การ์ตูนที่รัก/ห่านทองคำ

นพ.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์

การ์ตูนที่รัก/นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์

ห่านทองคำ

หนังสั้นความยาว 11 นาที ห่านทองคำ (Die goldene Gans หรือ The Golden Goose) เป็นหนังปี 1944 ที่ Charlotte “Lotte” Reiniger นักสร้างหนังการ์ตูนเงา (shadow picture หรือ silhouette animation) สร้างขึ้นขณะที่เธอพำนักอยู่ในเบอร์ลินภายใต้คำสั่งของฮิตเลอร์ให้ทำหนังโฆษณาชวนเชื่อ

หลังจากนาซีครองอำนาจในปี 1933 ล็อตเต้ลี้ภัยออกจากเยอรมนีไปหลายประเทศ แต่ไม่มีที่ไหนที่สามารถพำนักได้นาน

เป็นช่วงเวลาที่เธอและสามีไปทำหนังกับ Jean Renoir ในปารีส และ Luchino Visconti ในโรม จะเห็นว่าเธอทำงานกับปรมาจารย์มาก่อน

Jean Renoir (1894-1979) คือนักสร้างหนังฝรั่งเศสผู้ยิ่งใหญ่ เป็นบุตรชายของศิลปินอิมเพรสชั่นนิสต์ที่มีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่งคือ Pierre-Auguste Renoir (1841-1919) ส่วน Luchino Visconti (1906-1976) เป็นนักสร้างหนังชาวอิตาลีที่มีผลงานมีชื่อเสียงมากมาย

ที่รู้จักกันในวงกว้างคือ Death of Venice หนังปี 1971 นำแสดงโดย เดิร์ก โบการ์ด ได้รับรางวัลทั้งคานส์และบาฟต้าในปีนั้น

กลับมาที่ห่านทองคำของล็อตเต้ ห่านทองคำของล็อตเต้มิใช่ห่านที่วางไข่เป็นทองคำ (The Goose That Lays the Golden Eggs) ห่านทองคำเป็นนิทานกริมม์ ในขณะที่ห่านไข่ทองคำเป็นนิทานอีสป มีความสับสนในชื่อหนังการ์ตูนที่ล็อตเต้สร้างอยู่

เนื้อเรื่องห่านทองคำของล็อตเต้มีอยู่ว่าชาวนาสามีภรรยามีลูกชายสามคน ลูกชายคนโตจะไปตัดต้นไม้ในป่า เขาได้ขนมเค้กและเหล้าเอลเป็นเสบียง บางเล่มว่าเหล้าไวน์ ระหว่างทางพบชายชราตัวเล็กผมสีเทาขอกินด้วยแต่เขาไม่ให้ ลูกชายคนโตกินเสบียงหมดแล้วเดินทางต่อไปตัดต้นไม้ เกิดอุบัติเหตุขวานหลุดมือถูกแขนเป็นบาดแผล เขาต้องกลับบ้านมาให้แม่ทำแผล

พ่อส่งลูกชายคนที่สองพร้อมเสบียงที่แม่เตรียมให้อย่างดีเข้าไปในป่า ลูกชายคนรองพบชายชราคนเดิมและไม่แบ่งของให้กินเช่นกัน เขาพบอุบัติเหตุขวานหลุดมือจามถูกขาเป็นแผลซมซานกลับบ้านมาให้แม่ทำแผลอีกคนหนึ่ง

ลูกชายคนที่สามชื่อดัมลิ่ง (Dumling) บางเล่มว่าชื่อซิมเปิลตัน (Simpleton) อาสาไปตัดไม้บ้าง แม่เตรียมขนมปังเก่าๆ กับน้ำเปล่าให้เป็นเสบียง บางเล่มว่าเป็นขนมเค้กเหม็นหืนและเบียร์บูด

พี่ชายสองคนล้อเลียนเยาะเย้ยไยไพส่งท้าย

ดัมลิ่งพบชายชราคนเดิมและแบ่งเสบียงให้กินด้วยความเจียมตัว

ชายชราเทน้ำเปล่าออกมาเป็นไวน์แล้วเสกขนมปังเป็นไก่ย่างตัวใหญ่

จากนั้นอวยพรให้ดัมลิ่งเดินทางต่อไปแล้วจะพบลาภที่ต้นไม้ใหญ่

ดัมลิ่งตัดต้นไม้ใหญ่พบห่านทองคำในโพรงไม้ เขาอุ้มห่านทองคำเดินทางต่อไปถึงโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง

ลูกสาวคนโตของเจ้าของโรงเตี๊ยมคิดจะดึงขนห่านทองคำแต่มือติดอยู่กับตัวห่านดึงไม่ออก ลูกสาวคนรองเข้ามาแตะตัวพี่สาวก็ติดแน่นอีกคนหนึ่ง

ครั้นลูกสาวคนที่สามเข้ามาแตะตัวพี่สาวคนที่สองก็ติดอีก

ดัมลิ่งอุ้มห่านทองคำที่มีหญิงสาวสามคนเดินทางต่อไปดูหน้าขัน เมื่อไปถึงโบสถ์ บาทหลวงไปแตะตัวลูกสาวโรงเตี๊ยมคนที่สามก็ติดอีก ตามด้วยผู้ดูแลโบสถ์ คนกวาดปล่องไฟและนักกายกรรม รวมทั้งสิ้นเป็นเจ็ดคนไปไหนไปด้วยกันเป็นขบวน

