จับสัญญาณ ‘บิ๊กตู่’ ไปต่อ เอ็กเซอร์ไซส์อำนาจ ปรับ ครม.-จัดโผทหาร เปิดมิชชั่น ‘พี่ใหญ่’ หานายกฯ ใหม่ รอ ‘ประยุทธ์’ ลงหลังเสือ จับตา ‘ผบ.พล.สไตรเกอร์’/รายงานพิเศษ

รายงานพิเศษ

 

จับสัญญาณ ‘บิ๊กตู่’ ไปต่อ

เอ็กเซอร์ไซส์อำนาจ

ปรับ ครม.-จัดโผทหาร

เปิดมิชชั่น ‘พี่ใหญ่’ หานายกฯ ใหม่

รอ ‘ประยุทธ์’ ลงหลังเสือ

จับตา ‘ผบ.พล.สไตรเกอร์’

 

แม้ว่าจะไม่มีทีท่าใดๆ ของบิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่จะลาออกกลางครัน ตามแรงกดดันจากความล้มเหลวในการแก้ปัญหาโควิดก็ตาม

แต่มี สัญญาณ” บางอย่างเริ่มชัดว่า ในสมัยหน้า พล.อ.ประยุทธ์จะไม่ไปต่อ

ดังนั้น ในเวลาที่เหลืออยู่ พล.อ.ประยุทธ์จะต้องเร่งแก้ปัญหาให้สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็วที่สุด เพื่อฟื้นวิกฤตศรัทธาที่เกิดขึ้น จนเรียกได้ว่า เป็นช่วงตกต่ำที่สุด

ด้วยเพราะ พล.อ.ประยุทธ์ก็ย่อมต้องการลงจาก “หลังเสือ” แบบสวยงามกว่าสภาพที่เป็นอยู่ตอนนี้ แม้ในใจลึกๆ แล้วพร้อมจะทำหน้าที่นายกฯ ต่อไปให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้

นอกเหนือจากความเป็นนายกฯ อดีตทหาร แถมเป็นนักรบเหรียญรามา ที่ผ่านช่วงเฉียดตายในสมรภูมิ เขาพนมปะ รบกับทหารเวียดนาม ที่รุกเขตกัมพูชา จะเข้ามายึดแผ่นดินไทย ที่ทำให้แกร่งแล้ว

ยังเป็นที่รู้กันดีว่า ยังไม่มี “สัญญาณ” ใดๆ ที่จะทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ต้องลาออกในเวลานี้

หากแต่ พล.อ.ประยุทธ์กำลังถูกมองว่า เป็นผู้เล่นที่บอบช้ำ บาดเจ็บ สะบักสะบอมเกินกว่าที่จะให้วิ่งอยู่ในสนามต่อไป โค้ชต้องเตรียมหาตัวสำรองมาลงสนามแทนเมื่อถึงเวลา

จากที่เคยคาดการณ์กันว่า พล.อ.ประยุทธ์ซึ่งเป็นนายกฯ ในยุค คสช.มา 5 ปี และเป็นนายกฯ ในรัฐบาลเลือกตั้งในสมัยนี้ราว 4 ปีแล้ว จะเป็นนายกฯ ต่อ หลังการเลือกตั้งสมัยหน้าอีก 4 ปี

เพราะรัฐธรรมนูญได้ออกแบบมารองรับไว้แล้ว และยังมีบทเฉพาะกาล 5 ปีที่ให้ 250 ส.ว.ที่หัวหน้า คสช.แต่งตั้งไว้ ร่วมโหวตเลือกนายกฯ ได้ ที่นั่นย่อมหมายถึง พร้อมที่จะเลือก พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ อีกสมัยหนึ่ง

แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดว่าจะอุบัติขึ้นอย่างโควิด กลับกลายเป็นศัตรูตัวสำคัญที่ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ถูกมองว่า พ่ายแพ้ต่อการทำศึกครั้งนี้ ภาวะผู้นำ และการวางแผน ประเมินสถานการณ์ผิดพลาด เปรียบการพาไพร่พลไปตายในสงครามโรค ส่งผลให้คะแนนนิยมหล่นวูบ จนเกิดวิกฤตศรัทธา เสียงไล่ให้ลาออก ดังขึ้นทุกหย่อมหญ้า กองหนุนลดลง กองเชียร์เหนื่อยล้า

