อนุสรณ์ ติปยานนท์ : In Books We Trust (14) หนังสือแห่งความหวัง (3)

 

In Books We Trust (14)

หนังสือแห่งความหวัง (3)

 

การวาดภาพนั้นกินเวลานานนับสัปดาห์ เช้าวันรุ่งขึ้นเมื่อจ้องมองภาพวาดของตนเองอย่างเต็มตา เขาก็รู้สึกได้ว่ามันขาดบางสิ่งไป เขาบอกกับพ่อและแม่ว่ามีความป่วยไข้บางอย่างในกายก่อนจะหมกตัวอยู่ในห้อง

วันนั้นทั้งวันเขาไม่ได้รับสิ่งใดใส่ท้องหากแต่หมกมุ่นอยู่กับการแต่งเติมและแก้ไข เขาใช้สีขาวลบภาพบางส่วน แต่งแต้มแสงแดดในบางมุมด้วยสีเทา แต่แล้วก็ไม่พึงพอใจในที่สุด เขาพบว่าตนเองควรมีสีเหลืองที่ทำให้รู้สึกถึงความอบอุ่นมากกว่านี้

เย็นวันนั้นเขาแต่งตัวออกจากบ้านกลับไปที่ร้านเครื่องเขียนและซื้อสีเหลืองและสีที่ใกล้เคียงสีเหลืองมาทั้งหมดก่อนจะกลับสู่ห้องพักและใช้เวลาทั้งคืนวาดภาพปิ่นอีกครั้ง

และเช่นเคยเมื่อยามเช้ามาถึง เมื่อเขาตื่นขึ้นจากการหลับใหลหน้าภาพวาดภาพนั้น เขาก็พบว่ามีบางสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

ภาพวาดของปิ่นแม้จะสมจริงด้วยแสงเงา หากแต่เนื้อหนังของเธอกลับปราศจากชีวิต

เขาแก้ไขมัน แต่งเติมมันครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็ปราศจากความพึงพอใจ

ในที่สุดเขาก็พบว่าการขาดสีส้มนั้นทำให้การวาดสีผิวของปิ่นเป็นไปด้วยความยากเย็น เขาออกจากบ้านกลับไปที่ร้านเครื่องเขียนซื้อสีส้ม สีแสด และสีที่ใกล้เคียงจนครบ และใช้เวลาทั้งคืนวาดภาพของปิ่น

ทุกอย่างดำเนินไปราวกับเป็นวัฏจักร เขาตื่นขึ้นทุกเช้าและพบว่าตนเองไม่เคยพอใจภาพวาดเบื้องหน้า กินอาหารน้อยเต็มที ขาดเรียนและหมดอาลัยตายอยากกับสิ่งอื่น

วันแต่ละวันจบลงด้วยความรู้สึกที่ว่ามีบางสิ่งที่ขาดหายไป มีสีบางสีที่ตกหล่นถูกละเลยไปจากภาพ เขาซื้อสีกลุ่มนั้นและใช้เวลาทั้งคืนวาดภาพที่ปรารถนา

เมื่อถึงวันศุกร์ ภาพวาดของปิ่นไม่สำเร็จลุล่วง หากแต่เขากลับมีสีของรุ้งครบทั้งเจ็ดสี ม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง แสดและแดง เช้าวันนั้นเขาวาดวงกลมสีรุ้งหนึ่งภาพ อาบน้ำแต่งตัวและเดินทางไปโรงเรียน

เขากอดภาพวงกลมสีรุ้งไว้ในอ้อมอก เดินเท้าไปจนถึงโรงเรียน เมื่อถึงโรงเรียนเขาตรงไปที่ห้องสมุดและในช่วงเวลาที่ปิ่นเดินออกจากห้องสมุดนั้นเอง

เขาก็ยื่นภาพวงกลมสีรุ้งให้กับเธอ

 

มันควรมีเสียงเพลงประกอบในช่วงเวลานั้น ทุกสิ่งดูอ่อนหวานและอบอุ่น แสงแดดยามเช้า เสียงนกร้อง ความเงียบ เด็กสาวที่ประคองหนังสือ เด็กหนุ่มที่ประคองภาพวาด ไม่มีอะไรงดงามกว่านั้นอีกแล้วโดยเฉพาะในช่วงเวลาที่เด็กสาวรับภาพวาดจากเด็กหนุ่มและเด็กหนุ่มวิ่งจากหายลับไป

เพื่อนในห้องมองภาพวาดในมือของปิ่นแต่ดูเธอไม่สนใจ

เธอวางภาพวาดดังกล่าวไว้เคียงคู่กับกองหนังสือข้างโต๊ะเรียนของเธอ

เพื่อนในห้องอีกเช่นกันที่ถามเขาว่าเขาหายไปไหนนานนับสัปดาห์ แต่เขาไม่มีคำตอบนอกจากรอยยิ้มฝืนๆ

