เพื่อไทยแนะรัฐ ปรับอุปสงค์ข้าวในประเทศ ปรับอุปทานตรงตลาดโลก แก้ข้าวราคาตก

“ศูนย์นโยบายเพื่อไทย” แนะรบ.กระตุ้นอุปสงค์ข้าวในประเทศ-ปรับอุปทานให้ตรงความต้องการโลก เพื่อแก้ราคาข้าวตกต่ำ

เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์นโยบายและวิชาการพรรคพท. พร้อมด้วยนายเทพฤทธิ์ สีน้ำเงิน น.สแธิดารัตน์ ยิ่งเจริญ และนายยุ้ง จักรไพศาล กรรมการศูนย์นโยบายฯพรรคพท. ร่วมแถลงถึงสถานการณ์ราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำโดยเฉพาะข้าว

โดยนายเผ่าภูมิ กล่าวว่า ในปัจจุบัน สถานการณ์ราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำโดยเฉพาะข้าวได้สร้างความทุกข์ยากแก่พี่น้องเกษตรกรอย่างแสนสาหัส โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 สถานการณ์โควิด-19 ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความมั่นคงด้านอาหาร เกิดการกักตุนอาหารโดยเฉพาะข้าว นำไปสู่การเคลื่อนย้ายของความต้องการข้าวจากช่วงปลายปีมาอยู่ช่วงกลางปี อุปสงค์เดิมช่วงปลายปีจึงลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ในขณะที่อุปทานส่วนเกินเข้าสู่ตลาดในช่วงเดือน พฤศจิกายน-ธันวาคม ซึ่งเป็นช่วงที่ผลผลิตข้าวออกสู่ตลาดจำนวนมาก จึงเกิดแรงกดดันด้านราคาและปริมาณการส่งออกสุทธิ ทั้งนี้ ข้าวไทยยังมีราคาสูงเมื่อเทียบกับคู่แข่ง ปัจจัยหลักเกิดจากผลผลิตต่อไร่ที่ต่ำ ส่งผลโดยตรงต่อต้นทุนการผลิตที่สูงกว่า อีกทั้งข้าวไทยยังไม่ตรงกับความต้องการตลาดโลก นอกจากนี้ ไทยยังละเลยการลงทุนเพื่อการพัฒนาพันธุ์ข้าว กอปรกับปัญหาค่าเงินบาทที่แข็งเมื่อเทียบกับคู่แข่ง ข้าวไทยจึงเสียความสามารถในการแข่งขัน ปัจจัยที่ได้กล่าวมาข้างต้นทำให้อุปทานข้าวไทย ไม่สอดคล้องและไม่ตรงกับความต้องการของตลาดโลก ส่งผลให้ราคาข้าวไทยตกต่ำ และมีส่วนแบ่งการตลาดที่ลดลงเรื่อยๆ

นายเผ่าภูมิ กล่าวอีกว่า ศูนย์นโยบายฯพรรคพท.เห็นว่า ในระยะสั้นการสนับสนุนด้านราคาฝั่งอุปทานผ่านมาตรการต่างๆยังมีความจำเป็น และต้องกระทำโดยรวดเร็วในราคาที่เป็นธรรม เพื่อลดความเดือดร้อนของพี่น้องเกษตรกร แต่ทั้งนี้เห็นว่ามาตรการประกันราคาข้าว ไม่ประสบความสำเร็จในการรักษาเสถียรภาพด้านราคาของสินค้าการเกษตร เพราะไม่ได้ช่วยเรื่องการพัฒนาผลิตภาพและโครงสร้างการผลิตแต่อย่างใด ทั้งนี้ในระยะกลาง-ยาวนั้น ราคาข้าว เหมือนราคาสินค้าทุกชนิดที่ถูกกำหนดโดยอุปสงค์และอุปทาน เพราะฉะนั้นต้องแก้ไขที่ต้นตออุปสงค์และอุปทาน ซึ่งศูนย์นโยบายฯพรรคเพื่อไทยเห็นว่าสามารถทำได้ใน 2 แนวทาง ได้แก่ 1.การเพิ่มอุปสงค์ในประเทศ โดยสามารถทำได้ผ่านมาตรการสร้างแรงจูงใจผ่านมาตรการทางภาษี และมาตรการทางการคลังฝั่งอุปสงค์ โดยสนับสนุนด้านราคาฝั่งผู้บริโภค สร้างอุปสงค์ส่วนเพิ่มขึ้นมารองรับอุปทานส่วนเกินที่เกิดขึ้น อีกทั้งยังเป็นการลดรายจ่ายการบริโภคของประชาชน และยังไม่เป็นการสร้างอุปทานเทียมที่เกิดจากการสนับสนุนด้านราคาฝั่งอุปทานอีกด้วย และ

2.การปรับอุปทานให้สอดคล้องอุปสงค์ที่มีอยู่ พรรคพท.เห็นว่าความต้องการข้าวในตลาดโลกนั้นยังคงดำรงอยู่ไม่ได้หายไป เพียงแต่ได้เปลี่ยนรูปแบบไป และไทยปรับตัวไม่ทัน เพราะมีโครงสร้างอุปทานข้าวไม่ตรงกับอุปสงค์โลก ข้าวประเภทที่ตลาดโลกต้องการไทยยังผลิตไม่ได้เพียงพอ และในส่วนที่ข้าวประเภทที่มีการแข่งขันสูง ประเทศไทยก็เสียเปรียบด้านราคาจากผลิตภาพที่ต่ำ จึงเห็นว่ารัฐบาลต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาพันธุ์ข้าวโดยเฉพาะข้าวขาวพื้นนุ่มที่มีแนวโน้มสดใสในตลอดโลก และยังต้องให้ความสำคัญกับการเพิ่มผลผลิตต่อไร่ให้กับข้าวขาวพื้นแข็งและข้าวหอมมะลิ โดยไม่เพิ่มพื้นที่การผลิต รวมถึงเห็นว่าควรดำเนินมาตรการในลักษณะกองทุนเปลี่ยนหน้าดินที่พรรคพท.นำเสนอ เพื่อปรับโครงสร้างการผลิตให้ตรงกับความต้องการตลาดโลก รวมถึงการพัฒนาเกษตรอินทรีย์ เกษตรแม่นยำ ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานการบริหารจัดการน้ำเพื่อสร้างเสถียรภาพของปัจจัยการผลิตข้าว และปรับนโยบายการเงินที่มุ่งชิงความได้เปรียบด้านราคาผ่านอัตราแลกเปลี่ยน