“นิสสัน ลีฟ” “บีเอ็มฯ ไอ3” สุดยอดยานยนต์ไฟฟ้า

หากไม่มีอะไรผิดพลาด เชื่อว่าภายใน 5 ปีจากนี้เมืองไทยจะมีรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ทั้งแบบ “ปลั๊กอิน ไฮบริด” รถยนต์ลูกผสมไฟฟ้า+น้ำมัน ที่สามารถชาร์จไฟได้โดยตรง และรถ “อีวี” (EV-Electric Vehicle) ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเพียวๆ เติมพลังงานด้วยการชาร์จไฟ วิ่งมากขึ้น มากขึ้น และมากขึ้นเรื่อยๆ

หลังจากรัฐบาลชุดปัจจุบันเห็นชอบมาตรการสนับสนุนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าให้เกิดขึ้นในประเทศไทย อย่างจริงจังมากขึ้น จากก่อนหน้านี้เป็นนโยบายสนับสนุนแผนระยะยาวถึง 20 ปี หวังให้มีรถไฟฟ้าวิ่งในเมืองไทยเกิน 1 ล้านคัน

มติ ครม. ออก 6 มาตรการสำคัญสนับสนุน ทั้งความง่ายของการตั้งโรงงานผลิตรถ แบตเตอรี่และอุปกรณ์ต่างๆ ได้สิทธิ์ยกเว้นภาษีนิติบุคคลสูงถึง 10 ปี

มาตรการลดภาษีสรรพสามิตรถยนต์ไฟฟ้าแบบไฮบริด และปลั๊กอิน ไฮบริด จากที่จัดเก็บภาษีในอัตรา 10% เหลือเพียง 5% รถยนต์ไฟฟ้าแบบอีวี เหลือเพียง 2%

ต่อมาเป็นมาตรการให้หน่วยงานภาครัฐสนับสนุนรถยนต์ประเภทนี้ เพื่อกระตุ้นตลาดในช่วงแรก อาทิ ให้ทุกส่วนราชการจัดซื้อรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ 20% ของรถยนต์ใหม่ทั้งหมดที่จัดซื้อ

กระทรวงคมนาคม เช่ารถยนต์ ปลั๊กอิน ไฮบริด และรถยนต์ไฟฟ้า มาใช้เป็นรถยนต์บริการของสนามบิน (ลิมูซีน) เพิ่มขึ้น

กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นำรถยนต์ไฟฟ้าใช้ในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี)

กระทรวงพลังงาน ศึกษาความเป็นไปได้ให้นำรถแท็กซี่ มาเปลี่ยนเป็นรถยนต์ไฟฟ้าในลักษณะเดียวกับการเปลี่ยนรถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้า รวมถึงสนับสนุนให้เพิ่มสถานีชาร์จ ในพื้นที่เป้าหมายและถนนหลัก จำนวน 43 สถานี ฯลฯ

ตั้งเป้าว่าภายใน 5 ปีจากนี้เมืองไทยจะผลิตรถยนต์ไฟฟ้า และไฮบริด ปลั๊กอิน อย่างน้อย 2-3 หมื่นคัน และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

Nissan LEAF 2017

การคลอดมาตรการสนับสนุนช่วงเปลี่ยนผ่านรถใช้น้ำมันมาเป็นปลั๊กอิน ไฮบริด และรถอีวี ถือว่าเป็นมาตรการที่ครอบคลุมอย่างมาก และน่าจะช่วยผลักดันให้รถยนต์ไฟฟ้าเกิดขึ้นในประเทศไทยง่ายขึ้น ยิ่งปัจจุบันรถยนต์ไฟฟ้าถือว่าเป็นเทรนด์ที่ทั่วโลกมุ่งมั่นจะไปให้ถึงเป้าหมาย โดยเฉพาะในแถบยุโรป อเมริกา และจีน ถึงขั้นออกมาตรการบังคับให้นำรถยนต์ไฟฟ้ามาจำหน่ายมากขึ้น

