ปิดคดีฆ่าหนุ่มเซเว่น บุก ร.พ.สนามกราดยิง อดีตทหารเกณฑ์อ้าง ถูกทำร้ายในกองทัพ/อาชญา ข่าวสด

อาชญา ข่าวสด

 

ปิดคดีฆ่าหนุ่มเซเว่น

บุก ร.พ.สนามกราดยิง

อดีตทหารเกณฑ์อ้าง

ถูกทำร้ายในกองทัพ

กลายเป็นเหตุช็อกสังคมที่สร้างความสูญเสียซ้ำเติมช่วงวิกฤตมหันตภัยโควิดระบาด

เมื่อเกิดเหตุอดีตพลทหารคลุ้มคลั่ง บุกยิงพนักงานร้านสะดวกซื้อเสียชีวิต ก่อนบุกไปยังโรงพยาบาลสนาม ย่าน อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี

อาละวาดยิงประตูกระจกแตกเสียหาย ก่อนเข้าไปข้างในแล้วยิงผู้ป่วยโควิดที่เพิ่งบังเอิญเจอหน้ากัน เสียชีวิตเป็นศพที่ 2

จากนั้นก็ขับรถตะบึงกลับไปยังบ้านญาติที่ จ.ระนอง พร้อมอาวุธครบมือ

ด้วยความกังวลที่จะเกิดความสูญเสียเพิ่มเติม เจ้าหน้าที่ก็สามารถเกลี้ยกล่อมคนร้ายให้มอบตัวได้สำเร็จ

ก่อนจะเปิดปากสารภาพถึงสาเหตุที่ลงมือโหดดังกล่าว เกิดจากความเก็บกดที่ถูกผู้บังคับบัญชาและรุ่นพี่สมัยเป็นทหารเกณฑ์กลั่นแกล้งทำร้าย

แน่นอนว่าไม่ว่าจะถูกกระทำมาอย่างไรก็ตาม ไม่สามารถเป็นเหตุผลให้ไล่ฆ่าคนได้อย่างเลือดเย็น

แต่ก็เป็นประเด็นสำคัญที่เพิกเฉยไม่ได้ ที่จะต้องตรวจสอบว่าเป็นข้อเท็จจริงหรือไม่

ไม่ให้ความกดดันในชีวิต ทำให้คนธรรมดากลายเป็นฆาตกร!!

อดีตพลทหารยิง 2 ศพ

เหตุช็อกสังคมครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อกลางดึกของวันที่ 24 มิถุนายน โดย ร.ต.ท.จักรกฤช สุวรรณวงศ์ รอง สว.สอบสวน สน.พหลโยธิน รับแจ้งเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงพนักงานร้านสะดวกซื้อเสียชีวิตภายในร้านสะดวกซื้อเซเว่น-อีเลฟเว่น ใกล้ปากซอยลาดพร้าว 25 ถนนลาดพร้าว แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพฯ

ตรวจสอบที่เกิดเหตุบริเวณหลังเคาน์เตอร์ร้านที่เกิดเหตุ พบศพนายรัฐวิทย์ สันติคุปตพงค์ อายุ 32 ปี พนักงานประจำร้านดังกล่าว สภาพนอนหงาย สวมชุดยูนิฟอร์มร้าน นุ่งกางเกงสีดำ ตามร่างกายพบมีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนเข้าแผ่นหลังทะลุหน้าอก บนพื้นพบปลอกกระสุนขนาด .38 ตกอยู่หลายปลอก

สอบสวนทราบว่าก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 22.30 น. วันที่ 23 มิถุนายน มีวัยรุ่นชายรูปร่างท้วม สูง สวมเสื้อคลุมสีเทา กางเกงขายาวสีเข้ม เข้ามาภายในร้านซื้อเบียร์ 1 แพ็ก 3 ขวด แต่ทำขวดเบียร์ตกแตกกระจายพื้น และไม่ยินยอมจ่ายค่าเบียร์ที่เสียหาย ทำให้ผู้เสียชีวิตมีปากเสียงกับวัยรุ่นชายดังกล่าว ก่อนจะมีพนักงานคนอื่นที่อยู่ภายในร้านออกมาช่วยพูดจาตกลงกัน โดยชายดังกล่าวยอมจ่ายชำระเฉพาะค่าสินค้าที่ซื้อ แต่ไม่ชำระค่าเบียร์ที่แตก

จากนั้นประมาณเกือบเที่ยงคืน ชายคนดังกล่าวย้อนกลับมาที่ร้านอีกครั้ง เมื่อเข้ามาถึงถามหาผู้เสียชีวิต เมื่อพบหน้าชักปืนออกมากระหน่ำยิงใส่ผู้เสียชีวิตจนล้มลงพื้น จากนั้นเดินเข้ามาเหยียบที่บริเวณหน้าอกศพดูให้แน่ใจว่าตายจริง ก่อนจะเดินออกจากร้านขับรถกระบะอีซูซุสีขาว 4 ประตู ไม่ทราบหมายเลขทะเบียนหลบหนีไป

