“วัฒนา” เห็นด้วย ใช้พรก.แก้ไข พรบ.โรคติดต่อ เพิ่มช่องรับมือเหตุฉุกเฉินเพื่อเปิดประเทศได้

วันที่ 22 กันยายน 2564 นายวัฒนา เมืองสุข สมาชิกพรรคไทยสร้างไทย ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นภายหลังที่ประชุมครม.เห็นชอบร่าง พรก.แก้ไขเพิ่มเติม พรบ.โรคติดต่อเพื่อใช้แทนการบังคับใช้พรก.การบริหารในสถานการณ์ฉุกเฉินในการรับมือเหตุฉุกเฉินทางสาธารณสุข ในห้วงที่รัฐบาลประกาศจะเปิดประเทศในช่วงปลายปีนี้ว่า

ผมเห็นด้วยที่ ครม. เห็นชอบร่าง พรก. แก้ไขเพิ่มเติม พรบ. โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 เพื่อกำหนดให้มีมาตรการจำเป็นและมีประสิทธิภาพในการป้องกัน ระงับ ควบคุม หรือขจัดโรคติดต่อที่มีการแพร่ระบาด รวมถึงการจัดการสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขอันจะทำให้สามารถยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินได้

ไทยมีความจำเป็นที่จะต้องเร่งเปิดประเทศเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ เพราะฐานะทางการคลังของรัฐบาลไม่อำนวยให้ปิดประเทศ หรือจำกัดเสรีภาพในการประกอบอาชีพของประชาชนอีกต่อไปได้ การแก้ไข พรบ. โรคติดต่อให้มีบทบัญญัติที่สามารถแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขเพื่อให้สามารถเปิดประเทศได้ จึงเป็นไปเพื่อความมั่นคงทางด้านเศรษฐกิจและถือเป็นกรณีฉุกเฉินที่มีความจำเป็นเร่งด่วนเพราะหากจะแก้ไขโดย พรบ. ก็จะต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 2 สมัยประชุม

ปีปฏิทินงบประมาณของประเทศไทยจะเริ่มต้นในวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี ดังนั้น งบประมาณการลงทุนภาครัฐประมาณร้อยละ 20 ของงบประมาณแผ่นดินหรือเป็นเงินประมาณ 600,000 ล้านบาทจะเริ่มทยอยใช้จ่าย จากนั้นในเดือนพฤศจิกายนข้าวเปลือกนาปีประมาณ 20 ล้านต้นข้าวเปลือกจะออกสู่ตลาด หากรัฐดันราคาให้ได้ตันละ 15,000 บาท จะเป็นเม็ดเงินประมาณ 300,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ ช่วงเดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไปยังเป็นฤดูการท่องเที่ยวของทั้งคนไทยและต่างประเทศ โดยในปี 2562 เรามีรายได้จากการท่องเที่ยวประมาณ 3.01 ล้านล้านบาท หรือเฉลี่ยประมาณเดือนละ 250,000 ล้านบาท แต่ในปี 2563 จากผลการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้รายได้ลดลงเหลือเพียง 8.1 แสนล้านบาท การเริ่มนับหนึ่งในช่วงนี้จึงเหมาะสมเพราะเม็ดเงินจากงบประมาณแผ่นดิน สินค้าเกษตร และการท่องเที่ยว เมื่อรวมกันจะเป็นพลังขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล

ปัจจัยสำคัญคือจำนวนผู้ติดเชื้อที่ลดลงเรื่อยๆ รวมทั้งจำนวนคนไทยที่ได้รับการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 แล้วกว่า 45 ล้านคน ซึ่งต้องยกคุณความดีนี้ให้กับบุคลากรสาธารณสุขทุกท่านที่ทุ่มเททำงานและประชาชนที่ให้ความร่วมมือ จากนี้ไปถือเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคนที่จะต้องช่วยกันป้องกันตัวไม่ให้ผู้ป่วยล้นเกินระบบสาธารณสุข ส่วนชาวต่างชาติที่จะเข้าไทยนั้นไม่ต้องกังวลเพราะมีเงื่อนไขทางสาธารณสุขและข้อกำหนดเรื่องวัคซีนกำกับอยู่แล้ว