แมลงวันในไร่ส้ม /จับตา ‘ทิศทาง’ เนชั่น หลัง ‘ต้อย-กนก’ ออก หึ่ง ‘สุทธิชัย-อดิศักดิ์’ คืนถ้ำ

แมลงวันในไร่ส้ม

จับตา ‘ทิศทาง’ เนชั่น

หลัง ‘ต้อย-กนก’ ออก

หึ่ง ‘สุทธิชัย-อดิศักดิ์’ คืนถ้ำ

 

การเมืองร้อนแรงด้วยการชุมนุมประท้วงของม็อบเบิ้มๆ จากคนรุ่นใหม่ในชื่อ “ราษฎร” หรือ “คณะราษฎร 2563” และเสริมทัพจากฝ่ายประชาธิปไตยและคนเสื้อแดง

การเสนอข่าวของสื่อบางสำนัก เพิ่มอุณหภูมิ ทำให้เกิดปฏิกิริยาจากผู้ชุมนุม ถึงขนาดเกิดกรณีอ้างชื่อสื่อสำนักอื่นเพื่อจะสัมภาษณ์ผู้ที่ไปร่วมชุมนุม

และยิ่งร้อนแรง เมื่อเกิดม็อบอีกฝั่งออกมาชุมนุมต่อต้าน โดยมีภาคราชการออกมาร่วมชุมนุมด้วย

เกิดกรณีผู้ชุมนุมบุกไปประท้วงการเสนอข่าวของเครือเนชั่นถึงสำนักงาน และเรียกร้องให้มีการแบนสื่อเครือนี้

สำหรับสื่อเนชั่น เกิดการเปลี่ยนมือ จากกลุ่มของสุทธิชัย หยุ่น ผู้บุกเบิกก่อตั้งและสร้างชื่อ มาเป็นฉาย บุนนาค คนดังของวงการหุ้น

ขุมพลังที่ฉายในฐานะประธานกรรมการบริหาร บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) นำมาบริหารเนชั่นในยุคนี้ มาจากสื่อต่างๆ ทั้งเนชั่นเดิมและมาจากสื่ออื่น รวมถึงกลุ่มทีนิวส์ นำโดยนายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม

เดือนมิถุนายน การเปลี่ยนแปลงในพรรคพลังประชารัฐ จากกลุ่ม ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกฯ เป็นกลุ่มสนับสนุน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ พี่ใหญ่ 3 ป.

นายฉายเองมีสายสัมพันธ์กับรัฐบาลผ่านทางมาดามเดียร์ วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นภรรยาของนายฉาย

การเปลี่ยนขั้วอำนาจในพรรคพลังประชารัฐ ส่งผลต่อสถานการณ์ภายในเครือเนชั่น

เดือนถัดมา เริ่มจากมีคำสั่งให้ยุติการออกอากาศรายการเนชั่นสุดสัปดาห์กับ 3 บ.ก. ทางทีวีเนชั่น

3 บ.ก.ประกอบด้วย “สมชาย มีเสน-วีระศักดิ์ พงศ์อักษร-บากบั่น บุญเลิศ” หันไปจัดรายการออกทางยูทูบแทน

ห้วงเวลาถัดมา เนชั่นมีบทบาทด้านข่าวสาร ที่สร้างความไม่พอใจให้กลุ่มผู้ชุมนุมคณะราษฎร และยังทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง

การเสนอข่าวในแนวทางดังกล่าว ทำให้เกิดปัญหาภายในเครือเนชั่นเอง วันที่ 26 ตุลาคม นายฉายมีคำสั่งปลดนายฉัตรชัย ภู่โคกหวาย กรรมการผู้จัดการเนชั่น ซึ่งเป็นคนใกล้ชิดของสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ออกจากทุกตำแหน่งในเนชั่นทีวี

สะท้อนการแตกหักระหว่างนายฉายกับสนธิญาณ

ตามมาด้วยข่าวการยกทีมลาออกของกลุ่มนายสนธิญาณ ที่รวมถึงปอง อัญชะลี ไพรีรัก, กนก วงศ์รัตน์สกุล และคนดังวงการทีวีอีกหลายคน

โดยเตรียมนำเงินทุนจำนวนหนึ่งเข้าไปใช้ช่องนิว 18 ของเดลินิวส์ ทำรายการข่าว

ที่น่าสนใจคือ แล้วเนชั่นภายใต้นายฉายและกลุ่ม 3 บ.ก. จะเดินต่อไปอย่างไร

ระหว่างนี้มีการออกข่าวแพร่สะพัดว่า กลุ่มทุนที่โยงการเมืองบางกลุ่มจะเข้ามาซื้อเนชั่น

 

ต่อปัญหาที่เกิดขึ้น นายฉาย บุนนาค ได้เปิดการแถลงข่าวเป็นระยะ

เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน นายฉายแถลงถึงการลาออกของอัญชะลี กับสันติสุข มะโรงศรี มีผลสิ้นเดือนพฤศจิกายน ว่า เราไม่ได้ขัดแย้งกัน เพราะยังรักพี่ปอง-สันติสุขเหมือนเดิม

นายฉายระบุว่า อัญชะลีอยู่เนชั่นรอบนี้เป็นรอบที่สอง เพราะเคยทำงานที่เครือเนชั่นมาก่อนหน้านี้แล้ว ก็เป็นเรื่องปกติจริงๆ เป็นเรื่องการเปลี่ยนแปลง แต่องค์กรเราไม่ได้ล่มสลายไปกับการเปลี่ยนแปลง เรามีพนักงานอยู่เกือบพันชีวิต เราก็ทำหน้าที่ของเราเหมือนเดิม ก็เหมือนอย่างดาราช่อง 3 ย้ายไปช่อง 7 ก็เป็นเรื่องปกติ