ที่สำคัญทั่วโลกมีเทคโนโลยีผลิตพลังงานไฟฟ้าจากธรรมชาติทั้งลม และแสงอาทิตย์ ทำให้ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าน้อยลงและยั่งยืนกว่า

ในเมืองไทยการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานธรรมชาติได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งกับพลังงานแสงอาทิตย์ที่เมืองไทยมีเหลือเฟือเพราะแดดเปรี้ยงเกือบทั้งปี

นอกจากนี้ การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าทั้งปลั๊กอิน ไฮบริด และอีวี แทบทุกค่ายรถมีโนว์ฮาวนี้อยู่แล้ว

Nissan LEAF 2017

แม้ปัจจุบันรถยนต์ไฟฟ้ายังมีข้อจำกัดเรื่องระยะทางที่ทำได้น้อยกว่ารถใช้น้ำมัน แต่ก็ค่อยๆ ทำระยะทางมากขึ้นได้เรื่อยๆ ทั้งมีหลายค่ายประกาศว่าภายใน 5 ปีจากนี้ จะผลิตรถไฟฟ้าที่ชาร์จไฟ 1 ครั้ง สามารถวิ่งได้เทียบเท่ากับการเติมน้ำมัน 1 ถัง

ส่วนเรื่องสมรรถนะเครื่องยนต์ แทบไม่หนีกันมากแถมรถไฟฟ้ายังได้เปรียบที่แรงบิดมากกว่าด้วย

ขณะที่เรื่องราคาถือว่าอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน แม้ในประเทศไทยราคาจะยังสูงอยู่เพราะปัญหาเรื่องภาษี แต่หากดูราคาขายที่ต่างประเทศถือว่าไม่ต่างกันมาก และรถไฟฟ้าจะยิ่งถูกลงเรื่อยๆ หากผลิตในจำนวนมากขึ้น

Nissan LEAF 2017

ในส่วนของรถยนต์ไฟฟ้าเพียวๆ หรืออีวี ที่ถือว่าโด่งดังและเป็นเจ้าแรกที่ผลิตออกมาจำหน่ายเชิงพาณิชย์ ไม่พ้น “นิสสัน ลีฟ” (Nissan LEAF) เปิดครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2553 หรือปี ค.ศ.2010 มียอดจำหน่ายสะสมกว่า 225,000 คัน ใน 46 ประเทศทั่วโลก ถือว่าเป็นรุ่นที่มียอดขายสูงสุด

Nissan LEAF 2017

ปีที่แล้ว “นิสสัน ลีฟ” ใหม่ ออกสู่ตลาด ติดตั้งแบตเตอรี่รุ่นใหม่แบบ “ลิเธียม ไอออน” ความจุ 30 กิโลวัตต์ชั่วโมง แทนรุ่นเดิมที่ใช้ขนาด 24 กิโลวัตต์ชั่วโมง ทำให้ใช้งานได้นานขึ้น 20% หรือประมาณ 280 กิโลเมตร ต่อการชาร์จไฟหนึ่งครั้ง

พัฒนาประสิทธิภาพการขับขี่ให้ดียิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอัตราเร่ง ความเงียบภายในห้องโดยสาร รวมถึงการควบคุมรถ ด้วยการออกแบบแบตเตอรี่ที่มีขนาดเล็กและบางลง นอกจากมีความจุไฟฟ้าสูงแล้วยังมีจุดเด่นคือน้ำหนักลดลง ช่วยให้รถเดินทางได้ไกลขึ้น

Nissan LEAF 2017

ออกแบบพื้นที่จัดเก็บที่มีประสิทธิภาพ นอกจากการนั่งที่สะดวกสบายแล้ว พื้นที่เก็บสัมภาระของนิสสัน ลีฟ ยังมีความจุถึง 330 ลิตร เก็บถุงกอล์ฟได้ถึง 2 ถุง โดยไม่ต้องพับเบาะนั่งด้านหลัง