จนเกิดกระแสข่าวทั้งในพรรคพลังประชารัฐ และบ้านป่ารอยต่อฯ ว่า บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ กำลังมองหานายกรัฐมนตรีคนใหม่มาสำรองไว้แทน พล.อ.ประยุทธ์ ที่อาจจะไปต่อไม่ไหวในการเลือกตั้งสมัยหน้า

เพราะถึงอย่างไร ในรัฐบาลเทอมนี้ กับเวลาที่เหลืออีก 1 ปีเศษ พล.อ.ประยุทธ์จะไม่ยอมลาออกอยู่แล้ว จะยื้อไปให้ได้นานที่สุด หากถึงจังหวะที่เหมาะสม ก็จะยุบสภา และเลือกตั้งใหม่

เมื่อนั้น คงต้องมาดูกระแสอีกครั้งว่า พล.อ.ประยุทธ์ยังไปต่อไหวหรือไม่ หากทำให้สถานการณ์โควิดคลี่คลายลงได้

แต่ในเวลานี้ ภารกิจสำคัญของ พล.อ.ประวิตร ทั้งในฐานะพี่ใหญ่และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ต้องเตรียมหาตัวนายกฯ คนใหม่

โดยมีข่าวออกมาจากบ้านป่ารอยต่อฯ ว่า สเป๊กนายกฯ ในสมัยหน้า จะต้องเป็นพลเรือน อายุตั้งแต่ 45-65 มีความรู้ทั้งด้านเศรษฐกิจ การปกครอง การบริหาร มีความเป็นผู้นำ และพูดภาษาอังกฤษได้ดี แบบที่เรียกว่า ต้องสมาร์ต ที่ดูจะไม่ใช่หากันได้ง่ายๆ

ในขณะเดียวกัน ในพรรคพลังประชารัฐก็มีกระแสหนุนให้ พล.อ.ประวิตร หัวหน้าพรรค เป็นนายกฯ เองในสมัยหน้า โดยให้เสนอชื่อในรายชื่อนายกฯ ของพรรค ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)

แม้ว่า พล.อ.ประวิตรจะย้ำเสมอว่า ไม่เคยคิดอยากเป็นนายกฯ ถ้า พล.อ.ประยุทธ์กลับบ้าน พี่น้อง 3 ป. รวมทั้งบิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ก็กลับบ้านพักผ่อนด้วยกัน

แต่ทว่า ก็รู้ดีว่า พล.อ.ประวิตรยังปล่อยมือจากพรรคพลังประชารัฐไม่ได้ พี่น้อง 3 ป.ยังไม่อาจถอยทัพ วางมือทางการเมืองกลับบ้านได้

เพราะจะต้องพยายามที่จะคุมอำนาจรัฐต่อไปให้ยาวนานที่สุด แต่หาก พล.อ.ประยุทธ์ถอดใจ และ 3 ป.ถอยทัพ ก็หาใช่จะวางมือทางการเมืองไม่ แต่จะถอยไปเป็นแผงผู้มีบารมีอยู่เบื้องหลัง

แต่การหาทายาท ตัวตายตัวแทน ที่ใช่ ไม่ใช่เรื่องง่าย อีกทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ก็ดูจะยังไม่อยากยอมแพ้ ถ้าสถานการณ์ช่วงการเลือกตั้งครั้งหน้าฟื้นคะแนนนิยมได้ ก็ยังอยากจะไปต่อ

ส่วน พล.อ.ประวิตรที่แม้จะมี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า มาเป็นเลขาธิการพรรค เป็นกำลังหลักในการสู้ศึกเลือกตั้งแล้ว แต่บารมียังไม่แก่กล้า ยังอาศัยบารมีของ พล.อ.ประวิตรอยู่ จึงยังไม่อาจปล่อยมือได้

แม้ลึกๆ พล.อ.ประวิตรพร้อมที่จะเป็นนายกฯ ก็ตาม เพราะก็มั่นใจในความสามารถที่ปั้น พล.อ.ประยุทธ์มากับมือ และพยุง ประคองจนเป็นนายกฯ ได้จนทุกวันนี้ เคลียร์ปัญหาการเมือง จากรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ มาเป็นมีงูเห่าพรึบ ไม่ห่วงคะแนนโหวตในสภา

