เมื่อนักวิชาการชี้ว่า “สนามกีฬา” เปรียบแล้วก็เหมือนจานเพาะเชื้อขนาดใหญ่

พิศณุ นิลกลัด

พิศณุ นิลกลัด | โควิด-19 ในทรรศนะแฟนกีฬา

สถานการณ์โควิด-19 ในไทยกำลังน่าเป็นห่วงอีกครั้ง เพราะมีโอกาสระบาดซ้ำ

ส่วนที่ประเทศอังกฤษ ยอดผู้ติดเชื้อขึ้นๆ ลงๆ ในแต่ละวัน ทำให้ทีมฟุตบอลบางทีม อย่างอาร์เซนอล, เชลซี และสเปอร์ส ซึ่งเป็นทีมในลอนดอนที่อนุญาตให้แฟนสวมหน้ากากเข้าชมการแข่งขันได้ในจำนวนจำกัดไม่เกิน 2,000 คน

เมื่อวันที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมา ต้องกลับมาแข่งโดยไม่มีผู้ชมในสนามหลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในกรุงลอนดอนกลับมาสูงอีกครั้ง

วันที่ 9 มีนาคม คือวันสุดท้ายที่แฟนๆ พรีเมียร์ลีกสามารถเข้าไปเชียร์ในสนาม แฟนหลายทีมรอยาวนานถึง 271 วันกว่าจะได้เข้าเชียร์ในสนามก่อนที่จะห้ามอีกรอบ

ส่วนบางทีมอย่างแมนฯ ยูไนเต็ด แมนฯ ซิตี้ ลิเวอร์พูล แฟนๆ ก็ยังคงต้องรอต่อไปเพราะยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในเมืองที่ทีมตั้งอยู่ยังไม่มีทีท่าว่าจะลดลง

เมื่อต้นเดือนธันวาคม สำนักข่าว BBC Sport และสำนักวิจัยตลาด Savanta ComRes ได้สำรวจความเห็นออนไลน์ของคนในอังกฤษจำนวน 5,476 คน ระหว่างวันที่ 20-24 พฤศจิกายน ในจำนวนนี้ 2,100 คนบอกว่าตัวเองเป็นแฟนฟุตบอล

แบบสำรวจถามว่าควรอนุญาตให้แฟนๆ กลับเข้าไปเชียร์ฟุตบอลในสนามแข่งหรือไม่ก่อนที่จะมีวัคซีนป้องกันโควิด-19

ผลการสำรวจออกมาว่า คนอังกฤษ 52% เห็นว่าควร อีก 45% เห็นว่าไม่ควร

เมื่อแยกย่อยลงไปในกลุ่มของแฟนฟุตบอลในอังกฤษที่เข้าชมการแข่งขันฟุตบอลเป็นประจำ พบว่า 48% บอกว่าจะกลับไปชมการแข่งขันที่สนามจริงแม้ยังไม่มีวัคซีนป้องกันโควิด-19

ส่วนอีก 12% บอกว่า ตราบใดที่ยังไม่มีวัคซีนป้องกันโควิด-19 จะไม่กลับเข้าไปชมการแข่งขันที่สนามจริงอีก

ส่วนในกลุ่มแฟนฟุตบอลที่ไม่ได้เข้าไปเชียร์ที่สนามแข่งเป็นประจำ พบว่า จำนวน 43% บอกว่า จะไม่กลับไปชมการแข่งขันที่สนามจริงอีกหากยังไม่มีวัคซีนป้องกันโควิด-19

เมื่อดูที่อายุของแฟนๆ พบว่า แฟนฟุตบอลที่อายุ 55 ปีขึ้นไป จำนวน 52% บอกว่า จะไม่ไปเชียร์ฟุตบอลที่สนามจริงจนกว่าจะมีวัคซีนป้องกันโควิด-19

ฟังแล้วก็สมเหตุสมผล เพราะคนอายุมากเป็นกลุ่มสุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อและเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19

ส่วนกลุ่มแฟนฟุตบอลอายุ 35-54 ปี จำนวน 29% และกลุ่มแฟนอายุ 18-34 ปี จำนวนเพียง 14% บอกว่า จะไม่ไปเชียร์ฟุตบอลที่สนามจริงจนกว่าจะมีวัคซีนป้องกันโควิด-19

กลุ่มแฟนอายุระหว่าง 18-34 ปี จำนวน 36% บอกว่า จะไปชมการแข่งขันฟุตบอลที่สนามเป็นประจำแม้จะยังไม่มีวัคซีน ส่วนกลุ่มแฟนอายุ 35-54 ปี 28% และกลุ่มแฟนวัย 55 ปีขึ้นไปจำนวน 14% บอกว่า จะไปชมการแข่งขันบ่อยเหมือนเดิม

ที่น่าสนใจก็คือ แม้แฟนๆ จะเข้าไปเชียร์ทีมรักในสนามไม่ได้เหมือนก่อน แต่แฟนจำนวน 28% บอกว่า พวกเขารักห่วงใยทีมมากยิ่งกว่าเดิมเมื่อเทียบกับก่อนมีโควิด-19 ส่วนแฟนอีก 10% บอกว่า สนใจทีมรักน้อยในช่วงโควิด-19

