กรองกระแส / ก้าวไกล ก้าวหน้า ขับเคลื่อน ทิศทางประเทศ เข้าสู่ การเมืองใหม่

กรองกระแส

 

ก้าวไกล ก้าวหน้า

ขับเคลื่อน ทิศทางประเทศ

เข้าสู่ การเมืองใหม่

 

บทบาทของคณะก้าวไกลที่ขับเคลื่อนโดยนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล น.ส.พรรณิการ์ วานิช กำลังได้รับการเฝ้ามองอย่างเป็นพิเศษ

ทั้งด้วยความชื่นชม ทั้งด้วยความหงุดหงิด

ไม่ว่าเมื่อนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ออกมาบรรยายในกาละและเทศะแตกต่างกัน ไม่ว่าเมื่อนายปิยบุตร แสงกนกกุล เปิดการสอนทางออนไลน์ ไม่ว่าเมื่อ น.ส.พรรณิการ์ วานิช เปิดสิ้มจิ๊ด เอ็นเตอร์ไพรส์

ยิ่งเมื่อคณะก้าวหน้าประกาศส่งตัวแทนลงสมัครรับเลือกตั้งระดับท้องถิ่น ยิ่งสร้างความตื่นตะลึง

เพราะมิได้เป็นการประกาศเฉยๆ ตรงกันข้าม นายปิยบุตร แสงกนกกุล ยังตระเวนไปตามจุดต่างๆ อันเป็นเป้าหมายสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือภาคเหนือ

ประสานกับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ลงพื้นที่ภาคใต้คู่ขนานกับ น.ส.พรรณิการ์ วานิช

เกิดคำถามตามมาว่า การเคลื่อนไหวเหล่านี้จะขัดกับคำสั่งตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 10 ปีพร้อมกับคำสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่หรือไม่

นี่จะไม่เป็นการใช้สิทธิทางการเมืองทั้งๆ ที่ถูกตัดสิทธิละหรือ

 

การยุบพรรคการเมือง

กับสิทธิทางการเมือง

หากศึกษาสถานการณ์ทางการเมืองนับแต่มีการยุบพรรคไทยรักไทยเมื่อเดือนพฤษภาคม 2550 การยุบพรรคพลังประชาชนเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2551 การยุบพรรคไทยรักษาชาติเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2562

ผลก็คือ เกิดสภาพยุติบทบาททางการเมืองเกือบจะโดยสิ้นเชิง

แม้จะมีพรรคพลังประชาชนเกิดขึ้นในการเลือกตั้งเดือนธันวาคม 2550 แต่บรรดาคนบ้านเลขที่ 111 ที่ถูกตัดสิทธิทางการเมืองจากคำสั่งยุบพรรคไทยรักไทยก็หมดบทบาททางการเมือง

อาจกระทำโดยการส่งเครือญาติหรือพวกพ้องลงสมัครรับเลือกตั้ง แต่ตนเองมิอาจทำอะไรได้

คำสั่งยุบพรรคไทยรักไทยเมื่อเดือนพฤษภาคม 2550 คำสั่งยุบพรรคพลังประชาชนเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2551 อาจเป็นเช่นนั้น

แต่ต่อคำสั่งยุบพรรคไทยรักษาชาติเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2562 อาจไม่เป็นเช่นนั้น

แม้กรรมการบริหารพรรคส่วนหนึ่งที่ถูกตัดสิทธิอาจไม่แสดงบทบาทอะไรเลยในทางการเมือง แต่ก็มีแกนนำบางคนที่ไม่ถูกตัดสิทธิ อย่างเช่น นายจาตุรนต์ ฉายแสง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ยังแสดงบทบาทอยู่

ตรงนี้อาจเป็นบทเรียนในกรณีพรรคอนาคตใหม่เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2563

 

ยุบพรรคอนาคตใหม่

ก้าวไกล ก้าวหน้า

วันเดียวกันกับที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่ กรรมการบริหารพรรคที่ถูกตัดสิทธิทางการเมืองประกาศทันทีว่าจะเคลื่อนไหวในนาม “คณะอนาคตใหม่”

