หลังเลนส์ในดงลึก : ‘หลง’

ม.ล.ปริญญากร วรวรรณ
หมาไน - ในป่า หมาไนเป็นนักล่าที่ทำงานได้ดี ในเวลางานพวกมันดูโหดร้าย การล่าร่วมกันเป็นฝูง ทำให้การล่ามีประสิทธิภาพมาก

‘หลง’

นานหลายปีแล้ว ผมเคยเขียนงานให้หมาตัวหนึ่ง

มันเป็นหมาป่าซึ่งไม่มีอาศัยอยู่ในประเทศไทย เป็นสายพันธุ์ที่มีอยู่ในภูมิภาคอื่นของโลก ถูกนำเข้าประเทศไทย เอามาขังไว้ วันหนึ่งมันก็หลบหนีออกจากกรงนั่นมาได้

ผมไม่รู้ว่ามันทำได้อย่างไร แต่วีรกรรมของมันตกเป็นข่าวใหญ่ของประเทศ

มีขบวนการไล่ล่า ทีวี หนังสือพิมพ์ ถือเป็นข่าวที่ต้องติดตาม

หมาตัวนั้นได้รับชื่อว่าไอ้หลง ตลอดเวลาหลายวัน ไอ้หลงมีร่องรอย ผู้พบเห็นว่าโผล่ตรงนั้นตรงนี้ ผมติดตามข่าวอย่างเอาใจช่วยเจ้าหลงให้มันหลบหนีไปได้

อีกนั่นแหละ ไม่กี่วันเจ้าหลงก็จนมุมถูกไล่ต้อนจับกลับมาขังในกรง ในสภาพป่วยหนัก ไม่กี่วันก็ตายไปอย่างหมาตัวหนึ่ง

ผมเขียนถึงเจ้าหลงด้วยความรู้สึกเห็นใจ และเข้าใจดีว่า ขณะที่กำลังเตลิดหนีอยู่นั้น สภาพจิตใจของมันจะเป็นอย่างไร

สิ้นหวัง ท้อแท้ ไม่มีหนทาง ไร้ทางรอด วิ่งไปทางโน้นทางนี้ หางจุกก้น หอบแฮกๆ แววตาตื่นกลัว เหน็ดเหนื่อย หิว อีกสารพัด

การถูกจับ อาจเพราะมันตัดสินใจยอมจำนน

อีกครั้งหนึ่ง ผมเขียนถึงเสือโคร่งตัวผู้ที่อยู่ในกรงเลี้ยงของสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่า ในฐานะ “ของกลาง”
มันอยู่ในกรงมานานจนคุ้นเคย และได้รับชื่อว่าศิลาทอง

วันหนึ่งมันฉวยโอกาสตอนคนดูแลนำอาหารมาให้ กระโจนออกจากกรง

บริเวณโดยรอบสถานีเพาะเลี้ยงแห่งนั้น เป็นคล้ายป่าชุมชนที่มีคนเข้ามาเก็บหาของป่า อย่างหน่อไม้และเห็ด

ข่าวเจ้าศิลาทองหลุดจากกรง สร้างความหวาดกลัวให้กับคน เหมือนทุกครั้งที่มีข่าวเสือหลุดจากที่กักขัง หรือพบเห็นรอยตีนเสือ

สัตว์ผู้ล่า ซึ่งได้รับการออกแบบมาอย่างเหมาะสม มาพร้อมกับภาพความเป็นสัตว์อันตรายเสมอ
ส่วนหนึ่งมาจาก “นิยาย” เรื่องเล่าการผจญภัย

แท้จริงการที่สัตว์ป่าไม่เฉพาะแต่สัตว์ผู้ล่า รวมทั้งเหล่าสัตว์กินพืชต่างๆ หันกลับมาสู้เมื่อถูกไล่ล่า หรือโดนยิงบาดเจ็บ ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เป็นเรื่องอันเกิดขึ้นได้เสมอๆ

ถึงทุกวันนี้ แม้ไม่ใช่เพราะถูกไล่ล่า แต่เพราะพื้นที่โดนบุกรุก มีสภาพคล้ายติดอยู่ในเกาะ ถูกรบกวนโดยกิจกรรมของคน พวกมันไม่น้อยมีความเครียด