เมื่อแยกย่อยไปยังกลุ่มอายุของคนที่รักทีมมากขึ้นในช่วงโควิด-19 แฟนกลุ่มอายุระหว่าง 18-34 ปี รักทีมมากขึ้นเป็นพิเศษสูงสุด อยู่ที่ 36%

ส่วนแฟนกลุ่มอายุ 55 ปีขึ้นไปจำนวน 19% บอกว่ารักทีมมากขึ้นในช่วงโควิด-19

ที่สหรัฐอเมริกา มีการทำโพลสำรวจคนทั่วไปและคนที่เป็นแฟนกีฬาจำนวน 1,506 คนโดยมหาวิทยาลัยซีตัน ฮอลล์ (Seton Hall University) เมื่อวันที่ 13-16 พฤศจิกายน ประมาณ 1 สัปดาห์ หลังจากบริษัทยาไฟเซอร์ (Pfizer) ประกาศว่า วัคซีนของบริษัทต้านเชื้อโควิด-19 ได้ผลถึง 90%

ผลการสำรวจพบว่า จำนวน 67% ของ 1,506 คนจะไม่เข้าชมการแข่งขันกีฬาแบบสนามอินดอร์หรือในร่ม ตราบใดที่ยังไม่มีวัคซีน แม้จะให้ผู้ชมใส่หน้ากากอนามัย หรือมีการ Social Distancing ก็ยังไม่ไว้วางใจ

ส่วน 21% บอกว่า จะเข้าชมการแข่งขันแบบสนามอินดอร์ เพราะมั่นใจในการใส่แมสก์และมาตรการ Social Distancing

เมื่อแยกย่อยลงไปในกลุ่มที่บอกว่าตัวเองเป็นแฟนกีฬานั้น จำนวนสูงถึง 60% บอกว่า จะไม่เข้าชมการแข่งขันกีฬาแบบสนามอินดอร์จนกว่าจะมีวัคซีน ซึ่งว่าไปแล้วสัดส่วนแทบไม่ต่างจากคนทั่วไปเลย

สําหรับกีฬาเอาต์ดอร์ หรือกลางแจ้ง จำนวน 58% บอกว่า จะรอให้มีวัคซีนป้องกันโควิด-19 ก่อนจึงจะเข้าชมกีฬากลางแจ้ง

ส่วน 28% บอกว่า จะเข้าชมการแข่งขันกีฬากลางแจ้ง แม้จะไม่มีวัคซีน

เมื่อแยกย่อยลงไปในกลุ่มที่บอกว่าตัวเองเป็นแฟนกีฬา จำนวนสูงถึง 50% บอกว่า จะไม่เข้าชมการแข่งขันกีฬากลางแจ้งจนกว่าจะมีวัคซีนป้องกันโควิด-19

เมื่อเทียบกับโพลที่ทางมหาวิทยาลัยซีตัน ฮอลล์ ทำการสำรวจเมื่อเดือนเมษายน ดูเหมือนแฟนกีฬาในอเมริกากล้าที่จะไปเชียร์กีฬาในสนามจริงมากขึ้น

จากการทำโพลสอบถามคนอเมริกันจำนวน 762 คน เมื่อเดือนเมษายน พบว่า จำนวน 72% ไม่กล้าที่จะกลับเข้าสนามกีฬาไปเชียร์ทีมรัก ตราบใดที่ยังไม่มีการค้นพบวัคซีนป้องกันโควิด-19

ส่วน 12% บอกว่า แม้จะไม่มีวัคซีน พวกเขาก็จะกลับเข้าไปเชียร์หากทางสนามมีมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม

เมื่อเจาะลงไปในกลุ่มที่บอกว่าตัวเองเป็นแฟนกีฬา จำนวนสูงถึง 60% บอกว่า จะไม่เข้าชมการแข่งขันกีฬากลางแจ้งจนกว่าจะมีวัคซีนป้องกันโควิด-19

แอนดรูว์ ปีเตอร์สัน (Andrew Peterson) อาจารย์ด้านเวชศาสตร์การกีฬา จากมหาวิทยาลัยไอโอวา (University of Iowa) และนายแพทย์ใหญ่ประจำทีมอเมริกันฟุตบอล Iowa Hawkeyes ใน NCAA ดิวิชั่น 1 บอกว่า สนามกีฬาเปรียบแล้วก็เหมือนจานเพาะเชื้อขนาดใหญ่

ยิ่งสนามเนืองแน่นไปด้วยผู้ชม ก็ยิ่งยากที่จะควบคุมเชื้อไวรัสโควิด-19

ที่น่ากลัวก็คือ คนที่ได้รับเชื้อไปแล้วก็ไม่แสดงอาการออกมาเหมือนกันทุกคน ดังนั้น การจะทำให้ทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิมในระยะเวลาอันสั้นจึงเป็นเรื่องยาก