วิถีแห่งกลยุทธ์ เหมยฉางซู / เสถียร จันทิมาธร / ประกาย มีดบิน กับจิ้งหวัง (70)

เสถียร จันทิมาธร

วิถีแห่งกลยุทธ์ เหมยฉางซู/เสถียร จันทิมาธร

ประกาย มีดบิน กับจิ้งหวัง (70)

การตัดสินใจเดินอ้อมเพื่อจะผ่านไปยังสนามฝึกทหารภายในวังของจิ้งหวัง แม้เป้าหมายก็เพื่อต้องการพบกับเฟยหลิว แต่ก็ทำให้เหมยฉางซูได้รับรู้ความลึกซึ้งของจิ้งหวังมากยิ่งขึ้น

เนื่องจากเป็นการประลองระหว่างเฟยหลิวกับซีเหมิ่งทหารของจิ้งหวัง

แม้ซีเหมิ่งฝีมือสูงส่งบวกกับพลังภายในที่หนักหน่วงก็ยังไม่อาจต้านรับเฟยหลิว ต้องซอยเท้าถอยร่นหลายก้าวก่อนยกดาบสลัดวูบ

เหนือสันดาปวาววับปรากฏมีดเล่มหนึ่งพุ่งออกไปด้วยความเร็วประหนึ่งดาวตก

นี่คือสุดยอดท่าไม้ตายของซีเหมิ่ง เคยใช้กำราบศัตรูมานับไม่ถ้วน สร้างชื่อเสียงและผลงานให้เขาไม่น้อย ทว่าการจู่โจมระดับนี้ไม่เพียงพอสร้างความตื่นตระหนกแก่เฟยหลิว

เพียงปัดมือก็ปัดเอามีดกระเด็นไปปักใส่ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง

ซีเหมิ่งย่นหว่างคิ้ว ตวาดลั่น “ไป” สันดาปกระตุกวูบ แสงเงาสายหนึ่งก็พุ่งออกไปอีกครั้ง เหมยฉางซูสีหน้าไม่แปรเปลี่ยน ทว่าลูกตาดำขลับหดเล็กลงในชั่ววูบ

เพราะครั้งนี้ มีดบินเล่มนั้นกลับพุ่งมาที่คอหอยของเหมยฉางซู

 

“ไห่เยี่ยน” บรรยายตามสำนวนแปล ลี หลิน ลี่ ว่า หากเป็นหลินซูห์ในกาลก่อนมีดบินในลักษณะนี้ย่อมไม่อยู่ในสายตา ทว่าเวลานี้พลังฝีมือและเรี่ยวแรงล้วนสูญสิ้น สู้ไม่ได้แม้แต่ชายหนุ่มทั่วไป

คิดหลบเลี่ยงคมมีดเล่มนี้เกรงว่าไม่มีความเป็นไปได้เด็ดขาด

ในเมื่อหลบไม่พ้นแล้วไยต้องหลบ ดังนั้น เหมยฉางซูหยัดยืนแน่วนิ่งอยู่กับที่ ไม่ขยับแม้เศษเสี้ยว เงาร่างของเฟยหลิวเปลี่ยนเป็นมีดดาบเล่มหนึ่งในชั่วพริบตาพุ่งทะยานกวดมา

ทว่าเฟยหลิวก็ยังคงเชื่องช้าไปก้าวหนึ่ง

ตัวด้ามของมีดบินสุดท้ายถูกคว้าไว้ในมือจิ้งหวัง ปลายมีดแหลมคมห่างจากลำคอของเหมยฉางซูไม่ถึงความกว้างของ 4 นิ้วมือ ทว่าทิศทางกลับเบนข้างเล็กน้อย

ต่อให้จิ้งหวังไม่ยื่นมือ คิดว่าคงได้แค่เฉียดผ่านไป

เหมยฉางซูทำสัญลักษณ์มือบอกใบ้เฟยหลิวคราหนึ่ง ไม่มีผู้ใดเข้าใจความหมาย เห็นเพียงเฟยหลิวหยุดชะงักกิริยาทุกอย่าง

ยืนนิ่งอยู่กับที่

 

ซีเหมิ่งเกาศีรษะหัวร่อด้วยอากัปกิริยาอันขัดเขิน “พลั้งมือเสียแล้ว พวกท่านชนชั้นปัญญาชน ไม่ชินกับมีดดาบ คงตื่นตกใจไม่น้อยกระมัง”

เหมยฉางซูใบหน้าดุจน้ำค้างแข็ง ดวงตาดั่งปลายเข็มอันแหลมคมสะกดบนใบหน้าซีเหมิ่ง

ภาพเหตุการณ์ลักษณะนี้หาดูได้ไม่ยากในกองทัพ การปฏิบัติต่อทหารเข้าใหม่หรือทหารที่เพิ่งถูกโยกย้ายมา หรือกระทั่งคนอื่นๆ ที่รู้สึกไม่ชอบหน้ามักใช้ออกด้วยพฤติการณ์ข่มขวัญเช่นนี้

หากการแสดงออกของฝ่ายตรงข้ามเป็นที่พอใจก็จะสามารถเป็นที่ยอมรับในเบื้องต้น

ในอดีต หลินซูห์ก็เคยกระทำเรื่องราวเช่นนี้มาก่อน ปีนั้น ขณะที่บิดามอบหมายตำแหน่งสำคัญในกองทัพให้กับบัณฑิตผอมแห้งอายุ 40 เศษคนหนึ่ง ขุนพลน้อยซึ่งอยู่ในวัยคึกคะนองเลือดร้อน

กระแทกกระบี่ตัวเองจนหักก่อนซัดเศษชิ้นส่วนพุ่งเข้าใส่เงาร่างอ่อนแอบอบบางนั้น

ครั้งนั้นการลงโทษด้วยกระบองของบิดารุนแรงกว่าที่เคยเป็นจนเขาไม่อาจลุกจากเตียง 3 วันเต็มๆ เหมยฉางซูมั่นใจว่าจิ้งหวังต้องจดจำเหตุการณ์และคำติเตียนของบิดาเขาได้อย่างแน่นอน

ครานั้น จิ้งหวังอยู่ข้างกายหลินซูห์ ครานี้ จิ้งหวังก็อยู่ข้างกายเหมยฉางซู

 

แม้ซีเหมิ่งมิได้แฝงเจตนาร้าย แม้เป้าหมายของซีเหมิ่งมิใช่จิ้งหวัง แต่อย่างไรคมมีดของซีเหมิ่งก็พุ่งตรงมายังทิศทางที่จิ้งหวังซึ่งเป็นเจ้านายของตน

หากจิ้งหวังยังดำรงอยู่ในสถานภาพเดิมมุ่งเพียงผู้นำสูงสุดทางทหารเขาอาจเพียงแค่ยิ้มผ่านเลย

แต่สถานการณ์ตอนนี้ได้เปลี่ยนไปแล้ว เมื่อปณิธานยิ่งใหญ่ของจิ้งหวังไปไกลมากกว่าการเป็นผู้บัญชาการกองทัพสูงสุดคนหนึ่ง

คือการมุ่งหน้าสู่บัลลังก์สูงสุดแห่งต้าเหลียง

ยิ่งจำเป็นต้องอบรมผู้ใต้บังคับบัญชาของตัวเองให้ตระหนักในเดชานุภาพของนายเหนือหัว นั่นเป็นเดชานุภาพที่ไม่อาจมองข้าม ไม่อาจจาบจ้วงล่วงเกิน ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม

แล้วจิ้งหวังบริหารจัดการกับกรณีของซีเหมิ่งและมีดบินนี้อย่างไร