ไม่ใช่สัตว์ป่าทุกตัวหรอกที่เปลี่ยนแปลง พวกมันส่วนใหญ่ยังคง “ตื่นหนี” เมื่อได้กลิ่นคน บางตัวพยายามเป็นมิตร ยอมรับในระยะห่างพอ ระหว่างพวกมันกับคน

แต่หลายตัวไม่ใช่เช่นนี้ มันพร้อมเข้าโจมตี ปะทะ การอยู่ร่วมกันระหว่างคนกับสัตว์ป่า ดูคล้ายจะเป็นปัญหาใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ

มีคนบาดเจ็บ มีคนเสียชีวิต มีชีวิตต้องสูญเสีย

นั่นไม่ได้ลบล้างความจริงที่ว่า ในป่าไม่มีสัตว์อันตราย มีเพียงสัตว์ที่ทำหน้าที่ของพวกมันอยู่

เพียงแต่มีความจริงอีกประการคือ มี “สัตว์ป่วย” อยู่ด้วยเช่นกัน

เจ้าศิลาทองก็เหมือนกับเจ้าหลง มันอยู่นอกกรงได้ไม่กี่วันก็ถูกต้อนกระทั่งจนมุม ถูกยิงด้วยปืนยาสลบ นำมาขังไว้ในกรงดังเดิม

ผมเขียนถึงศิลาทองอย่างเข้าใจว่า สภาพจิตใจตอนหลบหนีอยู่นั้น อาจไม่ต่างจากเจ้าหลงสักเท่าไหร่

โชคของศิลาทองยังดีที่ไม่ถูกกระสุนจริงของขบวนการไล่ล่าเหมือนเสือตัวอื่นที่บังเอิญโผล่เข้ามาในชุมชน…

ในป่า ผมพบเจอซากที่คนกระทำกับสัตว์ป่า พวกเขาทำราวกับว่า นั่นไม่ใช่สิ่งมีชีวิต ซากกระทิงถูกยิงตายนอนขึ้นอืด ร่างกายมีรอยกระสุน ส่วนเขาถูกถอดไป

กระทิงโดนฆ่าเพื่อเอาเพียงปลอกเขา

ผู้รับจ้างฆ่า นำปลอกเขาไปขายตามใบสั่ง ปลอกเขากระทิงนำไปสวมหัวกระทิงที่ทำจากไม้ เป็นสินค้าที่ขายได้ราคาแพง

ในสภาพความเป็นจริง มีสัตว์ป่าจำนวนไม่น้อยยังคงถูกลักลอบฆ่า

แต่มีสัตว์ป่าจำนวนมากโชคร้ายกว่า เพราะต้องถูกกักขังอยู่ในกรง ไร้โอกาสได้ใช้ชีวิตไปตามวิถี

ในงานที่เขียนให้หมาป่าตัวนั้น ผมสรุปทำนองว่า แท้จริงคงไม่ใช่เจ้าหลงหรอกที่กำลังหลงทาง อาจเป็นคนที่ไม่พยายามทำความเข้าใจสัตว์ป่าจริงๆ ไม่ยอมรับถึงบทบาทและหน้าที่ของสัตว์ป่า ไม่รับรู้ถึงสิทธิในการอยู่บนโลกใบนี้ของพวกมัน

นี่คงเรียกได้ว่า เป็นการหลง

โลกเดินทางมาถึงวันที่เรามีเครื่องมือ มีวิธีการ ให้ได้ภาพสวยงาม รวมทั้งได้รู้ถึงความเป็นไปในวิถีชีวิตของสัตว์ป่าได้เป็นอย่างดี

มีเครื่องมือนำทาง เดินทางไปโน่นไปนี่ได้โดยไม่หลง

กับสัตว์ป่า เรารู้จัก “ตัว” พวกมัน คล้ายจะถ่องแท้

เราติดตามพวกมันไปไกล เพื่อให้ได้รูป เพื่อให้ได้รู้

ไปแต่เพียงกาย “ใจ” ไม่ได้เดินทางไปด้วย เรายังคงปฏิบัติกับสัตว์ป่าราวกับไม่รับรู้ว่าพวกมันมีหัวใจ

หลายครั้งผมคิดเสมอว่า ใจของเรานี่แหละที่หลงทาง

“หลง” ทั้งๆ ที่ไม่ได้เดินทางไปไหน