อดีต กสม. ชี้ พ่นสีใส่ป้าย ตร.ยังไม่ร้ายแรงเท่า ปชช.ถูกพ่นสารเคมีใส่หน้า-ตา-ปาก

อดีตกสม. ชี้ พ่นสีใส่ป้าย ตร.ยังไม่ร้ายแรงเท่า ปชช.ถูกพ่นสารเคมีใส่หน้า-ตา-ปาก
เมื่อวันที่ 21 พ.ย. นางอังคณา นีละไพจิตร อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊ก แสดงความเห็นกรณีการสลายการชุมนุมของคณะราษฎร ระบุว่า

วันนี้หลังทราบผลการตรวจสอบน้ำสีม่วงที่ตำรวจใช้ฉีดใส่ผู้ชุมนุมที่บริเวณหน้ารัฐสภา เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน ทำให้ไม่แปลกใจที่อาการแสบตา แสบจมูกจนถึงปอดจึงทุเลาช้า เลยกลับมาดูคลิปที่ตำรวจฉีดน้ำ (water cannon) ใส่ผู้ชุมนุมในช่วงตั้งแต่ประมาณ 14.00 น. ที่ตัวเองโดยเต็มๆ หลายระลอกทั้งที่พยายามช่วยผู้ชุมนุมเจรจากับ จนท.ตำรวจเพื่อขอให้ จนท.จัดสถานที่ให้ประชาชนได้ร่วมลุ้นการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนในสภา ตำรวจระดับสูงหลายนายที่คอยบัญชาการก็คุ้นหน้าคุ้นตากันอยู่ งานนี้บอกได้เลยว่า ตำรวจไม่ปฏิบัติตามหลักสากล เพราะสถานการณ์ขณะนั้น ไม่มีความจำเป็นที่ต้องฉีดน้ำผสมสารเคมีใส่ประชาชน

“ขอขอบคุณอย่างสูงต่อทีมการ์ด ที่ช่วยดูแลปกป้องตอนที่ตำรวจฉีดสารเคมีใส่ และหากมีโอกาสจะไปขอบคุณด้วยตัวเองนะคะ”

https://www.facebook.com/angkhana.nee/posts/10159849263108268

“ฝากถึงผู้ชุมนุมที่ยังมีอาการแสบตา แนะนำให้ล้างตาด้วยน้ำเกลือ (normal saline) และประคบเย็นนะคะ หากใครยังมีอาการแสบปอด หรือแสบจมูก ควรพบแพทย์ หรือควรใช้ยาพ่นจมูก หรือปอดจะช่วยได้มากค่ะ ทั้งนี้ ยังไม่ทราบว่าในระยะยาวสารเคมีเหล่านี้จะยังตกค้างในร่างกายหรือไม่ และจะสามารถสะสมในร่างกายนานแค่ไหน ที่สำคัญ ใครจะรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น พ่นสีใส่ป้ายยังไม่ร้ายแรงเท่ากับที่ประชาชนถูกพ่นสารเคมีใส่หน้าใส่ตาใส่ปาก นะคะ”