ศุกร์ 15 พ.ค.63 พลโทภราดร พัฒนถาบุตร เลขานุการคณะกรรมการกิจการพิเศษพรรคเพื่อไทยอดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) กล่าวถึงการที่วุฒิสมาชิก(ส.ว.)บางคนออกมาระบุว่ารัฐบาลสืบทอดอำนาจกำลังจะไปไม่รอด ขอให้รัฐบาล ข้าราชการและส.ว.ร่วมมือกันปฏิรูปประเทศอย่างเร่งด่วนจริงจัง แต่ไม่พูดถึงส.ส. การออกมาระบุเช่นนั้นเพื่อกันท่าว่าถ้านายกรัฐมนตรีสืบทอดอำนาจต้องตกเก้าอี้ไป คนใหม่ที่มาแทนต้องเป็นพวกตัวเองเท่านั้น ช่างไม่สำเหนียกเลยว่าที่มาของรัฐบาลและส.ว.นั้น ประชาชนเขารู้ทันแล้วว่าเข้ามาด้วยการเขียนกติการัฐธรรมนูญให้พวกพ้องได้เข้ามากินตำแหน่งกันเอง ไม่ได้รับฉันทานุมัติจากประชาชนแต่ประการใด แต่ที่น่าสนใจคือเมื่อเกิดวิกฤติการณ์โควิด-19 ขึ้น ผลโพลกลับชี้ว่าประชาชนต้องการคนที่ชื่อทักษิณ ชินวัตร หรือ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ มาเป็นนายกรัฐมนตรีแก้วิกฤติปัญหาให้กับบ้านเมือง แม้ทั้งคู่จะมีอายุที่ห่างกัน แต่ต่างมีจุดเด่นคือเป็นคนรุ่นใหม่ที่เราหมายถึงคนที่มีวิสัยทัศน์ ทันสมัย คิดใหม่ ทำเป็นนั่นเอง แต่ทั้งสองคนได้ถูกกำจัดให้พ้นทางเลือกเสียแล้ว

แต่ขอให้จับตาดู เมื่อปลดล็อกพ.ร.ก.ฉุกเฉินเมื่อใด การจัดประชุมใหญ่ของพรรคการเมืองที่ชะลอไว้ต้องเกิดขึ้น เมื่อนั้นเราจะได้เห็นภาพการจัดองคาพยพใหม่ของเหล่าพรรคการเมืองไม่ว่าจะเป็นพรรคเก่าหรือพรรคใหม่ที่เกิดเพิ่มขึ้น ควบคู่กับการได้เห็นตัวบุคคลคนรุ่นใหม่อีกเยอะที่เสนอตัวมาเป็นทางเลือกใหม่ให้กับพี่น้องประชาชน กรุงศรีอยุธยาไม่เคยสิ้นคนดีหรอก

พล.ท.ภราดรกล่าวเพิ่มเติมว่า 6ปีที่ผ่านมาบวกกับวิกฤติการณ์โควิด ประชาชนได้เรียนรู้ทั้งนำ้ตาและเชื่อว่าความอยุติธรรมและความอดอยากแร้นแค้นที่รัฐบาลก่อกรรมทำเข็ญไว้ มันกำลังจะพาเราย้อนไปย่ำซ้ำรอยประวัติศาสตร์คือการล้มลงของรัฐบาลด้วยน้ำมือของประชาชนเฉกเช่นเคย แต่ทางออกจะไม่ซ้ำรอยเดิมเพราะคนรุ่นใหม่จากหลายพรรคการเมืองได้พร้อมเสนอตัวให้ประชาชนมีทางเลือกผู้นำคนใหม่ไว้แล้ว