แต่รู้กันดีว่า หากประชาชนเบื่อหน่าย พล.อ.ประยุทธ์แล้ว ก็ย่อมหมายถึงการไม่ยอมรับพี่น้องอีก 2 ป.ด้วย

อีกทั้งในเวลานี้ เริ่มมี “สัญญาณ” ที่สะท้อนว่า กองหนุนของ พล.อ.ประยุทธ์หดหาย

แม้แต่ตัว พล.อ.ประวิตรพี่ใหญ่เองก็ส่งสัญญาณบางอย่างให้คนใกล้ตัว และแกนนำพรรค พปชร.ได้รับรู้มาระยะหนึ่งแล้ว

โดยเฉพาะท่าทีของท่านใหม่ ม.จ.จุลเจิม ยุคล ที่ถือว่าเป็นราชนิกุลที่เคยเป็นกองหนุนรัฐบาล แต่การแสดงความเห็นในเฟซบุ๊กต่างๆ สะท้อนได้ว่า ไม่ปลื้มรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ และแนะให้มองหาดาวฤกษ์ดวงใหม่ที่จะเปล่งประกายยามราตรี

จนอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดกระแสข่าวการเปลี่ยนนายกฯ และตามมาด้วยกระแสต้านนายกฯ พระราชทาน

หม่อมเจ้าจุลเจิม ยุคล

“ยังไม่มีสัญญาณใดๆ พล.อ.ประยุทธ์จะยังคงทำหน้าที่นายกฯ ต่อไปในเวลานี้” สายข่าววงในระบุ

พล.อ.ประยุทธ์เองก็พยายามเช็กสัญญาณนี้ด้วยเช่นกัน จึงยังไม่มีทีท่าจะลาออกในเวลานี้

แต่ในสมัยหน้า พล.อ.ประยุทธ์จะไปต่อหรือไม่ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์วันนี้ แต่ที่แน่ๆ พล.อ.ประวิตรมีมิชชั่นสำคัญในการหานายกฯ คนใหม่เตรียมไว้ก่อน

ท่ามกลางกระแสข่าวการปรับ ครม.เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ยังไม่ลาออก ยังไม่ถึงเวลายุบสภา ทั้งการสลับเก้าอี้ รมว.ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข กับนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นไปได้ยากที่นายอนุทินจะยอม

และยังมีข่าวว่า พล.อ.ประวิตรจะเสนอให้สลับโควต้า รมช. เพื่อให้ ร.อ.ธรรมนัสข้ามมาเป็น รมช.มหาดไทย หรือ มท.4 ช่วยงาน พล.อ.อนุพงษ์วางหมากพร้อมสู้เลือกตั้ง เพราะแม้รู้กันดีว่า ร.อ.ธรรมนัสใฝ่ฝันเก้าอี้ รมว.มหาดไทย แต่ก็ไม่อาจคิด เพราะ พล.อ.อนุพงษ์ยังคงนั่งอยู่

แม้จะเป็นเลขาธิการพรรค ที่จะต้องเป็น รมว.ว่าการ ก็ตาม แต่เมื่อไม่มีตำแหน่งว่าง เก้าอี้ มท.4 ก็ถือว่าเป็นการแจ้งเกิดในสายมหาดไทยให้ ร.อ.ธรรมนัสได้เป็นอย่างดี อีกทั้งมีความสนิทสนมคุ้นเคยกับ พล.อ.อนุพงษ์อยู่แล้วด้วย เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการยุบสภาและการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในอนาคตอันใกล้

ไม่ว่า พล.อ.ประยุทธ์จะไปต่อหรือไม่ และพรรคพลังประชารัฐจะต้องไปต่อ แล้วจะต้องเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลในสมัยหน้า ไม่ว่าจะมีชื่อใครเป็นนายกฯ ก็ตาม

 

สถานภาพอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ในสถานการณ์เช่นนี้ กำลังถูกจับตามองว่า จะส่งผลต่ออำนาจในการต่อรองจัดโผโยกย้ายทหาร

หลังจากมีข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์อาจต้องเอ่ยปากในเรื่องตำแหน่ง ผบ.ทร. และ ผบ.ทอ.

