตายของมนุษย์ในแง่ที่ถูกกำหนดโดยกาลเวลา

ซึ่งประเด็นนี้คงจะอยู่ในใจของคนจำนวนมาก ซึ่งปฏิเสธไม่ยอมรับ หรือไม่อยากยอมจำนนต่อกฎธรรมชาติข้อนี้

ดังนั้น ความพยายามในการแสวงหา “ยาอายุวัฒนะ” หรือ “น้ำพุแห่งความเยาว์วัย” ซึ่งจะทำให้ชีวิตยืนยงคงอยู่ยาวนานสืบไป จึงมีมาตั้งแต่ครั้งโบราณกาลแล้ว แม้แต่การทำมัมมี่เพื่อถนอมร่างกายไม่ให้เน่าเปื่อยไปตามกาลเวลา ก็เป็นความฝันในชีวิตนิรันดรของมนุษย์เหมือนกัน

แต่คนที่เกิดมาเป็นพุทธศาสนิกชน และได้รับการพร่ำสอนว่า การแก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องธรรมดา ย่อมจะนึกพิศวงและงงงวยกับการต่อสู้ของมนุษยชาติที่จะหนีพ้นไปจากความตายที่เป็นเรื่องธรรมดาแบบนี้

คำสอนในมรณสติที่ท่องจำมาแต่ไหนแต่ไร ซึ่งพบบ่อยๆ เวลาไปฟังสวดพระอภิธรรมเมื่อมีญาติหรือมิตรสหายเสียชีวิต คือ “เรามีความแก่ (ความเจ็บ/ความตาย) เป็นธรรมดา จะล่วงพ้นความแก่ (ความเจ็บ/ความตาย) ไปไม่ได้”

ชาวพุทธได้รับการพร่ำสอนมาว่า ถ้าไม่อยากแก่ ไม่อยากเจ็บ ไม่อยากตาย ก็อย่าเกิดสิ

การพยายามเอาชนะความตายนั้นย่อมเป็นการต่อสู้ที่มีตอนจบเพียงอย่างเดียว คือ ความพ่ายแพ้

 

ที่เขาให้สัมภาษณ์ ชยามาลันดัดแปลงนิยายภาพชื่อ Sandcastle ซึ่งเป็นที่มาของภาพยนตร์เรื่อง Old ของเขา เพราะสนใจในคำถามว่าทำไมคนเราต้องแก่ด้วย ซึ่งเขาบอกว่าเป็นคำถามที่อยู่ในใจเขามานานแล้ว

เขาจึงวางเรื่องไว้อย่างน่าสนใจตั้งแต่ฉากเปิดเรื่องด้วยประเด็นนี้ ครอบครัวที่ประกอบด้วยกายผู้เป็นพ่อ (เกล การ์เซีย เบอร์นัล) พริสกาผู้เป็นแม่ (วิกกี้ ครีปส์) และลูกสองคนคือ แมดดอกซ์ในวัยสิบสาม (อเลกซา สวินตัน) กับเทรนต์ในวัยหกขวบ (โนลัน ริเวอร์) กำลังนั่งรถตู้มายังรีสอร์ตหรูริมทะเล

เด็กๆ ร้องเพลงกันมาในรถ พริสกาซึ่งยังก้มหน้าก้มตาอยู่กับงานที่ทำ ฟังแล้วพูดชมลูกสาวว่าเสียงเพราะเหลือเกิน แม่อยากได้ยินเสียงลูกตอนโตว่าจะร้องเพลงเพราะแค่ไหน

ไม่นานเราก็ได้รู้ว่าพริสกาจะไม่ได้มีโอกาสนั้น เพราะเธอกำลังเผชิญหน้ากับโรคร้ายที่จะคร่าชีวิตเธอไปก่อนเวลา

เธอตัดสินใจมาพักผ่อนกับครอบครัวเป็นครั้งสุดท้าย ด้วยเหตุผลอีกข้อว่าเธอกำลังจะหย่าขาดจากสามีผู้พยายามงอนง้อขอคืนดีด้วย

พริสกาและกายถามผู้จัดการรีสอร์ตว่าจะพาลูกๆ ไปเที่ยวที่ไหนดี และได้รับคำตอบว่า มีหาดแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นที่ส่วนตัวที่เขาอยากแนะนำ และไม่ได้แนะนำให้แขกทุกคนไป เฉพาะกับแขกที่เขาชอบพอเป็นพิเศษเท่านั้น

