‘ศรีสุวรรณ’ จ่อร้อง ป.ป.ช.สอบ ‘สมคิด’ เป็นปธ.บริษัทเอกชนภายใน 2 ปีขัด กม.หรือไม่ จันทร์นี้

“ศรีสุวรรณ” จ่อร้อง “ป.ป.ช.” สอบ “สมคิด อดีตรองนายกฯ” เป็นประธานบริษัทเอกชนภายใน 2 ปีขัดต่อ กม.หรือไม่ จันทร์นี้

เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ในวันที่ 4 ตุลาคม จะเดินทางไปสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ที่สนามบินน้ำ จากกรณี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้ขอลาออกจากตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม 2563 ความเป็นรัฐมนตรีของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ จึงสิ้นสุดลงตั้งแต่วันดังกล่าวตามความในม.170(2) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 แล้วนั้น

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า เนื่องจาก ป.ป.ช.ได้ออกประกาศ เมื่อ 19 กุมภาพันธ์ 2563 เรื่อง กำหนดตำแหน่งซึ่งต้องห้ามมิให้ดำเนินการตาม ม.127 พ.ศ. 2563 โดยกำหนดผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองห้ามมิให้ดำเนินการตาม ม.126 (4) แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ภายในสองปี นับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่ง โดยใน (4) ของ ม.126 ประกอบ ม.127 กำหนดว่า ห้ามผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมิให้ดำเนินการเข้าไปมีส่วนได้เสียในฐานะเป็นกรรมการที่ปรึกษาตัวแทนพนักงานหรือลูกจ้างในธุรกิจของเอกชน

ซึ่งอยู่ภายใต้การกํากับดูแลควบคุมหรือตรวจสอบของหน่วยงานของรัฐที่เจ้าพนักงานของรัฐผู้นั้นสังกัดอยู่หรือปฏิบัติหน้าที่ในฐานะเป็นเจ้าพนักงานของรัฐซึ่งโดยสภาพของผลประโยชน์ของธุรกิจของเอกชนนั้นอาจขัดหรือแย้งต่อประโยชน์ส่วนรวมหรือประโยชน์ทางราชการหรือกระทบต่อความมีอิสระในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานของรัฐผู้นั้น ภายในสองปี นับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่ง

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า แต่ปรากฏเป็นการทั่วไปที่ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ หลังจากขอลาออกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีแล้ว กลับปรากฎไปดำรงตำแหน่งเป็นประธานกรรมการ บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด(มหาชน) ซึ่งอาจไม่เป็นไปตามม.126 (4) แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ภายในสองปี นับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่ง ซึ่งขณะนี้ยังไม่ถึง 2 ปีตามที่กฎหมายกำหนดแต่อย่างใด อันอาจถือได้ว่าเป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวมหรือไม่

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงจะนำความพร้อมหลักฐานไปยื่นร้องต่อ ป.ป.ช.ในวันจันทร์ที่ 4 ตุลาคม เวลา 10.00 น. เพื่อให้ดำเนินการไต่สวนสอบสวนว่าการกระทําดังกล่าวเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายข้างต้นและถือว่าเป็นการกระทําความผิด ต่อตําแหน่งหน้าที่ราชการหรือความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรมหรือไม่