พล.อ.ชัยชาญ ลั่น ซื้อเรือดำน้ำ ไม่ได้รบกับใคร แต่มีไว้รักษาความมั่นคงทางทะเล

บิ๊กช้าง ลั่น ซื้อเรือดำน้ำ ไม่ได้รบกับใคร แต่มีไว้รักษาความมั่นคงทางทะเล

เมื่อวันที่ 1 ก.ค. ที่รัฐสภา จากกรณี นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย อภิปรายถึงงบประมาณปี 64 ที่ตั้งไว้ 3.30 ล้านล้านบาท

พร้อมกล่าวถึงงบ กองทัพเรือยัง ที่ได้เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วอีกพันกว่าล้านเป็น 4.8 หมื่นล้านบาท ขณะที่ประชาชนประสบภัยแล้งและโควิด แต่ไม่มีเงินช่วยเหลือ ทว่ากลับเอางบไปซื้อเรือดำน้ำ ทั้งที่งบเรือดำน้ำสามารถตัดทิ้งได้ แต่ไม่ทำ

จน พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม ได้กล่าวชี้แจงในประเด็นดังกล่าวว่า โครงการจัดซื้อเรือดำน้ำเป็นโครงการปี 2563 แต่ต้องชะลอไว้ เพื่อโอนงบเข้าสู่งบกลางเพื่อนำไปช่วยโควิด จึงต้องมาดำเนินการในปี 2564 แทน

อย่างไรก็ตาม ความมั่นคงเศรษฐกิจทางทะเลของประเทศที่มีอาณาเขตติดต่อกัน ถือว่ามีความสำคัญอย่างมาก ประเทศในภูมิภาคให้ความสำคัญในการเพิ่มดุลอำนาจทางทะเล โดยมีถึง 4 ประเทศอาเซียนที่มีเรือดำน้ำเข้าประจำการ

ซึ่งการจัดซื้อแต่ละครั้งมีระยะเวลาในการดำเนินการ ซื้อปีนี้กว่าจะเสร็จเข้าประจำการณ์ได้ใช้เวลาอีก 6-7 ปี หากเริ่มโครงการในปีงบประมาณ 2564 จะได้เรือในปี 2569 เลยทีเดียว ซึ่งเรื่องนี้จะทำให้เราเสียเปรียบดุลทางทะเลกับประเทศอาเซียนถึง 8-10 ปี

แม้ว่าจะไม่ได้เอาไปรบกับใคร แต่เป็นการรักษาความมั่นคงทางทะเล เป็นยุทธศาสตร์ของกองทัพเรือในการรักษาผลประโยชน์ทางทะเลของประเทศที่มีสูงถึง 24 ล้านล้านบาท โดย 95 % ของสินค้าล้วนเป็นการขนส่งทางทะเล โดยขณะนี้มีเรือผ่านน่านน้ำไทยสูงถึง 15,000 ลำต่อปี และมีแนวโน้มมากขึ้นทุกปีด้วย ดังนั้นการจัดซื้อเรือดำน้ำจึงเป็นเรื่องการรักษาผลประโยชน์ทางทะเล เป็นยุทธศาสตร์ของกองทัพเรืออย่างโปร่งใส่ในการจัดซื้อ สามารถตรวจสอบได้