ต่อมาเวลา 03.30 น. พ.ต.ต.สวัสดิ์ คงแก้ว สว.สอบสวน สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี รับแจ้งเหตุคนร้ายบุกยิงผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 เสียชีวิต ภายในโรงพยาบาลสนาม สถาบันธัญรักษ์ ต.ประชาธิปัตย์

ที่เกิดเหตุบริเวณชั้นล่างใกล้ประตูทางเข้าพบศพนายสุขสันต์ เสวาพันธ์ อายุ 54 ปี เป็นผู้ติดเชื้อโควิด-19 ถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาด และที่กระจกทางเข้าถูกยิงจนแตกเช่นกัน

โดยขณะเกิดเหตุทุกคนกำลังนอนหลับพักผ่อน คนร้ายเป็นชาย 1 คน สวมชุดลายพรางทหาร สวมหมวกเบเร่ต์สีแดง ขับรถกระบะยี่ห้ออีซูซุสีขาว 4 ประตู ใช้อาวุธปืนยิงประตูหน้าโรงพยาบาลซึ่งคล้องโซ่ไว้แล้วเดินเข้ามาด้านใน เผชิญหน้าผู้ป่วยที่เดินออกมาจากห้องน้ำพอดี คนร้ายจึงใช้อาวุธปืนยิงเสียชีวิต จากนั้นคนร้ายเข้ามาในห้องพักผู้ป่วยแล้วใช้อาวุธปืนกราดยิงอีกหลายนัด แต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ

ระหว่างนั้นได้รับรายงานจาก สภ.คลองวาฬ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ว่ามีคนร้ายสวมเสื้อลายพรางคล้ายทหาร ขับรถอีซูซุ ทะเบียน 3 ฒข 6233 กรุงเทพมหานคร เข้ามาเติมน้ำมัน ก่อนชักปืนข่มขู่พนักงานให้เติมน้ำมันเต็มถังและไม่จ่ายค่าน้ำมัน แล้วขับรถล่องใต้ไป เชื่อว่าเป็นคันเดียวกับคนร้ายที่ก่อเหตุ

เจ้าหน้าที่เร่งติดตามล่าตัว เกรงจะเกิดเหตุกราดยิงสร้างความสูญเสียอีก

มอบตัว-ฝากขังนอนคุก

ในที่สุดก็ทราบจุดหมายว่าคนร้ายขับรถไปยังบ้านหลังหนึ่งใน อ.เมือง จ.ระนอง จึงผนึกกำลังตำรวจ บช.ภาค 8 และ บก.ภ.จว.ระนอง พลร่มนเรศวร 261 ปพ.ภาค 8 ชุดสยบไพรี บช.ปส. และชุดหนุมาน กองปราบปราม ที่บินด่วนจากกรุงเทพฯ ปิดล้อมบ้านพักหลังดังกล่าว

โดยพบว่าคนร้ายที่ก่อเหตุ คือนายกวิน แสงนิลกุล อายุ 23 ปี ที่อยู่ตามบัตรประชาชน เลขที่ 461 ซอยรังสิต นครนายก 44 ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี เป็นอดีตทหารเกณฑ์ชั้นประทวน สังกัดทหารบก ปลดประจำการ

ทั้งนี้ คนร้ายที่หลบอยู่ในบ้าน คาดว่าน่าจะอยู่ในอาการเมา ตะโกนขอเบียร์จากเจ้าหน้าที่ออกมาจากในบ้านด้วย นอกจากนี้ ระหว่างเจ้าหน้าที่ปิดล้อมบ้านหลังดังกล่าว คนร้ายยังได้ยิงปืนขึ้นฟ้าอีก 2 นัด ไม่ให้เจ้าหน้าที่กระชับเข้ามาในบริเวณใกล้บ้าน ทำให้ต้องถอยออกมาและปิดล้อมโดยรอบแทน

กระทั่งเวลา 12.30 น. เจ้าหน้าที่ได้รับการประสานจากนายกวินขอมอบตัว จึงส่งกำลังเข้าไปควบคุมตัวและตรวจยึดอาวุธปืนซิกซาวเออร์ ตราโล่ และปืนลูกโม่ รวม 2 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนปืน ก่อนคุมตัวไปสอบสวนที่ สภ.ปากน้ำ

และด้วยเป็นคดีอุกฉกรรจ์ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. จึงลงมาดูแลคดีนี้ด้วยตัวเอง บินด่วนไปที่ สภ.ปากน้ำ สอบปากคำนายกวินที่ต้องใส่ชุดพีพีอีป้องกันโรค เนื่องจากไปก่อเหตุในโรงพยาบาลสนาม เกรงว่าติดเชื้อโควิดแล้วนำมาแพร่เป็นคลัสเตอร์