เวลานั้นมีพระราชาองค์หนึ่งมีธิดาที่ไม่เคยหัวเราะ และหากใครทำพระธิดาหัวเราะได้จะได้อภิเษกกับพระธิดา เมื่อดัมลิ่งกับห่านทองคำและคนเจ็ดคนเดินแถวผ่านมา พระธิดาก็หัวเราะน้ำหูน้ำตาไหล ห่านทองคำปล่อยคนทั้งเจ็ดเป็นอิสระล้มลุกคลุกคลานหัวหกก้นขวิดเป็นที่น่าขำยิ่งขึ้นไปอีก

ตอนนี้งานสร้างภาพการ์ตูนเงาของล็อตเต้ทำได้สนุกมาก

พระราชาไม่ปลื้ม ใครจะอยากให้ลูกสาวแต่งงานกับคนที่มีชื่อว่า “ซื่อบื้อ” แต่เป็นห่านทองคำที่เข้าไปปลอบโยนพระธิดาและโน้มน้าวพระราชาให้ยินยอม บุตรชายคนที่สามของชาวนาจึงได้แต่งงานกับพระธิดาครองอาณาจักรสุขสันต์นิรันดร

การ์ตูนของล็อตเต้จบเท่านี้

นิทานกริมม์มีอายุมากกว่าสองร้อยปี เป็นวันเวลาที่ผืนป่ายังปกคลุมทั่วโลกและป่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์หาคำอธิบายไม่ได้ เราจึงเห็นตัวละคร “ป่า” ในนิทานหลายเรื่องของกริมม์รวมทั้งห่านทองคำนี้

บุตรชายคนที่สามถูกกดขี่ในบ้านตัวเองโดยพ่อแม่และพี่ชายสองคน อาการทางประสาทแบบเก็บกด (repression) และความปรารถนาที่จะไปให้พ้นจากความเป็นอยู่เช่นนี้ไม่มีทางให้เลือกมากนักในบริบทของยุโรปสองร้อยปีก่อนนอกจากเข้าไปในป่า แล้วทำสิ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่ทำ หรือผู้กดขี่ไม่ทำ

นั่นคือแบ่งเสบียงที่มีจำกัดให้แก่ใครก็ไม่รู้ที่ทั้งไม่รู้จักและน่ารังเกียจ

อีกประเด็นหนึ่งคือแรงปรารถนาทางเพศ จิตวิเคราะห์เชื่อว่าสัตว์เป็นเป้าหมายของแรงปรารถนาทางเพศที่ดิบเถื่อนและโบราณมากที่สุดของมนุษย์

ด้วยเหตุนี้ดัมลิ่งจึงได้พบห่านทองคำ สัตว์สวยงามที่ถูกทอดทิ้งไว้เดียวดายภายในต้นไม้ใหญ่กลางป่า

และตัวเขาเองที่ชื่อ “ซื่อบื้อ” ชายซึ่งไม่มีหญิงที่ไหนจะเหลียวมองอย่างแน่นอนจะได้กลายเป็นผู้ค้นพบและปลดปล่อยสาวน้อยสวยงาม ซึ่งก็คือพระธิดาผู้ไม่ยอมยิ้มนั่นเอง

ด้วยมุมมองของสตรีนิยม สังคมที่หญิงหัวเราะไม่ได้เป็นสังคมที่น่ารังเกียจ

ห่านทองคำมิได้เล่าเรื่องเจ้าชายปราบมังกร แต่เล่าเรื่องชายสามัญเก็บกดทำเรื่องยิ่งใหญ่ด้วยความช่วยเหลือของคนที่ต่ำกว่า

ในนิทานดั้งเดิมเมื่อพระราชาไม่ยอมให้พระธิดาโดยง่ายแต่บัญชาให้ดัมลิ่งประกอบภารกิจอีก 3 ข้อ ข้อแรกคือกินเบียร์ให้หมดอาณาจักร ข้อสองคือกินขนมปังก้อนเท่าภูเขา สองข้อนี้ดัมลิ่งไปขอความช่วยเหลือจากชายชราตัวเล็กผมสีเทาผู้หิวโหย “มาก” อีกครั้งหนึ่ง

ชายชราจัดการกินทุกอย่างที่ว่ามาหมดสิ้น

ในแง่สังคมวิทยานี่คือพลังของคนยากจน

ภารกิจสุดท้ายคือให้ดัมลิ่งหาเรือที่แล่นได้ทั้งบนบกและในน้ำ ข้อนี้ก็เป็นชายชราทำให้อย่างง่ายดายอีกเช่นกัน

แสดงให้เห็นถึงพลังและเทคโนโลยีของชนชั้นแรงงานอีกครั้งหนึ่ง

ล็อตเต้สร้างหนังการ์ตูนห่านทองคำ ไม่ใช่ห่านไข่ทองคำ (The Goose That Lays the Golden Eggs) ห่านที่วางไข่เป็นทองคำมาจากนิทานอิสป เรื่องของชาวนาโลภมากฆ่าห่านที่วางไข่ทองคำของตัวเองด้วยคิดจะเอาทั้งหมดอย่างรวดเร็ว นำไปสู่สำนวนฆ่าห่านไข่ทองคำ (Kill the goose that lays the golden eggs)

ล็อตเต้เป็นฝ่ายซ้ายในช่วงที่นาซีเรืองอำนาจ เมื่อเธอต้องสร้างหนังสักเรื่องให้แก่ฮิตเลอร์ ทำไมเธอจึงสร้างเรื่องห่านทองคำ เพื่อบอกว่านาซีจะเรืองอำนาจประหนึ่งห่านขนทองคำที่ผู้คนทั้งเจ็ดทวีปต้องติดตามมาเป็นพรวนเช่นนั้นหรือ

ทั้งที่เนื้อเรื่องในตอนท้ายของนิทานกริมม์ออกจะสนับสนุนชนชั้นแรงงานตามปรัชญาคอมมิวนิสต์เสียมากกว่า แต่ล็อตเต้ก็ได้ตัดสินใจลบทิ้งไป