เพราะมีข่าวมาตลอดว่า พล.อ.ประยุทธ์สนับสนุนบิ๊กต่วย พล.อ.อ.สุทธิพันธ์ ต่ายทอง รอง ผบ.ทหารสูงสุด ให้กลับไปเป็น ผบ.ทอ. แต่คาดกันว่า พล.อ.อ.แอร์บูล สุทธิวรรณ ผบ.ทอ. มีแค่ 2 คนในใจ คือ บิ๊กตั้ว พล.อ.อ.สฤษฏ์พงศ์ วัฒนวรางกูร ผบ.คปอ. เพื่อนรัก ตท.21 และเสธ.หนึ่ง พล.อ.อ.ชานนท์ มุ่งธัญญา เสนาธิการทหารอากาศ รุ่นน้อง ตท.23 เท่านั้น ที่มีข่าวในรุ่น ตท.21 ว่า พล.อ.อ.แอร์บูลจะเสนอชื่อบิ๊กตั้ว พล.อ.อ. สฤษฏ์พงศ์เป็น ผบ.ทอ.

ขณะที่ ตท.23 ก็มั่นใจว่า ในที่สุด ชื่อจะออกมาเป็น พล.อ.อ.ชานนท์

 

นอกจากนั้น ในฐานะ รมว.กลาโหม และจากแรงสนับสนุนของบิ๊กณัฐ พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกลาโหม ต้องการส่งบิ๊กเฒ่า พล.ร.อ.สมประสงค์ นิลสมัย รองปลัดกลาโหม กลับไปเป็น ผบ.ทร.

ขณะที่มีข่าวว่า บิ๊กอุ้ย พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน ผบ.ทร. ได้เสนอชื่อ เสธ.โต้ง พล.ร.อ.ธีรกุล กาญจนะ เสนาธิการมหารเรือ รุ่นน้อง ตท.21 เป็น ผบ.ทร. ขึ้นไปตามธรรมเนียมที่จะต้องเสนอชื่อคนใน ทร.

บรรดาเพื่อนร่วมรุ่น ตท.20 ก็เดาใจ พล.ร.อ.ชาติชาย ว่าน่าจะยอมตามที่ พล.อ.ณัฐเสนอชื่อ พล.ร.อ.สมประสงค์เป็น ผบ.ทร. เพราะก็เป็นเพื่อนกันทั้ง 3 คน

อีกทั้ง พล.ร.อ.สมประสงค์มีอายุราชการแค่ปีเดียว เมื่อเกษียณในปี 2565 ก็สามารถให้ พล.ร.อ.ธีรกุลเป็น ผบ.ทร.ต่อได้อีก 1 ปี

แต่กลับไม่มีสัญญาณตอบรับจาก พล.ร.อ.ชาติชาย ที่เมื่อเพื่อนถามไถ่ ก็จะได้แต่หัวเราะตามสไตล์บิ๊กอุ้ย

จนทำให้มีข่าวว่า พล.ร.อ.สมประสงค์ได้บอกกับเพื่อนๆ ว่า อย่าไปกดดัน พล.ร.อ.ชาติชาย ว่าจะต้องเลือกเพื่อน เพราะจะทำให้เพื่อนลำบากใจ ปล่อยให้ พล.ร.อ.ชาติชายพิจารณาตัดสินใจตามความเหมาะสม

ทั้งนี้เพราะไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้งในเรื่องแคนดิเดตคนใน ทร. ต้านคนนอก ทร. อย่าง พล.ร.อ.สมประสงค์ที่ทำใจไว้แล้วว่า ในปีสุดท้ายก่อนเกษียณ ก็พร้อมทำงานไม่ว่าตำแหน่งใด

หลังจากที่ข่าวสะพัดใน ทร.ว่า พล.ร.อ.ชาติชายจะเสนอชื่อ พล.ร.อ.ธีรกุลเป็น ผบ.ทร. ส่วน พล.ร.อ.สมประสงค์อาจจะเป็นจเรทหารทั่วไป หรือเปิดตำแหน่งประธานคณะที่ปรึกษากลาโหม ขึ้นมารองรับ หรือแม้แต่กลับมาเป็นประธานที่ปรึกษา ทร. ที่ครองอัตราพลเรือเอกพิเศษเช่นกัน