จากนั้นนำตัวขึ้นเฮลิคอปเตอร์เข้า กทม. เพื่อส่งพนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน ดำเนินคดีตามหมายจับศาลอาญา ที่ 985/64 ลง 24 มิถุนายน 2564 ข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร ก่อนประสานงานให้พนักงานสอบสวน สภ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี มาอายัดตัวเพื่อดำเนินคดีเพิ่มเติมต่อไป

โดยนายกวินให้การว่า การก่อเหตุเกิดจากการบันดาลโทสะ เรื่องไปซื้อเบียร์ในร้านสะดวกซื้อ ก่อนทำขวดเบียร์หล่นแตก ส่วนที่ไปก่อเหตุในโรงพยาบาลสนาม เพราะเข้าใจว่าเป็นสถานที่บำบัดผู้เสพยาเสพติด และเคยถูกทำร้ายโดยพวกติดยามาก่อน เลยเข้าไปก่อเหตุ

เจ้าหน้าที่คุมตัวฝากขังศาลอาญา ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 

อ้างถูกทำร้ายในกองทัพ

สําหรับสาเหตุการลงมือครั้งนี้ นายกิตติ แสงนิลกุล พ่อของนายกวิน เผยว่า ลูกร้องไห้เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น และต้องการให้กรณีนี้เป็นรายสุดท้ายที่เกิดจากเหตุความรุนแรงในค่ายทหารจนนำมาสู่ความเครียดสะสมจากการถูกกระทำให้กระทบกระเทือนทางจิตใจในขณะเป็นทหารเกณฑ์ กระทั่งเกิดอาการทางจิต

โดยลูกชายมีอาการป่วยเป็นโรคภาวะป่วยทางจิตจากเหตุการณ์รุนแรง หรือโรค PTSD และได้พาไปรักษาเมื่อพฤศจิกายน 2562 จำนวน 2 ครั้ง แต่เห็นว่าอาการปกติแล้ว จึงไม่คิดว่าจะทำให้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ทั้งนี้ โรคดังกล่าวมีภาวะเครียดซ่อนอยู่ภายในจิตใจของผู้ต้องหา หากมีสิ่งใดมากระตุ้นก็อาจทำให้เกิดภาวะคลั่งขึ้นได้

อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ประเด็นที่จะนำไปต่อสู้คดี แต่ต้องการให้กองทัพทำเรื่องนี้ให้กระจ่าง เพื่อไม่ให้มีเหยื่อถูกกระทำทารุณจนเกิดเป็นความเครียดรุนแรงเหมือนลูกชายตนอีก

ขณะที่ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. สั่งการให้ พล.ท.ภูมิพัฒน์ จันทร์สว่าง ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (นสศ.) ตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งพบว่า นายกวินเข้ามาเป็นพลอาสาระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2560 ปลดประจำการเดือนพฤศจิกายน 2562 โดยเจ้าตัวไม่ได้สมัครอยู่ต่อ สำหรับบุคลิกลักษณะเป็นคนเชื่อมั่นในตัวเองสูง ชอบปืน และชอบดูหนังสงคราม

พ.ท.มงคล ปุริสา ผู้บังคับกองพันจู่โจม กรมรบพิเศษที่ 3 รักษาพระองค์ (รพศ.3 รอ.) เรียก จ.ส.อ.ยงยุทธ สุขเกษม ครูฝึก มาสอบถามข้อเท็จจริง โดยครูฝึกได้ยืนยันว่าไม่เคยทำร้ายร่างกาย ปฏิบัติตามกรอบของการฝึกทหารใหม่ 10 สัปดาห์

โดยนายกวินมีผลการฝึกค่อนข้างดี ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้บังคับหมวดบรรจุที่กองร้อยที่ 2 ซึ่งครูฝึกอยู่กองร้อยดังกล่าวด้วย แต่อดีตทหารเกณฑ์ผู้นี้อยู่ไม่นาน และหมุนไปอยู่กองร้อยที่ 3 เกือบสองปี ส่วนรุ่นพี่ที่ถูกระบุว่าทำร้ายร่างกายปลดออกไปก่อน 1 ปี

ส่วนประวัติการป่วยทางจิตเวชพบว่าก่อนการเข้ามาเป็นพลทหารไม่มีการแจ้งประวัติดังกล่าว แต่มารดาเคยให้ข้อมูลในช่วงที่เข้ามาประจำการแล้วว่าเคยรักษาอาการและหายเป็นปกติแล้ว

แม้ความรุนแรงในกองทัพจะไม่ใช่ข้ออ้างให้กระทำผิดต่อชีวิตคนอื่นได้ แต่ก็เป็นเรื่องที่ไม่ควรปล่อยไว้ให้มีเหยื่อคนอื่นอีก เหมือนกับแรงกดดันที่เกิดขึ้นกรณีจ่าคลั่งโคราชมาแล้ว

เป็นเรื่องสำคัญที่กองทัพต้องคลี่คลาย ไม่ให้เกิดความสูญเสียเช่นนี้อีก!??