แต่เมื่อคำว่า “อนาคตใหม่” ไม่อาจใช้ได้จึงเปลี่ยนเป็น “คณะก้าวหน้า”

ขณะเดียวกัน ส.ส.จำนวนหนึ่งที่ยังไม่ถูกตัดสิทธิทางการเมืองได้รวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนจำนวนรวมทั้งสิ้น 54 คนพร้อมเดินหน้าไปภายใต้ร่มธงแห่ง “พรรคก้าวไกล”

จึงเท่ากับ 1 เกิดพรรคก้าวไกล และ 1 เกิดคณะก้าวหน้า

แม้ในเบื้องต้นพรรคก้าวไกลอาจยังเก้งก้างไม่คล่องตัว แต่เมื่อเข้าสู่วาระแห่งการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 พรรคก้าวไกลก็ยืนหยัดอย่างมั่นคง

ภายใต้การนำของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และการหนุนเสริมของ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล

ยิ่งกว่านั้น คณะก้าวหน้าโดยนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล น.ส.พรรณิการ์ วานิช ก็นำเสนอกิจกรรมอย่างไม่ขาดสาย ยึดครองพื้นที่ข่าวได้อย่างต่อเนื่อง

ราวกับไม่เคยมีการยุบพรรคอนาคตใหม่บังเกิดในเดือนกุมภาพันธ์ 2563

 

2 ขา ทางการเมือง

ก้าวไกล ก้าวหน้า

รูปธรรมในทางการเมืองก็คือ พรรคก้าวไกลดำเนินการเมืองในกระสวนเดียวกันกับที่พรรคอนาคตใหม่เคยสร้างปรากฏการณ์มาแล้วอย่างคึกคัก

ไม่ว่าในสภาผู้แทนราษฎร ไม่ว่าในทางสังคม

ขณะเดียวกัน คณะก้าวหน้าก็นำเสนอกิจกรรมอันเป็นการปักธงในทางความคิดอย่างต่อเนื่อง และเมื่อเข้าสู่เดือนมิถุนายนก็ประกาศความพร้อมที่จะลงต่อสู้ในการเลือกตั้งท้องถิ่น

กำหนดจุดเป้าหมายไม่ต่ำกว่า 17 จังหวัด ครอบคลุมจำนวน 4,000 หน่วย

พร้อมกันนั้น พรรคก้าวไกลก็ประกาศความพร้อมที่จะส่งตัวแทนลงชิงในสนามเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครครบถ้วนตามกระบวนการ

ไม่ว่าตัวผู้ว่าฯ กทม. ไม่ว่าสมาชิกสภา กทม. ไม่ว่าสมาชิกสภาเขต

เท่ากับยืนยันว่า พรรคก้าวไกล กับคณะก้าวหน้า แบ่งกันเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างเป็นเอกเทศ แต่ก็ประสานสอดคล้องอย่างเป็นระบบ

ยืนยันในทิศทางของพรรคก้าวไกล ยืนยันในทิศทางของคณะก้าวหน้า

 

ผลทางการเมือง

ก้าวไกล ก้าวหน้า

เส้นทางของพรรคก้าวไกล เส้นทางของคณะก้าวหน้า ยังต้องผ่านการเคี่ยวกรำ ยังต้องผ่านการพิสูจน์จากสภาพความเป็นจริงของการเมืองไทย

ผลทางการเมืองในด้านดีก็มี ผลทางการเมืองในด้านร้ายก็อาจจะมี

ตลอด 2 รายทาง ไม่ว่าพรรคก้าวไกล ไม่ว่าคณะก้าวหน้า ย่อมต้องประสบแรงเสียดทานในสภาพเดียวกันกับที่พรรคอนาคตใหม่เคยประสบมาแล้ว

เป้าหมายยังมุ่งมั่นในการบดขยี้และทำลาย

ขณะเดียวกัน ผลทางด้านดีก็คือ ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวในหลายพรรคการเมือง และทำให้เกิดกลุ่มใหม่ในทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มที่เป็นมิตร ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มที่มุ่งสกัดขัดขวาง

         กระนั้น ก็ต้องยอมรับในบทบาทของพรรคก้าวไกล และคณะก้าวหน้า