ความคืบหน้ากรณี นายวีระ สมความคิด ประธานกลุ่มพิทักษ์สิทธิเสรีภาพของประชาชน และเลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน ร้องเรียน ต่อ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) ว่า พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ทำการถมดิน ทำฝายน้ำล้น รุกล้ำเส้นทางสาธารณะ ที่ ต.ปางแก อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ต่อมา พล.ต.อ.ศรีวราห์ ได้แจ้งความกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(บก.ปอท.) ให้ดำเนินคดีกับ นายวีระ ฐานหมิ่นประมาท ต่อมา ศาลอาญากรุงเทพใต้ พิพากษา ลงโทษกระทงละ 1 ปี รวม 2 ปี ปรับ 60,000 บาท ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงเหลือลงโทษจำคุก 16 เดือน ปรับ 40,000 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี คุมประพฤติและให้บำเพ็ญประโยชน์ ภายใน 1 ปี และให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายทางแพ่งอีก เป็นเงิน 1,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย ร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไป จนกว่าจะชำระหนี้เสร็จสิ้น

เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2564 นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต่อต้านคอร์รัปชั่น เปิดเผยความคืบหน้าคดีความ กรณีพลตำรวจเอกศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล อดีตรองผบ.ตร. แจ้งความฐานหมิ่นประมาท โดยคำพิพากษาระบุว่า

“ศาลพิพากษาเห็นว่าการกระทำของจำเลยอยู่ในวิสัยในฐานะประชาชนคนหนึ่งที่จะติชมด้วยความเป็นธรรมได้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 329 (3) การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามฟ้อง จึงฟังได้ว่าจำเลยไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ร่วม ดังที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามา ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยฎีกาของโจทก์ร่วมฟังไม่ขึ้น”

ด้าน นายวีระ โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กระบุว่า “ขอแจ้งให้ทราบโดยทั่วกันว่า ตามที่พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล อดีตรองผบ.ตร. ดำเนินคดีอาญากับนายวีระ สมความคิด พร้อมทั้งเรียกค่าเสียหายทางแพ่ง กรณีนายวีระกล่าวหาว่าพล.ต.อ.ศรีวราห์ ก่อสร้างฝายคอนกรีตกั้นลำน้ำสาธารณะ(คลองปางแก) ต.ปากช่อง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมานั้น บัดนี้การต่อสู้คดีได้ถึงที่สุดแล้ว ศาลฎีกาได้พิพากษาให้นายวีระเป็นผู้ชนะคดี รวมถึงคดีอื่นๆที่พล.ต.อ.ศรีวราห์ ได้ดำเนินคดีกับนายวีระ อีกจำนวน 10 กว่าคดี นายวีระก็ชนะอย่างราบคาบทุกคดี ต้องขอขอบคุณทีมทนายความทุกท่าน ที่ช่วยเหลือในการต่อสู้คดี ทุกท่านเป็นทนายความที่มีฝีมือทั้งสิ้น ที่สำคัญทุกท่านว่าความให้โดยไม่คิดค่าทนายความเลย เพราะเห็นถึงความตั้งใจจริงของนายวีระ ที่ทำหน้าที่ปกป้องรักษาผลประโยชน์ให้แก่ชาติและประชาชน มายาวนานกว่า 30 ปี”