วิถีแห่งกลยุทธ์ เหมยฉางซู / เสถียร จันทิมาธร /จุดยืน ท่าทีแน่วแน่ เซียวจิ่งเหยียน (66)

เสถียร จันทิมาธร

วิถีแห่งกลยุทธ์ เหมยฉางซู/เสถียร จันทิมาธร

จุดยืน ท่าทีแน่วแน่ เซียวจิ่งเหยียน (66)

การตั้งข้อสังเกตของเหมยฉางซูสำคัญ “องค์ชายเคยคิดหรือไม่ คดีของซิงกั๋วกงหากลงโทษอย่างเฉียบขาด ต่อไปบัญชีแค้นต่างๆ มากกว่าครึ่งของแต่ละพื้นที่ก็จะยึดเอาคดีนี้เป็นบรรทัดฐาน

ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นที่ทำการอำเภอหรือศาลาว่าการเมืองล้วนไม่รับเรื่องร้องเรียนลักษณะนี้

แต่ต่อไปก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างขนานใหญ่ หรือท่านมั่นใจว่าจะสามารถจัดการความยุ่งเหยิงที่ตามมาหลังจากนี้ได้”

“ข้าศึกบุก ขุนพลต้าน น้ำไหลหลาก ดินอุดถม มีอันใดจัดการไม่ได้”

“ไห่เยี่ยน” ไขว่า เหมยฉางซูมาเยือนในวันนี้จุดประสงค์แรกเริ่มคือปลอบขวัญให้กำลังใจจิ้งหวังอย่าได้หวั่นเกรงในอุปสรรค แต่ดูจากสภาพ ณ เบื้องหน้า คนผู้นี้ยังคงรักษาเนื้อแท้

“มองความขรุขระดังพื้นราบ” ไว้ได้ดังเดิม

“องค์ชายมีความมั่นใจถึงเพียงนี้แม้น่านิยมชมเชย แต่วิธีการรับมือในสถานการณ์จริงยังคงสมควรต้องแตกต่างอย่างลุ่มลึก”

นี่ย่อมเป็นการมองในเชิง “ยุทธวิธี” นี่ย่อมเป็นการมองในเชิง “กลยุทธ์”

 

คําเตือนของเหมยฉางซูจึงดำเนินไปอย่างจริงจัง “พวกตระกูลใหญ่ทั้งหลายแม้ที่ผ่านมาดูเหมือนต่างคนต่างอยู่ แต่นั่นเป็นเพราะยังไม่เคยเผชิญกับเหตุการณ์ที่จำเป็นต้องร่วมมือกัน

ดังนั้น ขณะที่จัดการกับคดีที่แตกต่างกันอาจใช้กลเม็ดเพื่อให้เกิดความเหลื่อมล้ำเล็กน้อย

เช่นนี้แล้วแต่ละตระกูลย่อมได้ผลลัพธ์ไม่เท่าเทียม เมื่อไม่มีหลักการหนึ่งหลักการใดเป็นที่ตั้งย่อมไม่ก่อเกิดเป็นพันธมิตรลุกฮือขึ้นต่อต้านทางการ

นี่ไม่เพียงสามารถหยุดยั้งพฤติกรรมการยึดครองที่ดิน

หากแต่ยังสามารถยับยั้งการรวมตัวต่อต้านของพวกผู้ดีมีตระกูล เมื่อชาวไร่ชาวนาสงบสุข จำนวนคนลี้ภัยไร้ที่อยู่อาศัยก็จะลดลง ขอเพียงทุกอย่างดำเนินไปอย่างสอดคล้องตามนโยบายที่ฝ่าบาทวางไว้

นั่นจะทำให้พระองค์หันมาทอดพระเนตรองค์ชาย”

“ได้ยินคำพูดชุดใหญ่ของเหมยฉางซูดังนั้น เซียวจิ่งเหยียนถึงกับอดตื่นตะลึงมิได้ หลังนิ่งอึ้งเนิ่นนานค่อยกล่าวออกมาประโยคหนึ่ง “วาจาท่านซูถูกต้องที่สุด เพียงรู้จัก ‘เมตตาอย่างเท่าเทียม’

ซึ่งนั่นคงไม่ใช่หนทางไปสู่การบรรลุเป้าหมายสูงสุด”

 

การสนทนาระหว่างเหมยฉางซูกับเซียวจิ่งเหยียนสำคัญ ไม่เพียงแต่สะท้อนให้เห็นจุดต่างระหว่างคนทั้ง 2 หากยังสะท้อนกระบวนการในทางยุทธศาสตร์ กระบวนการในทางยุทธวิธี

“ในเมื่ออวี้หวังมีจิตคิดช่วยเหลือท่านอีกแรง

ท่านก็อย่าได้เฉยชาเกินไป หากบังเอิญเจอคนของเขากระทำผิด เลือกออกมาสักคนสองคนตัดสินให้เบาลงเพื่อเป็นการแสดงน้ำใจตอบแทน”

คิ้วเข้มของจิ้งหวังกระตุกวูบ โพล่งถามอย่างประหลาดใจ

“เขาควรปกป้องซิงกั๋วกงอย่างสุดกำลังถึงจะถูก ไฉนกลายเป็นเฉือนเนื้อก้อนโตของตัวเองมาแสดงไมตรีต่อก้อนศิลาเช่นข้า”

“เพราะเขาตระหนัก ครั้งนี้ไม่อาจฝืนพระประสงค์ของฝ่าบาทอย่างเด็ดขาด”

เหมยฉางซูยื่นมือออกไปอังเหนือเปลวไฟ แววตาสาดแสงวิบวับ “ต้องเสียซิงกั๋วกงไปยังไม่พอ หนำซ้ำสืบรู้มาอีกว่าเซี่ยอวี้มีใจให้ฝ่ายตรงข้าม ไฉนเลยไม่หวาดหวั่นได้

สำหรับเขาในเวลานี้ท่านกลับมีความสำคัญอย่างยิ่งยวดทีเดียว”

 

คําของจิ้งหวังไม่ควรมองข้าม “ได้รับคำชี้แนะเรื่องซิงกั๋วกงจากท่าน อีกทั้งยังเปิดโปงโฉมหน้าของเซี่ยอวี้ ทำให้ข้าดูมีความสำคัญขึ้นมา” จิ้งหวังแค่นเสียงเย็นชาดังเฮอะ

“ต้องขอบคุณจริงๆ”

“อย่างไร องค์ชายไม่เต็มใจจดบันทึกความดีความชอบของกระหม่อม” แม้จะรู้อยู่เป็นอย่างดีในตัวตนของจิ้งหวัง แต่เหมยฉางซูก็ยังตั้งคำถาม

เป็นการตั้งคำถามเพื่อให้คำตอบอธิบาย

“ข้าแค่ไม่อยากให้ผู้คนคิดว่า ข้ากับอวี้หวังเป็นพวกเดียวกัน” นี่คือความแจ่มชัดในทางความคิดของเซียวจิ่งเหยียน

“รัชทายาทกับอวี้หวัง ไม่ว่าคนไหนข้าล้วนไม่อยากยืนด้วย”