ย้อนคำพูด ผบ.ตร.แค่ลมปาก? หลังพิษโควิด เพราะ”บ่อน” ซุกใต้พรม นักพนันเดินสายทำไวรัสแพร่

กว่า 3 เดือนที่ “บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ทำหน้าที่ผู้นำองค์กรสีกากี ถูกพิสูจน์ฝีมือจากหลายปัญหา รับแรงกระเพื่อมจากการชุมนุมของกลุ่มราษฎร

และไม่ว่ากี่ยุคสมัย สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นองค์กรที่ถูกสังคมจับตามอง ตรวจสอบการทำงานอยู่เสมอ

16 ตุลาคม 2563 ภาพเหตุการณ์ตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ถูกระดมเข้ากรุงเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยขณะเกิดการชุมนุมกลางกรุง

จนถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเหตุใดจึงไม่อยู่ในที่ตั้ง เนื่องจากขณะนั้นสถานการณ์โควิด-19 ยังไม่คลี่คลาย มีต่างด้าวลักลอบเข้ามาพร้อมเชื้อโรค

และแล้วสิ่งที่ทุกคนกังวลก็เกิดขึ้น เมื่อมี “ซูเปอร์สเปรดเดอร์” จากแรงงานพม่าในเมืองมหาชัย แล้วเชื้อกระจายเกือบทั่วประเทศ

ส่งผลให้ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ภายใต้การกำกับของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งมีบทบาทจับกุมและบังคับใช้กฎหมายเป็นจำเลย ถูกตั้งคำถามว่าหละหลวมปล่อยปละให้มีต่างด้าวลักลอบเข้ามาในประเทศหรือไม่

ทําให้ พล.ต.อ.สุวัฒน์เป็นทัพหน้าชี้แจงแทนผู้ใต้บังคับบัญชาว่า หน้าที่หลัก ตม.คืออยู่ที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง ไม่ได้รับผิดชอบช่องทางธรรมชาติ งาน ตม.ส่วนใหญ่เป็นเชิงธุรการ การให้บริการในส่วน ตม.มีกำลังไปสืบสวนจับกุมก็จริง แต่หากเทียบกับพื้นที่รอบประเทศไทยไม่มีทางพอ ซึ่งกำลังหลักต้องเป็นกำลังในพื้นที่ที่รับผิดชอบช่องทางธรรมชาติ ทำงานร่วมกัน 4 หน่วย มีทหาร ฝ่ายปกครอง ตำรวจพื้นที่ และ ตชด. ที่ต้องขึ้นยุทธการกับฝ่ายทหาร หากมีความบกพร่องต้องไม่ใช่หน่วยเดียว ต้องด้วยกันทั้งหมด เพราะรับผิดชอบด้วยกัน ซึ่งพื้นที่ชายแดนไม่ใช่แค่เรื่องคนเดินข้ามออก ยังมีเรื่องปัญหายาเสพติด และเรื่องอื่นๆ อีกมากมาย

ปัญหาต่างด้าวยังแก้ไม่ตก กลับมีข่าวโควิด-19 แพร่ระบาดครั้งใหญ่ จากการสอบสวนโรค พบไทม์ไลน์นักพนันเดินทางไป “บ่อนภาคตะวันออก” เริ่มใจจากกลางเมืองระยอง ลุกลามไปยัง จ.ชลบุรี จ.จันทบุรี และ จ.ตราด สะท้อนความหละหลวมของตำรวจในยามที่บ้านเมืองเข้าสู่ภาวะวิกฤตจากโรคระบาด

ผบ.ตร.ส่ง พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) ลงไปสอบสวนข้อเท็จจริงใน จ.ระยอง และ จ.ชลบุรี

ก็พบว่ามีบ่อนพนันตามที่ถูกกล่าวอ้างจริง

“บิ๊กปั๊ด” จึงสะบัดปากกาสั่งย้าย พล.ต.ต.ปภัชเดช เกตุพันธ์ ผบก.ภ.จว.ระยอง และ พล.ต.ต.ประการ ประจง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี เข้ากรุศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ ศปก.ตร. และให้ขาดจากตำแหน่งเดิม

เมื่อสอบสวนโรคลึกลงไป ยังพบอีกว่านักพนันยังเดินสายไปบ่อน จ.จันทบุรี และ จ.ตราด มีกลุ่มเสี่ยงอีกหลายร้อยคน

จุดนี้เกิดคำถามว่า นอกจากผู้บังคับการจังหวัดกับ 5 เสือท้องที่นั้นๆ ที่ต้องรับผิดชอบแล้ว จะต้องพิจารณาเอาผิดกับผู้บังคับบัญชาระดับสูงกว่านี้หรือไม่

ต่อมา พล.ต.ท.วีระ จิรวีระ ผบช.ภ.2 เซ็นคำสั่งย้าย พล.ต.ต.สุวิชาญ ญาณกิตติกุล ผบก.ภ.จว.จันทบุรี และ พล.ต.ต.เสถียร บุญค้ำ ผบก.ภ.จว.ตราด ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 2 โดยให้ขาดจากตำแหน่งเดิม

