เผยแพร่ |
---|
ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์หลังการเคลื่อนไหวเดือนตุลาคม 2516 ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์หลังการเคลื่อนไหวเดือนพฤษภาคม 2535 มัก จะมีคนเคราะห์ร้ายเกิดขึ้นเสมอ
ไม่เพียงแต่ จอมพลถนอม กิตติขจร จอมพลประภาส จารุเสถียร พ.อ.ณรงค์ กิตติขจร
ไม่เพียงแต่ พล.อ.สุจินดา คราประยูร เท่านั้น
ตรงกันข้าม ในห้วงเดือนตุลาคม 2516 ทหารและตำรวจต้องถอดเครื่องแบบออกชั่วคราว เพราะกระแสความไม่พอใจในหมู่ประ ชาชนทะยานขึ้นสูงเป็นอย่างสูงยิ่ง
เช่นเดียวกับในห้วงเดือนพฤษภาคม 2535 เมื่อออกนอกกรมกองบรรดาทหารทั้งหลายก็ต้องทำตัวให้ลีบ เพราะสายตาที่ทอดมอง จากประชาชนไม่เป็นมิตรเท่าใดนัก
แนวโน้มของสถานการณ์หลังเดือนตุลาคม 2563 ก็เริ่มเห็นเด่น ชัดมากยิ่งขึ้นเป็นลำดับจากเสียงตะโกนอันดังมาจาก”ม็อบ”
ไม่ว่าจะเสียง”ออกไป ออกไป” ไม่ว่าจะเสียง”ขี้ข้าเผด็จการ”
เหตุการณ์ในเดือนตุลาคม 2516 เหตุการณ์ในเดือนพฤษภาคม 2535 อาจอยู่ในยุคแห่ง”อะนาล็อก” ภาพการชาร์จเข้าจับกุมก็เห็นแต่เพียงในหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์
หากแต่เมื่อเข้าสู่เดือนกรกฎาคม ต่อเนื่องมายังเดือนตุลาคม 2563 สภาพการณ์ก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
ในเบื้องต้นภาพการเข้าล็อกตัว”แกนนำ”อาจไม่ปรากฏผ่านสื่อหนังสือพิมพ์หรือสื่อโทรทัศน์มากนัก หากแต่ดังกึกก้องผ่านสื่อออนไลน์อย่างคึกคัก
ไม่ว่าจะเป็นภาพการลากตัว นายอานนท์ นำพา ไม่ว่าจะเป็นภาพการพยายามอุ้มร่างอันท้วมสมบูรณ์ของ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ เข้าสู่รถ
ยิ่งภาพการทุบกระจกรถและพยายามจะรวบตัว นายภาณุพงศ์ จาดนอก ราวกับอาชญากรฆ่าต่อเนื่อง ยิ่งอึกทึกครึกโครม
ยากอย่างยิ่งที่จะปิดข่าวได้ในยุคแห่ง”ดิจิทัล”
องค์ประกอบที่สำคัญเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นภาพการชุมนุม ไม่ว่าจะเป็นภาพการจับกุม ล้วนเป็นเรื่องและภาพอันปรากฏในลักษณะ”เรียลไทม์”แทบไม่ต้องรอคอย
บทบาทของ”เจ้าหน้าที่”เป็นอย่างไร บทบาทของ”เหยื่อ”ถูกจับ
ล้วนอยู่ในสายตา ล้วนอยู่ในความรับรู้ก่อให้เกิดอารมณ์ทั้งสะใจและโกรธแค้นตามมาอย่างกะทันหัน
ผลสะเทือนจะตามไปหลังสถานการณ์จบสิ้นแน่นอน