“เราเป็นเหมือนสโมสรฟุตบอล เรามีนักเตะย้ายออกไป แต่เราก็มี academy ที่จะพัฒนาคนของเรา แต่เราก็ไม่ปิดโอกาสในการจะพูดคุยกับผู้ประกาศหรือผู้จัดรายการข้างนอก องค์กรเราไม่ได้น่าเป็นห่วง จะห่วงอะไร เพราะมีพนักงานเข้ามา ก็มีพนักงานออกไป ก็เป็นเรื่องปกติ”

ส่วนการเสนอข่าวของเครือเนชั่น การทำหน้าที่เรายังเหมือนเดิม แต่จะระมัดระวังเพิ่มขึ้น

และตอบคำถามเรื่องการปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นว่า “ไม่รู้ว่าคนที่พูดหวังผลอะไร บริษัทเราอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่มีปัญหาหนี้สิน มีเงินสดเข้าทุกวัน แน่นอนเราอาจกระทบบ้างจากภาวะเศรษฐกิจ การแบนโฆษณา แต่ไม่ได้ทำให้องค์กรกระทบ ยืนยันว่าเราไม่มีนโยบายจะเลิกจ้างพนักงานในเครือ เรามองไปถึงการจ่ายโบนัสพนักงานในปีนี้ด้วยซ้ำ”

เมื่อถามถึงข่าวลือนักการเมืองเข้ามาถือหุ้น นายฉายตอบว่า จะเป็นไปได้อย่างไร เนชั่นทีวีถือหุ้นใหญ่โดยเนชั่นมัลติมีเดียฯ 70 เปอร์เซ็นต์ แล้วหุ้นบริษัทเนชั่นฯ ไม่มีการซื้อขาย แล้วจะเปลี่ยนมือได้อย่างไร

เมื่อถามถึงข่าวคุณหญิงคนดังจะเข้ามาถือหุ้น นายฉายแจงว่า เป็นไปไม่ได้ ตอนนี้ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง โครงสร้างผู้ถือหุ้นก็ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง ก็มีเปลี่ยนแปลง แต่เปลี่ยนแปลงน้อยมาก

สุทธิชัย หยุ่น

 

และต่อมา 10 พฤศจิกายน นายฉายเปิดแถลงอีกครั้ง พร้อมนายสุภวัฒน์ สงวนงาม กรรมการผู้จัดการบริษัท นายวีระศักดิ์ พงศ์อักษร บรรณาธิการบริหารเนชั่นทีวี นายปกรณ์ พึ่งเนตร บรรณาธิการบริหารเนชั่นทวี และ น.ส.นิภาวรรณ แก้วรากมุกข์ ประธานสหภาพแรงงานเครือเนชั่น

การแถลงครั้งนี้ หลังจากชัดเจนแล้วว่า นายกนกตัดสินใจลาออก

นายฉายกล่าว ถึงข่าวการดึงคนข่าวเนชั่นในอดีตกลับมาว่า มีการพูดคุยกับผู้บริหารเนชั่นทีวีบางรายจริง

เมื่อถามว่าจะมีการพูดคุยกับนายสุทธิชัย หยุ่น หรือไม่ นายฉายตอบว่า เรามีแนวทางหารือกับผู้ถือหุ้นสำคัญทุกราย รวมถึงผู้ที่ร่วมสร้างบ้านหลังนี้

และเผยด้วยว่า ในการประชุมกรรมการบริหารครั้งที่จะถึงนี้ จะทาบทามนายอดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ อดีตผู้บริหารเนชั่นทีวี กลับมาเป็นผู้บริหารอีกครั้ง รวมถึงบุคลากรอื่นๆ อีก 6-7 ราย

น.ส.นิภาวรรณกล่าวว่า ปฏิเสธไม่ได้ว่าพนักงานฝ่ายข่าวได้รับผลกระทบจากการนำเสนอข่าวความขัดแย้งทางการเมือง ยอมรับว่ากระทบการทำงานภาคสนาม สหภาพรับฟังเสียงทั้งภายนอกและภายใน และสะท้อนถึงผู้บริหารมาตลอด พร้อมปรับแนวทางการทำงาน ซึ่งผู้อำนวยการให้ความมั่นใจว่าเราจะกลับสู่สถาบันสื่อ ที่พนักงานทุกคนให้การสนับสนุน เพื่อให้เป็นที่พึ่งของสังคมต่อไป

ส่วนนายวีระศักดิ์กล่าวว่า ผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญมามากมาย เรื่องนี้ถือว่าเล็กน้อย แต่ยอมรับว่ารู้สึกเศร้าใจที่นักข่าวภาคสนามรายงานข่าวการชุมนุมแล้วต้องหลบซ่อน ต้องห่างจากม็อบ เพราะภาพออกมาไม่ค่อยดีนัก ก็ตั้งคำถามว่าเรามาถึงขั้นนี้แล้วหรือ

“หากเรายึดตามกรอบเนชั่นเวย์มาตลอด 49 ปี ทุกคนก็จะทำงานได้อย่างภาคภูมิใจ แม้ที่ผ่านมาเราจะบิดเบี้ยวไประยะหนึ่ง แต่เมื่อเรายังมีแกนหลักอยู่ครบ วิกฤตต่างๆ ก็จะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี”

และนั่นคือบางส่วนของการแถลงสรุปปัญหาการแตกตัวที่เกิดขึ้น และต้องถือว่าเป็น “ทิศทาง” ที่น่าจับตาติดตาม