เคลื่อนไปในความโง่งม/ เมนูข้อมูล นายดาต้า

เมนูข้อมูล

นายดาต้า

 

เคลื่อนไปในความโง่งม

 

การระบาดของ “ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่” ที่องค์กรอนามัยโลกให้ชื่อเฉพาะว่า “โควิด-19” ที่มีอันตรายร้ายแรง เพราะสามารถทำลายปอดมนุษย์ได้รุนแรง ทำให้เสียชีวิตได้ง่าย โดยเฉพาะคนที่ภูมิต้านทานน้อย เนื่องจากอายุมาก หรือมีโรคประจำตัว การรับมือไม่สามารถทำลายเชื้อโรคนี้ให้สูญสิ้นไปจากโลก

เป็นเชื้อโรคที่ทำให้มนุษย์รับรู้ว่า ที่เรียกว่า “โลกมนุษย์” นั้นผิด ไม่มีสัตว์พันธุ์ไหนเป็นเจ้าของโลกแต่เผ่าพันธุ์เดียว แต่เป็นโลกที่ทุกเผ่า ทุกสายพันธุ์ ทั้งมีชีวิต กึ่งมีชีวิต หรือกระทั่งไม่มีชีวิตมีสิทธิที่จะอยู่ร่วม แม้กระทั่งเชื้อโรค

“โควิด 19” ทำลายไม่ได้

มนุษย์จะอยู่ร่วมกับเชื้อโรคนี้ได้อย่างปลอดภัยคือ “ป้องกันตัวเอง”

หนึ่ง ด้วยการหาอุปกรณ์ป้องกันไม่ให้ไวรัสตัวนี้เข้าไปในร่างกาย โดยเฉพาะในปอด วิธีการก็คือใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือฆ่าเชื้อ รักษาระยะห่าง ไม่สัมผัสจุดเสี่ยงติดเชื้อ

เป็นการป้องกันจากภายนอก

สอง สร้างภูมิคุ้มกันตัวเองให้แข็งแกร่งพอที่จะรับมือ จะสู้ จะควบคุมเชื้อโรคไม่ให้มาทำร้ายให้เจ็บป่วยรุนแรงได้

เป็นการป้องกันจากภายใน

ซึ่งมี 2 ทางคือ ทำให้ร่างกายแข็งแรงด้วยการออกกำลัง กินอาหาร และอยู่ในอากาศที่เหมาะกับการทำให้เกิดภูมิต้านทานที่เข้มแข็ง และหรือฉีดวัคซีนเพื่อกระตุ้นความเข้มแข็งของภูมิต้านทานในตัวเรา

 

ความร้ายแรงของ “โควิด-19” นี่รุนแรงระดับที่ทำแค่อย่างหนึ่งอย่างใดไม่ได้ ต้องทำทุกทาง ทั้งป้องกันจากภายนอก และสร้างภูมิคุ้มกันภายในทุกวิธี

ถึงจะเอาอยู่

ประเทศที่ทำแบบที่ว่าสามารถเอาตัวรอดได้ ประชาชนไม่เดือดร้อนมาก สามารถเปิดเพื่อให้ระบบเศรษฐกิจของประเทศขับเคลื่อนไปได้

บางประเทศที่ผิดพลาด ป้องกันภายนอกไม่ดี ตอนหลังปรับเปลี่ยนมาระดมใช้วัคซีน สร้างภูมิคุ้มกันรวมหมู่ได้สำเร็จ กลับมาฟื้นตัวได้

ประเทศไทยเรา ช่วงแรกประชาชนได้รับการปลุกเร้าให้ป้องกันภายนอกได้ดี ใส่หน้ากาก ล้างมือ เว้นระยะห่าง อยู่บ้าน ระมัดระวังการสัมผัส

ประชาชนรับผิดชอบ ดูแลตัวเองได้ดี

แต่อย่างที่ว่า มันไม่พอ

จำเป็นต้องสร้างภูมิคุ้มกันจากข้างไหน ซึ่งที่สำคัญที่สุดคือ “วัคซีน”

ตรงนี้เป็นหน้าที่ของรัฐบาล

 

ทว่าการบริหารจัดการวัคซีนล้มเหลวอย่างไม่น่าให้อภัย เป็นความมักง่ายของรัฐบาลที่ไร้วิชั่น เพราะมีบางอย่างมาบังตาทำให้มองไม่เห็นความจำเป็นในนอนาคต

แทนที่จะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้ประชาชน อันต้องถือเป็นวาระแห่งชาติ

แต่ถึงวันนี้ ผลสำรวจจของ “นิด้าโพล” เรื่อง “ผู้สูงวัยไทย เผชิญภัยกับโรคระบาดโควิด-19 อย่างไร” ในคำถามที่ว่า “ท่านรู้หรือเคยได้ยินเกี่ยวกับการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ในเรื่องใด” ร้อยละ 96.50 บอกสวมหน้ากาก, ร้อยละ 79.98 ล้างมือบ่อยๆ, ร้อยละ 53.20 เว้นระยะห่างจากคนอื่น, ร้อยละ 46.50 หลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีผู้คนแออัด, ร้อยละ 21.92 เลี่ยงการออกนอกบ้าน, ร้อยละ 13.70 เลี่ยงการใช้มือจับใบหน้า, ร้อยละ 10.12 เลี่ยงการจับมือ

จะเห็นได้ว่า มีแต่คำตอบเรื่องการป้องกันจากภายนอก

ไร้ซึ่งข้อมูลที่จะตระหนักถึงการสร้างภูมิคุ้มกันจากภายในตัวเอง โดยเฉพาะความรู้เรื่องการต้อง “ฉีดวัคซีน”

ซึ่งในความเป็นจริงคือ ทุกวันนี้คนไทยจำนวนมากยัง “กลัวการฉีดวัคซีน” เพราะไม่ได้รับความรู้ความเข้าใจที่เพียงพอ

ต่างคนต่างอยู่ขั้นตอนของการดูแลตัวเอง โดยไม่รู้เลยว่า “รัฐบาลมีหน้าที่สร้างภูมิคุ้มให้ประชาชนโดยวัคซีน”

ไม่รู้แม้กระทั่ง “การบริหารจัดการวัคซีน” เป็นความล้มเหลวที่สะท้อนความเป็นยุคสมัยที่การบริหารประเทศด้วยความงี่เง่าอย่างที่สุด