ท่ามกลางกระแสข่าวลือว่าขาเก้าอี้ของ พล.ต.ท.วีระ เริ่มไม่แข็งแรงเช่นกัน และที่สุดก็ถูกเด้งไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 6 มกราคมที่ผ่านมา

หากย้อนกลับไปวันที่ 2 ตุลาคม 2563 พล.ต.อ.สุวัฒน์มอบนโยบายให้กับผู้บังคับบัญชาระดับผู้บังคับการ (ผบก.) ขึ้นไป เกี่ยวกับเรื่องบ่อนการพนัน ใจความว่า

“ผมเชื่อว่าพวกเราไม่มีใครเข้าใจผิดว่า ประเทศเรามีนโยบายการตลาดเรื่องการพนันเสรี เราไม่มีแบบนั้น สังคมไทย ตำรวจอยู่กับประชาชน การบังคับใช้กฎหมายบางครั้งไม่ใช่เรื่องง่าย อยู่กับสังคมที่เขาเป็นแบบนี้ การพนันอาจเป็นสายเลือดของคนบางคน แต่ในบทบาทของตำรวจต้องทำหน้าที่ให้ดี การพนันไม่ใช่ตลาดเสรีที่ใครใคร่ค้าค้า เพราะฉะนั้น ผมยืนยันอีกครั้ง ท่านต้องไปจัดการให้เรียบร้อย”

นอกจากนี้ ผบ.ตร.ยังพูดถึงเรื่องตู้ม้าไฟฟ้า ซึ่งมีคนมาพูดว่าไม่แน่ใจนโยบาย ซึ่งบิ๊กปั๊ดได้ประกาศว่า “นโยบายไม่มี มีไม่ได้เพราะผิดกฎหมาย ไปแนะนำให้เขาเปลี่ยนอาชีพ ไปทำเรื่องอื่นดีกว่า เพราะฉะนั้น ตู้ม้า บ่อนการพนันขนาดใหญ่ การพนันออนไลน์ 3 อย่างนี้ต้องหายไป อย่าให้เป็นแค่ลมปากพูดผ่านไป ที่ผ่านมาแล้วกันไป นับแต่วันนี้ มีกติกาของมันอยู่ ใครจะทำอะไรต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตนเองทำ ผมไม่ได้บอกเพราะว่าต้องการลดกระแส หรือเพราะเป็นหน้าที่ ผมบอกเพราะเป็นเรื่องที่อัตโนมัติ ท่านไม่จำเป็นต้องมาถามเลย”

ปรากฏว่าหลังจากนั้น ผ่านไปเพียง 3 เดือน เชื้อไวรัสโควิด-19 พบไทม์ไลน์คนติดล้วนมาจากบ่อน

ดังนั้น บ่อนพนันจึงเหมือนขยะซุกอยู่ใต้พรม เรื่องราวที่แดงขึ้นมา สร้างความงามหน้าให้ตำรวจในพื้นที่ ประจานส่วยอบายมุข ซึ่งเหมือนกับการฉายหนังซ้ำแล้วซ้ำเล่า ที่สำคัญเป็นการซ้ำเติมความทุกข์ยากของประชาชน

และยิ่งตอกย้ำกว่านั้นคือ นโยบายของ ผบ.ตร.คนที่ 12 เป็นเพียงลมปากหรือไม่

5มกราคม 2564 พล.ต.อ.สุวัฒน์ให้สัมภาษณ์ว่า

“ที่ผ่านมาเราไม่ดีพอเท่าที่ประชาชนคาดหวัง น้อมรับและจะนำไปปรับให้ดีกว่าเดิม ยืนยันว่าจริงจังกับเรื่องนี้ ที่ผ่านมาอาจจะทำได้ไม่ดีนัก ซึ่งต้องไปรัดเข็มขัดกันใหม่ ตอนนี้ได้ส่งสำนักงานจเรตำรวจและส่วนกลางที่ไม่ขอเปิดเผยลงไปตรวจสอบ กำกับดูแลการปฏิบัติงานปราบปรามอบายมุขทุกประเภทว่าได้ดำเนินการไปตามนโยบายหรือไม่ ถ้าพบว่ามีเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ไม่ใช่แค่ย้ายออกไป พอเรื่องเงียบแล้วกลับมา ยืนยืนว่าไม่ใช่แบบนั้น เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้เอาจริง ต้องมีผลอย่างเป็นรูปธรรม และใครเจตนาจงใจกระทำผิดต้องรับโทษทางวินัยและอาญา ขณะเดียวกันขอเป็นกำลังใจให้ผู้ใต้บังคับบัญชาว่า ใครที่ตั้งใจทำดีขอให้รักษาไว้ และในภาวะที่ประชาชนยากลำบากต้องไม่ซ้ำเติมให้แย่ลงไปกว่านี้ เพราะแค่นี้เราก็ถูกตั้งคำถามทุกวัน”

งานนี้ดูเหมือน ผบ.ตร.จะหยั่งกระแสความรู้สึกติดลบของสาธารณชนที่มีต่อองค์กรได้เป็นอย่างดี

จึงเป็นภาระหน้าที่แม่ทัพสีกากีต้องสะสางต้นตอของปัญหาอย่างเด็ดขาด