สถานีคิดเลขที่ 12 โดย สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร / แข่ง”ดี”

สถานีคิดเลขที่ 12 /สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

————————-

แข่ง”ดี”

————————-

ระหว่างที่ รอ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ขึ้นสู่หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)เต็มตัว

และรอเมื่อไหร่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะสุกงอม พร้อมจะปรับคณะรัฐมนตรี ตาม”อำนาจของผม”

ซึ่งคาดหมายว่าคงต้องใช้เวลาร่วมเดือน

ห้วงเวลาที่”รอ”นี้

ถือเป็นนาทีทอง ของฝ่ายทั้งที่เป็นเป้าหมาย”ปรับออก” และ”ปรับเข้า”ครม. จะต้องเร่งสร้างผลงาน

แข่งโชว์ ความเป็น ฝ่าย”คนดี” ให้เข้าตา คนตัดสินใจให้ได้

โดยเฉพาะ เมื่ออีกฝ่ายชิงชูธง #เซฟคนดี-คนดีต้องมีที่ยืนในการเมืองล่วงหน้าไปแล้ว

อีกฝ่ายก็คงต้องหาช่อง โชว์ “ดี”แข่งเช่นกัน จะงอมืองอเท้าไม่ได้

เดี๋ยวตกรถไฟขบวนตึกไทยคู่ฟ้า

ซึ่งที่ผ่านมา ก็แลเห็นการแข่งดี กันอยู่นะ

ดีแรก ที่ต้อง ของคารวะและขออภัย

ด้วยก่อนหน้า คอลัมน์นี้ เคยปรามาส ไว้ว่า การตั้ง คณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญติดตามตรวจสอบการใช้จ่ายเงินตาม พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังเพื่อแก้ปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากเชื้อโควิด-19

คงเป็นแค่”หวังเหวิด”

ฝ่ายรัฐบาลไม่เอาด้วยแน่

แต่ปรากฏผิดคาด

กมธ.ชุดดังกล่าว คลอดออกมาแล้ว

ซึ่งก็คงทำให้ การติดตามงบ1.1ล้านล้าน เพิ่มความรอบคอบมากขึ้น

ยกความดีให้ นายกรัฐมนตรี ที่ แม้จะไม่หนุนแต่ก็เปิดช่องให้สภาตัดสิน

ซึ่งจะโดยการผลักดันของ ทีมนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ และ 3กุมาร

หรือจะโดยการประสานงานของ นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล ไม่ทราบ

แต่ที่สุดกมธ.วิสามัญชุดนี้ ก็ถูกผลักดันออกมาสำเร็จ

เป็นกลไกของฝ่ายนิติบัญญัติ ที่คงเป็นหูเป็นตา แทนประชาชน ในการดูแลเงินก้อนมหึมานี้ ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

ควบคู่ไปกับ คณะกรรมกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในฟากรัฐบาล ที่จะเป็นด่านหน้าในการดูแล

ซึ่งเท่าที่ดูเบื้องต้นก็น่าหนักใจ

เพราะโครงการที่เสนอเข้ามานอกจากเกินวงเงิน 4.4แสนล้านไปแล้ว

เนื้อในของโครงการ ดูไร้ยุทธศาสตร์

บางโครงการมาแปลกๆ จำเป็นต้องกลั่นกรองและตรวจสอบกันหนัก

ทั้งรัฐมนตรีและส.ส.โดยเฉพาะในพรรคหลักอย่างพปชร. คงต้องโชว์ “ความดี”ด้วยการเอ็กซ์เรย์อย่างละเอียด

และเน้นผลักดันโครงการที่น่าจะเป็นประโยชน์จริงๆ

อย่างวันก่อน ที่นายสมคิด โชว์เอง

บุกไปหานายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม(อว.)

กระตุ้น โครงการ อว.สร้างงาน จ้างงานบัณฑิตตกงานกว่า 10,000 คน โดย 42 หน่วยงานของ อว. เป็นเวลา 4 เดือน เดือนละ9,000 บาท

และพร้อมลุย ระยะที่2 ขยายเป็น 32,000 คนใน 72 หน่วยงาน

ซึ่งหากทำได้รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ

เชื่อว่า กระแส #เซฟคนคนดี คงเท มาข้างนี้ ทำให้เก้าอี้มั่นคง ขึ้นอีกมากแน่นอน

แต่ก็คงต้องผลักดันโครงการออกมา เรื่อยๆ หยุดไม่ได้

เพราะอีกฟาก ก็แข่ง “ทำดี”เช่นกัน

โดยก่อนหน้าไม่กี่วัน พล.อ.ประวิตร วอร์มก่อนเป็นหัวหน้าพรรคตัวจริง

ไปตรวจปัญหาภัยแล้ง และ ติดตามการแก้ไขปัญหาน้ำแล้งในพื้นที่จ.เลย

ผลักดันนวัตกรรมการพัฒนาน้ำบาดาลให้เป็นต้นแบบการนำไปใช้แก้ไขปัญหาภัยแล้ง ในพื้นที่นำร่องใน 6 จังหวัดได้แก่กาญจนบุรี ลำพูน เพชรบูรณ์ ยโสธร เลย และสระแก้ว

ถึงร่างกายจะไม่อำนวย แต่พล.อ.ประวิตร ก็ลุยแหลกเหมือนกัน

ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าสนับสนุน ที่แข่งกันเป็น คนดี ทำดี

อย่างน้อยจะได้ไล่กลิ่นน้ำเน่าในพรรค ให้จางๆลงบ้าง