แรมโบ้ ยกซูเปอร์โพล 99% ปชช. เบื่อหน่ายและผิดหวังซัดฝ่ายค้าน ซักฟอกไร้ประโยชน์

“วอร์รูมนอกสภา” ประเมินฝ่ายค้านสอบตก ยกผลสำรวจซูเปอร์โพล ปชช.ผิดหวังอภิปราย ไร้ประโยชน์ ขาดหลักฐานใหม่

วันที่ 19 กุมภาพันธ์ ที่รัฐสภา นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะทำงานสนับสนุนผู้ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ (สสอ.) ให้สัมภาษณ์ว่า หลังฟังการอภิปรายของฝ่ายค้าน ทางวอร์รูม สสอ. ประเมินว่าฝ่ายค้านไม่ได้มีหลักฐานหรือข้อมูลใหม่ คณะวอร์รูมจึงให้คะแนนว่าสอบตก ส่วนการชี้แจงข้อเท็จจริงของนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี (รมต.) สามารถชี้แจงและตอบคำถามได้ทุกคำถาม ซึ่งตรงกับผลสำรวจซูเปอร์โพล ของนายนพดล กรรณิกา ที่สำรวจความเห็นของประชาชนจำนวน 1,683 ตัวอย่างว่า ประชาชนเบื่อหน่ายและผิดหวังจากการอภิปรายในครั้งนี้ เพราะเจอแต่เรื่องการเมืองแบบเก่า พูดแต่เรื่องเดิม ไร้ประโยชน์ โดยร้อยละ 99.8 ระบุว่าสภามีปัญหารอบด้าน เจอแต่การเมืองเก่า สมาชิกไม่เชื่อฟังประธาน พูดจาเสียดสี ทำงานไร้ประโยชน์ ประชาชนอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงในสภา ร้อยละ 19.4 พบว่าส.ส.ออกกฎหมาย แต่กลับไม่เคารพกฎหมายเสียเอง ไม่เป็นไปตามหลักการข้อบังคับของที่ประชุมสภา ร้อยละ 98.7 พบว่าการอภิปรายที่พูดแต่เรื่องเดิม นำข้อมูลจากสื่อมวลชนและโซเชียลมาพูด ขาดหลักฐานใหม่ ร้อยละ 97.5 ผิดหวังต่อการอภิปรายในครั้งนี้ และร้อยละ 96.9 ระบุว่าติดตามการอภิปรายแต่ไร้ประโยชน์ ซึ่งโพลดังกล่าวชี้ให้เห็นว่าประชาชนผิดหวังการทำงานของฝ่ายค้านที่ใช้แต่ข้อมูลเดิม เล่นวาทะทางการเมือง และพูดจาวกไปวนมา

นายสุภรณ์ กล่าวอีกว่า หลังคณะกรรมการฯเดินทางไปร้องทุกข์ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) กับ นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) แล้วนั้น วันเดียวกันนี้ก็ได้มอบหมายให้ทนายความของกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ยื่นเอกสารเพิ่มเติมที่บก.ปอท. ในเหตุการณ์ต่างกรรมต่างวาระ ที่นางอมรัตน์ร่วมเคลื่อนไหว สนับสนุนกลุ่มผู้ชุมนุมก้าวล่วงสถาบัน กระทำผิดในมาตรา 112 ส่วนที่มีข้อสงสัยว่า การเข้าร่วมสนับสนุน และมอบเงินให้กับแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมนั้นมีความผิดหรือไม่ ขอชี้แจงว่า กรณีดังกล่าวเสมือนหนึ่งโจรจะปล้นชาวบ้าน แล้วมีคนวางแผนให้ปล้นหรือมีคนสนับสนุนเงินให้ไปปล้น หรืออยู่เบื้องหลังการวางแผน ถามว่า ผิดหรือไม่ คำตอบก็คือทั้งผู้ปฏิบัติและผู้วางแผนก็มีความผิดร่วมกัน เช่นเดียวกับกรณีของนางอมรัตน์ ที่อยู่เบื้องหลังและสนับสนุน และต้องมีความผิดเช่นเดียวกับแกนนำที่ถูกดำเนินคดีตามมาตรา 112

“เส้นทางของส.ส.อมรัตน์ วิธีเข้าสู่สภาอันทรงเกียรติ เป็นส.ส. ผู้ทรงเกียรติกลับไม่ชอบ เป็นส.ส.ผู้แทนประชาชนกลับไม่ชอบ กลับจะชอบเข้าสู่เส้นทางใหม่คือเส้นทางเข้าคุก วิ่งหาคุก วิ่งเข้าหาข้าวแดงเอง อยากจะไปอยู่กับแกนนำบางคนที่อยู่ในเรือนจำ ถือว่า ส.ส.อมรัตน์เลือกเส้นทางเอง ไม่มีใครยัดเยียดให้ แต่เป็นเพราะตัวของตัวเอง” นายสุภรณ์ กล่าว