“เบญจา” ร้องปล่อยตัวแกนนำราษฎร ให้ได้มีชีวิตอยู่เพื่อเห็นการเปลี่ยนแปลง

วันที่ 20 เมษายน 2564 น.ส. เบญจา แสงจันทร์ ส.ส.แบบแบ่งเขต พรรคก้าวไกล ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อการอดอาหารประท้วงกระบวนการยุติธรรมของนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หนึ่งในแกนนำราษฎรว่า
เส้นทางการต่อสู้เรียกร้องต่อกระบวนการยุติธรรมด้วยการอดอาหารของ เพนกวิน-พริษฐ์เดินทางมา 36 วันแล้ว
เส้นทางการอดอาหารเพื่อทวงถามความยุติธรรมของรุ้ง-ปนัสยา เดินทางมาเป็นวันที่ 22 แล้ว
เพนกวิน-รุ้ง เป็นนักต่อสู้ ที่คนทั่วไปมักเห็นหน้าค่าตาเสมอบนเวทีปราศรัย แต่สำหรับเราแล้ว สถานีตำรวจ และ โรงพยาบาล เป็นสถานที่ ที่เราจะได้พบเจอน้องทั้ง 2 คนพร้อมหน้ากับครอบครัวบ่อยที่สุด
.
ประโยคที่จะได้รับฟังจากครอบครัวของทั้ง 2 คนบ่อยที่สุดคือ “พ่อกับแม่ก็เป็นห่วงตามปกติของคนเป็นพ่อเป็นแม่ แต่ว่าพ่อแม่ก็เข้าใจเขา สนับสนุนสิ่งที่เขาทำและเคารพการตัดสินใจของเขา”
.
ส่วนเพนกวิน-รุ้ง คำพูดของทั้ง 2 คนที่พูดเมื่อเจอกันคือ “ไม่ว่าพวกเราจะอยู่ที่ไหน ในเรือนจำหรือข้างนอก จะมีชีวิตอยู่หรือไม่มีลมหายใจแล้ว แต่เราอยากให้ทุกคนต่อสู้อย่างมีความหวัง พวกเราก็มีความหวังเช่นกัน ถึงแม้มันจะยังมาไม่ถึง แต่เราเชื่อว่าความหวังนั้นมันอีกไม่ไกล ไม่มีอะไรที่จะยิ่งใหญ่เกินกว่าเจตจำนงของประชาชนไปได้”
.
หลายวันมานี้ มวลชนจำนวนมากออกมาช่วยกันส่งเสียงเรียกร้องให้พวกเขายุติการอดอาหารให้รักษาชีวิตไว้ในช่วงเวลานี้ เพราะสิ่งที่พวกเขาและผู้คนกำลังเรียกร้องคือสิ่งที่ประเทศนี้ ”ไม่มี” นั่นก็คือ “ความยุติธรรม”
.
สำหรับเราแล้ว พวกเขาคือนักต่อสู้ทางความคิด คนรุ่นเขาเติบโตมาท่ามกลางความกราดเกรี้ยว เหยียดเย้ย ถากถาง ท่ามกลางการกดขี่ของสังคม
เติบโตมาท่ามกลางอำนาจที่กดทับชีวิตในวัยของพวกเขามานานปี
เติบโตมาท่ามกลางความสงสัย ระคนแปลกใจ ในสิ่งที่มีผลต่อชีวิตพวกเขา แต่พวกเขากลับไม่เคยได้เป็นคนกำหนดเอง และพวกเขากลับต้องถูกบังคับให้ยอมรับในสิ่งที่คนรุ่นเรากำหนดให้
.
วันนี้บริบททางสังคมและปรากฎการณ์ของเจนเนอเรชั่น ทางความคิดแห่งยุคสมัย ได้เปลี่ยนไปแล้ว ไม่ว่าคนรุ่นเราจะเห็นด้วยหรือไม่ กับรูปแบบวิธีการ การแสดงออกของพวกเขา
.
แต่คนรุ่นเราต้องยืนหยัดปกป้องเคียงข้างสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกทางความคิดของทุกคน
.
สิ่งที่คนรุ่นเขาทำและเป็น ไม่ควรใช้วิธีสั่งสอนบังคับให้เชื่อ ใช้วิธีชี้นำครอบงำทางความคิด หรือใช้คำสั่งห้ามคิด ห้ามสงสัย เราต้องทำหน้าที่รับฟังพวกเค้า และต้องหยุดเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความเกลียดชังกับผู้ที่มีความเห็นต่าง
.
โลกในสังคมยุคใหม่ได้เปลี่ยนไปแล้ว
คนรุ่นใหม่เขาไม่กลัวในสิ่งที่ชั่วชีวิตของคนรุ่นเรากลัวอีกแล้ว เลิกเอาประสบการณ์ของคนรุ่นเราไปวัดกับคนรุ่นหนุ่มสาว
.
ดิฉันเคารพในการตัดสินใจและเคารพในความกล้าหาญของนักต่อสู้ทุกคน
แต่ก็อยากเห็นพวกเขาร่วมทางเคียงบ่าเคียงไหล่บนเส้นทางการต่อสู้ไปด้วยกันจนกว่าจะได้เห็นสังคมที่พวกเขาฝันใฝ่ สังคมไทยที่สวยงาม
.
ปล่อยพวกเขา หยุดใช้ระบบ 1 ประเทศ 2 มาตรฐาน หยุดทำลายระบบนิติรัฐ ปล่อยพวกเขาเพื่อคืนความยุติธรรม ที่เป็นพื้นฐานของการอยู่ร่วมกันในสังคมนี้
.
ปล่อยพวกเขา ให้คนรุ่นพวกเขาได้เรียนรู้ถูกผิด ดิฉันหวังว่า คนรุ่นเราและคนรุ่นคุณจะตระหนักพอที่จะเปิดกว้างไม่เอาแต่ใจตัวเองเป็นจุดศูนย์กลางของการเคลื่อนไหวของสังคมนี้
.
ปล่อยพวกเขา ให้คนรุ่นหนุ่มสาวได้ออกไปวัดพื้นที่แห่งเสรีภาพและความคิดของคนรุ่นเขา ว่ามันกว้างคูณยาวเท่าไหร่
.
ปล่อยพวกเขา ให้พวกเขาทั้งคู่และนักต่อสู้ทุกคนได้มีชีวิตอยู่เพื่อเห็นความเปลี่ยนแปลง เพื่อให้ได้เห็นสังคมที่เป็นประชาธิปไตยและสังคมไทยที่พวกเขาฝันใฝ่ ให้พวกเขาได้อยู่ในประเทศไทยที่ทุกคนเป็นเจ้าของร่วมกัน ได้เห็นสังคมที่น่าอยู่กว่านี้
.
ปล่อยพวกเขา ให้พวกเขาได้มีชีวิตอยู่เพื่อได้เห็นดอกผลของความเปลี่ยนแปลงที่คนรุ่นเราได้ถากถางเอาไว้ และส่งไม้ต่อให้คนรุ่นเขาได้สร้างอนาคตที่ดีของเขาเอง