แถมด้วยแรงเชียร์ให้ พล.ร.อ.ชาติชายเจรจากับ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ณัฐ ในการเรียกร้องความชอบธรรม ที่จะให้ทหารเรือได้เป็นปลัดกลาโหมบ้าง เพราะไม่ได้มีทหารเรือเป็นปลัดกลาโหมมานานหลายสืบปี อีกทั้ง พล.ร.อ.สมประสงค์อาวุโสสูงสุดในกลาโหม และเป็นรองปลัดกลาโหมอยู่

แต่ทว่า ก็รู้กันดีว่า ทาง ทบ.จะส่งบิ๊กหน่อย พล.อ.วรเกียรติ รัตนานนท์ เสธ.ทบ. ข้ามมาเป็นปลัดกลาโหม เพราะก็เป็นเพื่อน ตท.20 ของทั้ง พล.อ.ณัฐ พล.ร.อ.ชาติชาย และ พล.ร.อ.สมประสงค์

ที่สำคัญ หลังจากมีเสียง พล.อ.ประยุทธ์พูดกลางวง ครม. เรื่องการแต่งตั้งข้าราชการระดับสูง ที่ถูกจับตาเรื่องปลัดมหาดไทย ว่า “ไม่มีโยกข้ามไปข้ามมา” ก็ส่งผลสะเทือนต่อกระแสข่าวโผทหารไปด้วย

พล.ต.ธวัชชัย ตั้งพิทักษ์กุล

ขณะที่มีข่าวในกองทัพบกว่า บิ๊กบี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. ใช้นโนบายไม่ข้ามหน่วย ไขว้สลับ ใครโตที่ไหน ก็จ่อขึ้นในหน่วยนั้น

จนเกิดข่าวลือสะพัดใน ทบ. ว่า พล.อ.วรเกียรติจะขึ้นเป็นรอง ผบ.ทบ. ไม่ได้ข้ามไปเป็นปลัดกลาโหม หากว่าส่ง พล.ร.อ.สมประสงค์ไปเป็น ผบ.ทร.ไม่ได้

แต่ทว่า ก็ยังมีหลายตำแหน่งรองรับ ทั้งจเรทหารทั่วไป หรือหากไม่ลงตัวจริงๆ ทาง รมว.กลาโหมสามารถขอเปิดตำแหน่งประธานคณะที่ปรึกษากลาโหมขึ้นมารองรับได้ เพราะในกลาโหมยังเชื่อกันว่า พล.อ.วรเกียรติจะข้ามมาด้วยการออกแรงของ พล.อ.ณัฐ น้องรักบิ๊กป้อม และสายตรงนายกฯ เช่นกัน และ พล.ร.อ.ชาติชายก็น่าจะยอมให้ พล.ร.อ.สมประสงค์เป็น ผบ.ทร.ในที่สุด

กระแสการโยกสลับข้ามห้วย ยังถูกจับตามองใน ทบ.ด้วย หลังจากมีข่าวว่า ผบ.เนี้ยว พล.ต.ทรงพล สาดเสาเงิน ผบ.พล.1 รอ. จะขยับขึ้นรองแม่ทัพภาคที่ 1 เพื่อจ่อเข้าไลน์สู่แม่ทัพภาคที่ 1 ในอนาคต

ทำให้จับตามองกันว่า ใครจะขึ้นมาเป็น ผบ.พล.1 รอ.คนใหม่แทน เพราะถือเป็นเก้าอี้สำคัญ ที่เป็นกำลังหลักของ ฉก.ทม.รอ.904 และแน่นอนว่า ต้องเป็นนายทหารคอแดง

พล.ต.ทรงพล สาดเสาเงิน

แม้เดิมจะมีชื่อของรองไก่ พ.อ.วรยศ เหลืองสุวรรณ รอง ผบ.พล.1 รอ. ที่มาแรง เพราะเป็นเตรียมทหารรุ่น 28 สายบ้านพระราม 5

แต่ก็มีชื่อ ผบ.ตั้ง พล.ต.ธวัชชัย ตั้งพิทักษ์กุล ผบ.มทบ.11 คอแดง รุ่นพี่ ตท.27 ที่กล่าวกันว่า มีความเนี้ยบ เป๊ะ ไม่แพ้ พล.ต.ทรงพล จะมานั่งทำหน้าที่สำคัญแทน เพราะ พล.ต.ธวัชชัยนั้นเป็นนายทหารคอแดงอยู่แล้ว

