โฟกัสพระเครื่อง/โคมคำ/เหรียญเสมา พ.ศ.2511 หลวงพ่อย้อย ปุญญมี วัดอัมพวัน จ.สระบุรี

หลวงพ่อย้อย ปุญญมี

โฟกัสพระเครื่อง/โคมคำ [email protected]

เหรียญเสมา พ.ศ.2511

หลวงพ่อย้อย ปุญญมี

วัดอัมพวัน จ.สระบุรี

‘หลวงพ่อย้อย ปุญญมี’ หรือพระอธิการย้อย อดีตเจ้าอาวาสวัดอัมพวัน อ.เสาไห้ จ.สระบุรี พระเกจิชื่อดังที่มีวัตรปฏิบัติดีมีชื่อเสียงโด่งดัง

วัตถุมงคลจัดสร้างมาหลายรุ่น อาทิ ผ้ายันต์ ตะกรุด เหรียญ ฯลฯ แต่ที่ได้รับความนิยมคือเหรียญเสมา จัดสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2511

จัดสร้างเป็นเนื้อทองคำ ตามจำนวนสั่งจอง ไม่เกิน 50 เหรียญ เนื้อเงิน 200 เหรียญ เนื้ออัลปาก้า 500 เหรียญ เนื้อทองแดง 3,000 เหรียญ มีทั้งผิวไฟและรมดำ

ประกอบพิธีพุทธาภิเษกเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2511 ที่อุโบสถหลังเก่าวัดอัมพวัน โดยพระเกจิคณาจารย์ชื่อดังร่วมนั่งปรก อาทิ

หลวงพ่อย้อย ปุญญมี วัดอัมพวัน, หลวงพ่อแจ่ม วัดวังแดง, หลวงปู่เทียม วัดกษัตราราม จ.พระนครศรีอยุธยา, พระราชพุทธิรังษี (หลวงพ่อเจียม จิรปุญโญ) วัดโสธรวรารามวรวิหาร จ.ฉะเชิงเทรา, พระวรพรตปัญญาจารย์ (หลวงปู่เฮี้ยง) วัดอรัญญิกาวาส จ.ชลบุรี, พระครูพินิจสมาจาร (หลวงพ่อโด่ อินทโชโต) วัดนามะตูม อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี, พระครูภาวนานุโยค (หลวงพ่อหอม) วัดชากหมาก จ.ระยอง, พระราชมุนี (โฮม โสภโณ) วัดปทุมวนาราม กรุงเทพฯ, พระรักขิตวันมุนี (หลวงพ่อถิร) วัดป่าเลไลยก์ จ.สุพรรณบุรี ฯลฯ

ลักษณะเป็นเหรียญเสมา มีหู ด้านหน้าเหรียญ ตรงกลางเป็นรูปเหมือนหลวงพ่อย้อยนั่งขัดสมาธิเต็มองค์ ด้านบนรูปเหมือน เขียนว่า ‘๒๕๑๑’ ขอบเหรียญรูปใบเสมา เขียนคำว่า ‘หลวงพ่อย้อย ปุญญมี วัดอัมพวัน อ.เสาไห้ จ.สระบุรี’

ด้านหลังเหรียญ ไม่มีขอบเหรียญ ตรงกลางเหรียญเป็นพระพุทธรูป ด้านบนเขียนว่า ‘หลวงพ่อขาว’

ปัจจุบันกลายเป็นเหรียญหายาก

เหรียญเสมาหลวงพ่อย้อย (หน้า-หลัง)

 

มีนามเดิม ย้อย (ไม่ทราบนามสกุล) เกิดวันที่ 1 กรกฎาคม 2435 ปีมะโรง ที่บ้านโรงเหล้า (บ้านอัมพวัน) หมู่ที่ 3 ต.ศาลารีไทย อ.เสาไห้ จ.สระบุรี บิดา-มารดาชื่อ นายนิ่มและนางแป๋

ช่วงวัยเยาว์ สำเร็จการศึกษาชั้นประถมปีที่ 4 ที่โรงเรียนวัดวังแดงเหนือ อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา

ก่อนเข้าพิธีบรรพชาที่วัดอัมพวัน อ.เสาไห้ จ.สระบุรี เมื่อปี พ.ศ.2452 ขณะอายุ 16 ปีเศษ โดยมีพระครูสา วัดวังแดงเหนือ อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นพระอุปัชฌาย์

กระทั่งอายุครบ 21 ปี เข้าพิธีอุปสมบทที่วัดอัมพวัน เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2456 มีพระครูสา วัดวังแดงเหนือ เป็นพระอุปัชฌาย์, พระใบฎีกาโป๋ วัดวังแดงเหนือ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระใบฎีกานาค วัดสมุหประดิษฐาราม อ.เสาไห้ เป็นพระอนุสาวนาจารย์

ศึกษาวิทยาคมจากตำราต่างๆ โดยมีหลวงพ่อโป๋ วัดวังแดงเหนือ ซึ่งเป็นพระกรรมวาจาจารย์ คอยเป็นพระอาจารย์อบรมสั่งสอน