ตลอดวันเขาจ้องมองที่ด้านหลังของปิ่นสลับกับภาพวาดของเขา แม้ในตอนนั้นเขาเองก็ไม่รู้คำตอบว่าเพราะเหตุใดเขาจึงเลือกวาดภาพวงกลม เขารู้ว่าเขาวาดภาพสีรุ้งเพราะเขามีสีดังกล่าว แต่วงกลมสีรุ้งเล่ามันคือตัวแทนของความหมายใด

ธรรมชาติที่หลากสีสันหรือภาพนามธรรมที่เขาเคยเห็นจากที่ใดสักที่

แต่คำตอบทั้งหลายไม่สำคัญเท่ากับการที่ปิ่นรับภาพนั้นจากเขา

เธอรับบางสิ่งที่ไม่ใช่หนังสือจากใครบางคนเป็นครั้งแรก

 

สุดสัปดาห์นั้นเขาจมอยู่กับจินตนาการ

เขาจินตนาการว่าปิ่นวางภาพนั้นไว้ตรงหัวเตียงนอนของเธอ

เขาจินตนาการว่าปิ่นติดภาพนั้นไว้บนฝาผนังด้านที่เธอจะเห็นมันได้ชัดเจนและบ่อยครั้ง

เขาจินตนาการว่าปิ่นใช้หัวหอมทำความสะอาดสีน้ำมันบนภาพอย่างทะนุถนอม

เขาจินตนาการไม่รู้จบและรู้สึกเหมือนตนเองกำลังหลับและฝัน

เป็นการหลับที่ไม่รู้ตื่นและเป็นความฝันอันยาวนาน

เช้าวันจันทร์ เขากลับไปเป็นบุคคลเดิม

เขากลับไปเป็นเด็กหนุ่มปกติที่เงียบขรึม

เขากลับไปสู่โลกที่เชื่อว่าทั้งหมดที่เขาทำลงไปนั้นไม่มีผลใดๆ

ปิ่นไม่มีทางรู้ว่าเขาวาดภาพนั้นจากการได้เห็นเธอฟุบลงหลับใหลในห้องสมุด

เขาเชื่อว่าเธอไม่มีทางเข้าใจ แต่นั่นเองทั้งหมดนี้ไม่ต้องการคำอธิบาย

เขาทำในสิ่งที่ต้องการจะทำ และการกระทำเช่นนี้ไม่ต้องการคำอธิบายใดๆ

วันเวลาผ่านไปนับสัปดาห์ก่อนที่เขาจะนึกขึ้นได้ถึงนวนิยายเรื่อง “ขุนศึก” ที่ปิ่นกำลังอ่าน เขาจำได้ว่านวนิยายชุดดังกล่าวขาดหายเล่มที่หก แปดและเก้า ดังนั้น หากปิ่นหยิบนวนิยายเล่มที่สามของเขาไปเมื่อสัปดาห์ก่อนและอ่านเล่มที่สี่ในสัปดาห์นี้ ปลายสัปดาห์เธอต้องหยิบเล่มที่ห้าและจะพบว่าเล่มที่หกนั้นไม่มีให้เธอ

แทนการขบคิดเรื่องภาพวาด เขากลับมาหมกมุ่นในการตามหานวนิยาย “ขุนศึก” ฉบับที่หกมาให้ปิ่น

เขาพบว่าที่บ้านของเขานั้นมีนวนิยายเล่มที่แปดและเก้าแต่ไม่มีเล่มที่หก

แน่นอนที่เขายินดีเสียสละนวนิยายทั้งสองเล่มนั้นให้ห้องสมุด แต่หากไม่มีเล่มที่หก ปิ่นจะเดินทางทางการอ่านมาถึงฉบับที่แปดได้อย่างไร

จริงอยู่ว่าเราอาจทำเช่นนั้นได้ แต่ในฐานะของคนอ่านหนังสือ สภาวะขาดตอนของเรื่องเล่ามีบางสิ่งที่เป็นความฉงนฉงายอยู่ในนั้นมากเต็มที

 

การแสวงหาหนังสือเล่มที่หายไปคือสิ่งที่ทำให้เขามีความหวังตลอดสัปดาห์นั้น

หากสัปดาห์ที่ผ่านมาเขามีชีวิตอยู่กับภาพวาดที่ไม่มีตัวตน

สัปดาห์นี้เขามีชีวิตอยู่กับเป้าหมายที่แจ่มชัด ในเมื่อเขาไม่อาจหามันจากที่บ้านได้ เขาจำต้องหามันจากตลาดหนังสือเก่า

เขารู้ดีว่าบริเวณแม่พระธรณีในช่วงสุดสัปดาห์เป็นแหล่งรวมของหนังสือเก่านานาชนิด

เช้าวันเสาร์เขาตื่นแต่เช้าตรู่ ใส่กางเกงนักเรียนขาสั้นและเสื้อยืดตัวโปรดโดยสารรถประจำทางไปจนสุดสาย