และถือเป็นนายทหารคอแดงดาวรุ่งของ ตท.27 ที่เคยมีชื่อชิงเก้าอี้ ผบ.พล.1 รอ.มาแล้ว แต่ก็เบี่ยงไปเป็น ผบ.มทบ.11

ตามไลน์แล้ว พล.ต.ธวัชชัยขึ้นรองแม่ทัพภาคที่ 1 ในโผโยกย้ายนี้ได้เลย แต่เพราะอายุน้อย จึงมีกระแสข่าวว่าจะขยับมาเป็น ผบ.พล.1 รอ.

แต่มี พ.อ.วรยศจ่อคิวอยู่ จึงมีข่าวว่า พล.ต.ธวัชชัยจะย้ายระนาบอีกครั้ง ไปเป็น ผบ.พล.ร.11 คุมกองพลสไตรเกอร์ ที่บิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ รองราชเลขาธิการ และอดีต ผบ.ทบ. เป็นคนวางรากฐานในการปรับหน่วย จนมาเป็นกองพลหลักของกองทัพภาคที่ 1 แทน พล.1 รอ. และเป็น ผบ.พล.ร.11 คอแดง เพราะบิ๊กปู พล.ต.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.พล.ร.11 จะขยับขึ้นรองแม่ทัพภาคที่ 1

แต่ทว่า ที่ พล.ร.11 นั้นมีรองกอล์ฟ พ.อ.สราวุธ ไชยสิทธิ์ เป็นรอง ผบ.พล.ร.11 จ่ออยู่แล้ว และเป็นแกนนำ ตท.28 สายบ้านพระราม 5 อีกด้วย

ดังนั้น พล.ต.ธวัชชัยจะย้ายระนาบไปเป็น ผบ.พล.1 รอ.ก็ได้ แต่ทว่า ก็ถือว่าเป็นการย่ำเท้าอยู่ในระดับ ผบ.พล. ต่ออีกปี แต่ถือว่าเป็นตำแหน่งสำคัญมาก เพราะจาก ผบ.มทบ.11 ขึ้นรองแม่ทัพภาคที่ 1 ได้เลย ยิ่งหากโผนี้ พล.ต.ทรงพลขึ้นรองแม่ทัพภาคที่ 1 เพราะจะอาวุโสกว่า ด้วยถือว่า ต่างเป็นแคนดิเดตแม่ทัพภาคที่ 1 และ ผบ.ทบ.สายคอแดงในอนาคตด้วยกันทั้งคู่

พล.ต.พนา แคล้วปลอดทุกข์

งานนี้ พล.อ.อภิรัชต์ ยังคงถูกจับตามองว่า ยังมีบทบาทในการจัดโผทหารครั้งนี้ เพราะก็เป็น ตท.20 เช่นกัน และโดยเฉพาะทหารคอแดง ทั้งในสถานภาพปัจจุบัน และความสัมพันธ์พี่น้องกับ พล.อ.ณรงค์พันธ์ แม้ว่าบิ๊กบี้จะมีความเป็นตัวของตัวเองมากก็ตาม

เพราะ พล.อ.อภิรัชต์ไม่ใช่แค่รองราชเลขาธิการ แต่อดีต ผบ.ทบ. ที่ร่วมตั้ง ฉก.ทม.รอ.904 และยังเป็นน้องรักสายตรงของ พล.อ.ประยุทธ์เสมอมา ที่ต้องคอยเมียงมองกองทัพแทน

เพราะการจัดวางตัว ผบ.เหล่าทัพ และตำแหน่งสำคัญต่างๆ ล้วนมีผลต่อความเชื่อมั่น ความไว้วางใจในกองทัพของ พล.อ.ประยุทธ์ด้วย ยิ่งในยามที่ต้องการฐานอำนาจที่แข็งแกร่งในกองทัพ จึงอาจได้เห็น พล.อ.ประยุทธ์เอ็กเซอร์ไซส์อำนาจในมือตนเอง จากโผทหารครั้งนี้

พ.อ.สราวุธ ไชยสิทธิ์