เซลล์แบตเตอรี่มีพื้นที่ผิวหน้าขนาดใหญ่ ช่วยให้การระบายความร้อนดีขึ้นใช้งานที่ยาวนานขึ้น และมีความเสถียร มอเตอร์ไฟฟ้า เป็นแบบ AC 3 เฟส ให้กำลังสูงสุด 80 กิโลวัตต์ แรงบิดสูงสุด 280 นิวตัน-เมตร

อัตราเร่งในช่วงความเร็วต่ำไปจนถึงช่วงกลาง เทียบได้กับรถยนต์น้ำมันขนาดความจุ 3.0 ลิตร

ลีฟทำความเร็วสูงสุดได้ 145 กิโลเมตร/ชั่วโมง ไม่มีแรงสั่นสะเทือนหรือเสียงดังเหมือนเครื่องยนต์สันดาป

ราคาขายเมืองนอกคิดเป็นเงินไทยราวๆ 1 ล้านบาท

Nissan LEAF 2017

รถอีวี อีกรุ่นที่ถือว่ามาแรงและเคยมาอวดโฉมในเมืองไทย คือบีเอ็มดับเบิลยู “ไอ3” (i3) โดยตระกูล “ไอ” ของบีเอ็มฯ คือกลุ่มรถไฟฟ้า หรือไฮบริด ปลั๊กอิน ที่โด่งดังอีกรุ่นคือ “ไอ8” ปลั๊กอิน ไฮบริด รูปร่างหน้าตาล้ำสุดๆ

“ไอ3” มีขนาดกะทัดรัด จุดเด่นพิเศษคือ “Black Belt” แถบคาดดำที่ทอดตัวยาวตั้งแต่กระโปรงหน้า หลังคารถ ไล่ไปจนถึงท้ายรถ

BMW i3

กระจังหน้ารูปไตคู่ เอกลักษณ์ของค่ายใบพัดฟ้าขาว ไฟหน้า LED รูปตัวยู โดดเด่นด้วยแถบสีน้ำเงินหรือ Frozen Grey ที่พาดผ่านตะแกรงหน้ารถ

ประตูหลังเป็นกระจกสีดำเข้มชิ้นเดี่ยว ให้ภาพลักษณ์โฉบเฉี่ยว ประดับด้วยไฟท้ายรูปตัวยูเฉกเช่นเดียวกับไฟหน้า

ภายในเน้นออกแบบล้ำๆ ไม่ต่างจากรุ่น “ไอ8”

BMW i3

ด้วยความเป็นรถรักษ์สิ่งแวดล้อม ทำให้บีเอ็มฯ เลือกใช้วัสดุที่จากธรรมชาติ เช่น เส้นใย KENAF พืชตระกูลฝ้าย ใช้วัสดุทดแทนถึง 25% ของพลาสติกที่ใช้ภายในตัวรถเป็นวัสดุรีไซเคิล

มอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 170 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0 ถึง 60 ก.ม./ช.ม. ภายในระยะเวลาต่ำกว่า 4 วินาที

BMW i3

กลไกเบรกรถผ่านคันเร่ง จาก E-Drive ทันทีที่ผู้ขับขี่ยกเท้าออกจากคันเร่ง มอเตอร์ไฟฟ้าจะทำหน้าที่เป็นเครื่องปั่นไฟส่งพลังงานที่ได้จากการเคลื่อนไหวของล้อกลับไปยังแบตเตอรี่

วิ่งด้วยไฟฟ้าได้ไกล 130 กิโลเมตร โดยมีระบบนำทางและช่วยคำนวณ ทั้งระดับแบตเตอรี่ รูปแบบการขับขี่ และสภาพของถนน แสดงรัศมีระยะทางที่สามารถเดินทาง

สนนราคาที่เมืองนอกคิดเป็นเงินไทยประมาณ 1.5 ล้านบาท

BMW i3