รถแล่นผ่านหลายพื้นที่ที่เขาไม่คุ้นเคย แต่เขาไม่หวาดกลัว

เขาบอกกับพนักงานเก็บค่าโดยสารว่าเขาจะเดินทางไปสนามหลวง และเขาเชื่อว่าเมื่อถึงบริเวณดังกล่าวเขาจะจดจำได้เอง

เขาลงรถโดยสารที่บริเวณหลังกระทรวงมหาดไทย เดินเท้าไม่นานนัก เขาก็พบผู้คนจำนวนมากที่หอบหนังสือสวนทางมา พื้นที่บริเวณไม่ใหญ่นักข้างศาลหลักเมืองเต็มไปด้วยหนังสือตามซุ้มต่างๆ ทั้งหนังสือวิชาการ หนังสือจากต่างประเทศ หนังสืองานศพ และหนังสือนวนิยาย

เขาสำรวจหนังสือตามซุ้มต่างๆ นั้นอย่างใจเย็น พลิกดูในแต่ละกอง สลับกับการถามเจ้าของร้าน มีนวนิยายขุนศึกบางเล่มแต่ไม่ใช่เล่มที่เขาต้องการ

จากร้านแรกสู่ร้านที่สองเขาค้นหาหนังสือที่ต้องการอย่างเพลิดเพลิน พื้นที่เล็กๆ แห่งนี้คือสวรรค์ของคนรักหนังสืออย่างแท้จริง

ก่อนเที่ยงเล็กน้อย เขาก็พบนวนิยายขุนศึกฉบับที่หก มันเป็นฉบับพิมพ์ครั้งที่สอง เก่ากว่าเล่มในห้องสมุด

เขาหยิบหนังสือเล่มนั้นมาปัดฝุ่นตรงหน้าปก มีคราบเหลืองบนหน้ากระดาษและสันปก แต่ทุกหน้ายังอยู่ครบ

ความรู้สึกของการทำสิ่งที่ตั้งใจจนสำเร็จลุล่วงเป็นเช่นนี้เอง เขายื่นหนังสือให้เจ้าของร้าน ชำระเงินโดยไม่ต่อราคา

ก่อนจะข้ามถนนไปยังตลาดนัดซึ่งตั้งอยู่รอบสนามหลวง

 

มันเป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยกิจกรรม มันเป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยผู้คนนานา มันเป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยสินค้านานา

เขากินอาหารที่เป็นข้าวราดแกงที่มีแกงนานาชนิดให้เลือก แกงคั่วสับปะรดกับหอยแมลงภู่และไข่ต้ม อาหารดั้งเดิมที่เขาได้กินอาหารอีกครั้งด้วยความคิดถึง

หลังจากนั้นเขาเดินวนซ้ายไปรอบๆ เดินดูสินค้าโดยไม่มีความปรารถนาใดๆ การได้หนังสือเล่มที่ต้องการนั้นเพียงพอแล้วสำหรับการแสวงหาในวันนี้

อย่างไรก็ตาม เมื่อเดินถึงร้านที่ขายปลาสวยงามร้านหนึ่ง เขาก็หยุดอยู่หน้าขวดโหลที่วางเรียงอยู่บนชั้น ปลากัดหลากสีว่ายวนไปมาในขวดโหลขนาดกลาง ในขวดโหลมีใบก้ามปูหมักอยู่ แต่กระนั้นก็ยังเหลือพื้นที่ให้ปลากัดตัวนั้นเคลื่อนที่ได้อย่างสะดวก

ระหว่างขวดโหลมีกระดาษแข็งกั้นกางเพื่อไม่ให้ปลากัดแต่ละตัวเห็นกัน ปลากัดนั้นมีทั้งปลากัดหม้อและปลากัดจีน เขาไม่เคยเห็นปลากัดมากขนาดนี้มาก่อน

ตอนเด็กเขาเคยติดตามไปช้อนปลากัดกับเพื่อนแต่หลายปีผ่านไปแล้วหลังกิจกรรมดังกล่าว การได้กลับมาเห็นปลากัดเหล่านี้จึงให้เหมือนการเปิดโอกาสให้ความหลังมาเยือน

เขาเดินทางกลับบ้านในอีกหนึ่งชั่วโมงนับจากนั้น ในมือข้างหนึ่งของเขามีถุงกระดาษที่บรรจุนวนิยาย “ขุนศึก” ฉบับที่หก

และในมืออีกข้างหนึ่งเขาถือถุงพลาสติกใสที่มีปลากัดหนึ่งตัว มันเป็นปลากัดจีนตัวสีขาวแต่หางของมันนั้นมีจุดวงกลมสีดำ

เป็นวงกลมสีดำที่เมื่อต้องแสงแดดจะกลายเป็นสีรุ้งโดยพลัน