วันรุ่งขึ้น พ่อแม่ลูกก็นั่งรถตู้ของโรงแรมไปกับแขกอีกครอบครัวหนึ่ง ซึ่งประกอบด้วยชาลส์ (รูฟัส ซีเวลล์) กับแม่ ภรรยา และลูกสาว

คนขับรถตู้พาพวกเขาไป ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก เอ็ม. ไนต์ ชยามาลัน เอง แฟนหนังคงรู้ดีอยู่แล้วว่าชยามาลันจะโผล่หน้ามาให้เห็นในหนังของตัวเองแทบทุกเรื่องในบทเล็กๆ ที่ไม่มีความสำคัญ คงเป็นความพอใจส่วนตัวของผู้กำกับฯ ที่อยากให้แฟนหนังได้เห็นหน้าค่าตาของเขาบ้าง

แต่ในหนังเรื่องนี้ เขาเขียนบทให้ตัวเองมีความสำคัญยิ่งกว่าในทุกเรื่องที่ผ่านมา

 

เมื่อไปถึงหาดไม่นาน แมดดอกซ์ก็แทบกรี๊ดสลบ เพราะไปเห็นดาราแร็พที่เหล่าวัยรุ่นรู้จัก มิดไซส์ เซดอน (แอรอน ปีแอร์) แต่แม่ก็ห้ามไว้ไม่ให้ไปรบกวนเขา เพราะคิดว่าเขาคงอยากมาพักผ่อนอย่างสงบ

ไม่เท่าไร บรรดาแขกพิเศษที่โรงแรมแนะนำมาสู่ชายหาดที่มีหน้าผาสูงล้อมรอบนี้ ก็ได้พบกับเรื่องราวชวนพิศวงและเหตุการณ์น่าสะพรึงกลัวต่างๆ นานา อาทิ

มีศพหญิงสาวลอยน้ำอยู่ นักร้องแร็พเปอร์ที่มาด้วยกันกับเธอก็ตื่นตระหนก มีเลือดกำเดาไหลอยู่เมื่อพบศพ จนตกเป็นผู้ต้องสงสัยในสายตาคนอื่น

การติดต่อกับโลกภายนอกถูกตัดขาด ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ไม่สามารถเดินกลับไปในเส้นทางเข้ามาได้ เพราะทุกครั้งจะเกิดอาการวิงเวียนหน้ามืดจนสลบไป

บาดแผลจากคมมีดสมานตัวสนิทภายในเวลาไม่กี่นาที

และที่น่าตื่นตระหนกที่สุด คือเทรนต์กับแมดดอกซ์โตขึ้นในชั่วเวลาไม่นานที่มาอยู่ที่นี่

มีการคำนวณเวลาจากการเติบโตนั้นด้วยว่า กาลเวลาในชีวิตที่หาดแห่งนี้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในอัตราที่น่าตกใจยิ่ง ประมาณว่าหนึ่งชั่วโมงบนหาดเท่ากับหลายปีในชีวิต

แล้วก็ยังมีเรื่องชวนพิศวงและตระหนกตกใจอีกเยอะแยะ

ความพยายามออกไปให้พ้นจากสถานที่อาถรรพ์แห่งนี้ล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ว่าจะว่ายน้ำอ้อมแหลมออกไป หรือปีนข้ามหน้าผาอันสูงชัน

 

แน่นอนว่ามีคนคิดหนทางออกไปจากที่นี่ได้ในที่สุด และมีการเฉลยให้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่หาดนี้และกับพวกผู้คนที่โชคร้ายได้รับเลือกให้มาที่นี่

เสียแต่ว่าคำเฉลยนั้นดูหลุดโลกและเปิดประเด็นปัญหาใหม่ในด้านศีลธรรมและจริยธรรมขึ้นมา

จึงทำให้คำตอบที่รอคอยจะได้รับการเฉลยกลับแปลกแปร่งและไม่ลงตัวอย่างยิ่ง

สรุปว่าหนังครึ่งค่อนเรื่องชวนให้ติดตามอย่างยิ่ง

แต่มาตกม้าตายเอาในตอนจบ

ผลงานของชยามาลันที่ใครๆ ก็เฝ้าติดตามมาตั้งแต่ที่เขาดังเปรี้ยงปร้างในครั้งแรกจาก The Sixth Sense ที่สร้างฮาลีย์ โจเอล ออสเมนต์ ให้เป็นดาราเด็กเจ้าฝีมือ และค่อยๆ แผ่วลงเรื่อยๆ หลังจากนั้น

จึงไม่เข้าเป้าอีกตามเคย