สถานีคิดเลขที่12 โดย สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร / โดส”มรณะ”

Thailand's Prime Minister Prayut Chan-O-Cha holds a vial of the CoronaVac Covid-19 coronavirus vaccine, developed by China's Sinovac firm, as a shipment of it arrived in Bangkok on February 24, 2021. (Photo by Lillian SUWANRUMPHA / AFP)

สถานีคิดเลขที่12 / สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

——————

โดส”มรณะ”

——————

ไทม์ไลน์ ของผู้นำปัจจุบัน คือพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่จะเปิดประเทศ ภายใน 120 วัน ซึ่งตกราวๆปลายปี นี้

กับไทม์ไลน์ ของ อดีตผู้นำ”โทนี่ วู้ดซั่ม-นายทักษิณ ชินวัตร” ที่คาดหมายว่าจะมีการยุบสภา ต้นปีหน้าคือราวๆเดือน กุมภาพันธ์ 2565

ถามว่าคนจะเชื่อไทม์ไลน์ของใครมากกว่ากัน

น่าจะออกไปในทางเชื่อคนในอดีต มากกว่าคนในปัจจุบัน นะ

เพราะดูแนวโน้ม ความคืบหน้าที่จะทำให้สามารถเปิดประเทศได้นั่น นอกจากริบหรี่แล้ว ยังมีแนวโน้มที่จะไปในทางปิดประเทศ มากกว่าเปิด

เนื่องจาก สถานการณ์โควิด-19 ไม่ดีขึ้นเลย นับวันดูจะวิกฤตยิ่งขึ้น

วัคซีน ที่ดูจะเป็นความหวังมากที่สุด ก็ยังอลเวง

ที่ฝ่ายกุมอำนาจบริหารประเทศขณะนี้อ้างว่า เพราะมีจุดด้อยเรื่องการสื่อสาร เลยทำให้ชาวบ้านไม่เข้าใจการทำงานของรัฐบาลนั้น

ไม่ใช่ดอก จุดด้อยอยู่ที่ประสิทธิภาพ การบริหารจัดการต่างหาก เพราะเข้าไปดูจุดไหน ก็พบ ความบกพร่องทั้งสิ้น ตั้งแต่การป้องกัน การรักษา หรือแม้กระทั่ง ตายแล้ว ก็ยังมีปัญหาทั้งสิ้น

ยังไม่รวมถึงผลกระทบด้านอื่นทุกด้าน เอาเฉพาะ ปัญหาเศรษฐกิจ ก็หนักอึ้ง

ภาวะที่ดำมืดเช่นนี้ ทำให้ คนเชื่อ พี่โทนี่ มากกว่า ลุ่งตู่

เมื่อแนวโน้ม เป็นเช่นนี้ ทำให้เป็น ธรรมดา ที่ฝ่ายค้าน-ฝ่ายต้าน จะบูสเตอร์ โดส หรือ ฉีดกระตุ้นวีคซีนต้านพล.อ.ประยุทธ์ ให้ แรงขึ้น

ในสภา การอภิปรายไม่ไว้วางใจ กำลังจะเกิดขึ้น

ขณะเดียวกัน พรรคการเมือง ก็เริ่มขยับตัวกันยกใหญ่ พรรคร่วมรัฐบาล แม้ในนาทีนี้ยังจะประกาศร่วมหัวจมท้ายกับ พล.อ.ประยุทธ์ แต่เชื่อว่าเมื่อสถานการณ์ “สุกงอม”ไปเรื่อยๆ

คงไม่มีพรรคไหนจะยอมจมกับกัปตันเรืออย่างซื่อสัตย์แน่นอน

แม้แต่พรรคพลังประชารัฐเอง ถึงจะแสดงความเชื่อมั่น ยิ่งไล่ยิ่งสู้ จะขออยู่ครบวาระร่วมกับพล.อ.ประยุทธ์

แต่ อีกด้านเราก็เห็น “เลขาธิการพรรค”คนใหม่ เตรียมการ เพื่อการเลือกตั้งใหม่มือเป็นระวิง

เฉพาะหน้า “โครงการแจกข้าวล้านกล่อง” ช่วยคนเดือดร้อนจากโควิด-19 ก็เป็นการหาเสียงเต็มๆ

ดังนั้นที่ว่าจะยืนหยัดให้รัฐบาลอยู่ครบวาระนั้น เป็นเพียงแค่วาทกรรม แต่การกระทำเป็นอีกเรื่อง

เพราะภาวะวิกฤตครั้งนี้มักหนาสาหัสจริงๆ

และที่ ฝ่ายรัฐบาลกังวล ไม่ใช่เรื่องในสภาอย่างเดียว เพราะในสภานั้นถึงจะน่วมอย่างไรก็พอจะเอาเสียงข้างมากถูลู่ถูกังไปได้

แต่ที่ดูกังวลมาก ก็คงเป็นแคมเปญฟ้องรัฐบาลต่อศาล ที่จุดพลุขึ้นมาโดยพรรคไทยสร้างไทย ของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ที่ กำลังเร่งหาจุดขายและพยายามเข้าไปอยู่ในใจของชาวบ้านในฐานะพรรคใหม่

พล.อ.ประยุทธ์ คงไม่สบายใจนักที่จะตกอยู่ในสภาวะ “จำเลย” เพราะไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง

เราจึงเห็นเหล่าองครักษ์ เคลื่อนไหว ไปแจ้งความเอาผิดคุณหญิงสุดารัตน์ ดักคอล่วงหน้าเอาไว้

เพราะหากให้ การเคลื่อนไหวนอกสภา โดยไปอิงกับกระบวนการยุติธรรม ดำเนินไปอย่างไร้การขัดขวาง อาจนำไปสู่สิ่งที่พึงประสงค์ได้

ต้องไม่ลืมว่า นอกสภานั้น ยังมีกลุ่มมวลชน อีกหลายกลุ่ม ชุมนุมต้านรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง และพร้อมจะขยายใหญ่ได้ตลอดเวลา

ซึ่งหากทุกกระแสไหลมารวมกัน บูสเตอร์ เป็น”ยาแรง”

อาจเป็น”โดสมรณะ”ที่ “ปิดตาย”การเมืองระบอบประยุทธ์ก็ได้