ในปี พ.ศ.2461 ท่านได้รับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดอัมพวัน

 

เป็นพระภิกษุผู้ทรงศีลบริสุทธิ์ เจริญด้วยเมตตายิ่ง ผู้ที่ได้เข้ามากราบพบท่าน จะเห็นว่า เวลาฉันภัตตาหารเช้าหรือเพล แทบจะกล่าวได้ว่า ทุกเวลาจะมีสุนัขและแมวล้อมรอบตัวและสำรับกับข้าว แต่ไม่เคยไล่ให้หนีออกไป ฉันอาหารไป ก็ให้อาหารสุนัข-แมวไปด้วยทุกครั้ง

แม้ยุงที่กัดก็ไม่เคยไล่หรือตี มีลูกศิษย์จะตีให้ก็ไม่ยอม บอกแต่เพียงว่าเขาอิ่มแล้วเขาก็ไป

คุณลักษณะพิเศษอีกอย่างหนึ่งคือ ไม่เคยขัดศรัทธาของลูกศิษย์ มีวิทยาคม แต่ใช้ในทางที่ถูก ช่วยเหลือ, ป้องกันภัย ไม่ว่าจะลงกระหม่อม ทำน้ำมนต์อาบให้ หรือปลุกเสกเครื่องรางของขลังไว้ป้องกันตัว

อีกประการหนึ่ง มีประสาทหูเสีย (หูหนวก) จึงมีสมาธิดีกว่าปกติ เพราะไม่สามารถฟังเสียงรบกวนจากบริเวณใกล้เคียง

ส่งผลให้วัตถุมงคลมีพุทธคุณเด่น

 

กล่าวสำหรับวัดอัมพวัน ม.4 ต.ศาลารีไทย อ.เสาไห้ จ.สระบุรี ตั้งอยู่ริมแม่น้ำป่าสัก ตรงข้ามกับที่ว่าการอำเภอ แต่เยื้องไปตามลำน้ำเล็กน้อย เดิมชื่อว่า ‘วัดม่วงล้อม’ เพราะบริเวณวัดปรากฏว่าเต็มไปด้วยต้นมะม่วงขนาดใหญ่ยืนต้นอยู่เป็นจำนวนมากในบริเวณวัด

โดยสมัยนั้นยังปรากฏวิหารเป็นที่ตั้งของพระพุทธรูปองค์ใหญ่ถือปูน ขนาดหน้าตักกว้าง 110 เซนติเมตร สูง 145 เซนติเมตร ซึ่งมีหลักฐานปรากฏว่าได้สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา มีอายุความเก่าแก่ประมาณ 400 ปีเศษ ในละแวกนี้เดิมมีบ้านเรือนผู้คนมาขอปลูกอาศัยเป็นจำนวนมาก

ต่อมา พระครูติ๊บ ซึ่งเป็นพระครูเมืองวัดเขาแก้ว เข้ามาปฏิสังขรณ์วัดม่วงล้อมใหญ่ สร้างกุฏิสงฆ์และอุโบสถ แล้วให้นามวัดว่า ‘วัดอัมพวัน’ นับตั้งแต่นั้นมาจวบจนปัจจุบัน โดยมีหลวงตาจั่นเป็นเจ้าอาวาส และเมื่อมรณภาพไปแล้ว จึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสแทน

เป็นพระที่มีจิตดี ไม่มีความโกรธ มีบุคลิกที่มีความเมตตายิ้มแย้มแจ่มใสเสมอ เมตตาต่อสรรพสัตว์น้อยใหญ่ มีความอิ่มเอิบสดชื่นเสมอๆ มีบารมีผ่องใสอยู่ในตัว ประกอบกับการที่มีสมาธิแก่กล้า เข้มขลัง จึงสามารถทำให้วัตถุมงคลบรรลุผลแห่งพุทธคุณด้านเมตตามหานิยมได้อย่างเต็มที่ เมื่อได้ปลุกเสกโดยการปรุงใจตามวิธีการปลุกเสกของตำราโบราณ

ช่วงบั้นปลายชีวิต เกิดล้มป่วยด้วยโรคหัวใจ จึงถูกส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลศิริราช แต่ด้วยความชราภาพ ในที่สุดท่านมรณภาพลงอย่างสงบ เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2525

สิริอายุ 90 ปี พรรษา 69

หลังมรณภาพ สังขารหลวงพ่อย้อยไม่เน่าเปื่อย วัดอัมพวันนำสังขารบรรจุไว้ในโลงแก้วให้ประชาชนได้สักการะขอพร ทุกปีจะนำสังขารทำความสะอาด ปิดทอง และเปลี่ยนสบงจีวรใหม่ มีประชาชนมาร่วมพิธีจำนวนมาก

 

บรรยายภาพ

1.หลวงพ่อย้อย ปุญญมี

2.เหรียญเสมาหลวงพ่อย้อย (หน้า)

3.เหรียญเสมาหลวงพ่อย้อย (หลัง)