ในประเทศ : โควิดรุมเร้า-การเมืองเร่าร้อน ล่าสุด ชุดตรวจแผลงฤทธิ์ ร้องสอบชุลมุน

หลังจากมีการประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินหรือ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไปตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคมที่ผ่านมา ทำให้อำนาจของรัฐมนตรีทุกกระทรวง เป็นอำนาจของ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี ที่จะเป็นผู้บริหารทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียว เว้นเสียแต่จะมีการแต่งตั้งผู้หนึ่งผู้ใดมาทำหน้าที่แทน

ทำให้หลังๆ แทบจะไม่เห็นภาพรัฐมนตรีกระทรวงอื่นๆ ปรากฏเป็นข่าวอย่างที่เคยเป็น แม้แต่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ก็ไม่มีรัฐมนตรีร่วมเป็นกรรมการด้วย

จะเห็นรัฐมนตรีก็ต่อเมื่อวันประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เท่านั้น

 

ช่วงที่ผ่านมา ตั้งแต่เกิดโรคระบาดโควิด-19 รัฐบาลมีแต่ข่าวด้านลบ ทั้งเรื่องหน้ากากอนามัย 200 ล้านชิ้นที่มีปัญหา จนท้ายที่สุด “รองนายกฯ วิษณุ เครืองาม” ออกมาว่า เป็นตัวเลขคลาดเคลื่อน มีความเข้าใจผิดเกิดขึ้น ขอให้คิดเสียว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น

ไปจนถึงเรื่องไข่แพง จนเดือดร้อนกันไปทั่ว และเป้าทั้งหมดก็ตกไปอยู่ที่ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โดยมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จจริง

เพราะมีกระแสข่าวว่า คนใกล้ชิดจากพรรคประชาธิปัตย์เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งเรื่องก็ยังเงียบ ยังไม่ปรากฏความคืบหน้าผลการสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น

ในขณะที่ “หมอหนู” “อนุทิน ชาญวีรกูล” รัฐมนตรีว่าการกระทรวสาธารณสุขเองก็เพลี่ยงพล้ำมาครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งจากการควบคุมอารมณ์ ทั้งจากการเล่นสื่อโซเชียล จนระยะหลังปิดเฟซบุ๊ก “อนุทิน ชาญวีรกูล” ไปเป็นที่เรียบร้อย และยังปิดทวิตเตอร์ที่เพิ่งหัดเล่นไปด้วย

แต่เคราะห์ซ้ำกรรมซัด ดันไปหลุดปากให้สัมภาษณ์ตำหนิบุคลากรทางการแพทย์ที่ติดเชื้อโควิด ว่าไม่ได้ติดมาจากคนไข้ แต่ติดมาจากการรวมกลุ่มสังสรรค์รื่นเริง จนเป็นเรื่องที่ทำให้บุคลากรทางการแพทย์และชาวโซเชียลออกมาโจมตีอย่างหนัก

กระทั่งมีการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับผู้อำนวยการโรงพยาบาลแห่งหนึ่งมีนัดเลี้ยงอำลาตำแหน่ง โดยมีการปิดห้องคาราโอเกะปาร์ตี้ จนมีผู้ติดเชื้อ

สุดท้ายเรื่องก็เงียบหายไปพร้อมๆ กับ “หมอหนู” เช่นกัน

 

ทว่าเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา อยู่ๆ “บังซุป” “ศุภชัย ใจสมุทร” ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะนายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย (ภท.) พร้อมด้วย “เจ้าแบด” ภราดร ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง พรรค ภท. เดินทางไปยังที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อเข้ายื่นหนังสือต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ผ่าน “นิวัติไชย เกษมมงคล” รองเลขาธิการ ป.ป.ช. ขอให้มีการตรวจสอบการประเมินชุดตรวจอย่างง่าย (Rapid Test) สำหรับโควิด-19 ที่มีข้อกล่าวหาเรื่องมาตรฐานการประเมินจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์

โดยศุภชัยระบุว่า สืบเนื่องจากกรณีที่สื่อมวลชนนำเสนอข่าวบริษัท เอ็มพี เมดกรุ๊ป จำกัด ขอแจ้งยกเลิกใบอนุญาตการนำเข้าสินค้า Rapid Test สำหรับตรวจหาเชื้อโรค COVID-19 ยี่ห้อ Bioeasy ซึ่งผลิตโดยบริษัท Shenzhen Bioeasy Technology จำกัด ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แล้ว ตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม เนื่องด้วยพบรายงานเรื่องปัญหาคุณภาพด้านการแปรผลที่ราชอาณาจักรสเปนและสหภาพยุโรป ทั้งที่ชุดตรวจดังกล่าวผ่านการประเมินผลจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ให้นำมาใช้ในประเทศไทยได้เพียงแค่ 4 วันเท่านั้น

“จากการแถลงข่าวของ ดร.บุศราวรรณ ศรีวรรธนะ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ ซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการพิจารณาและประเมินชุดทดสอบทางน้ำเหลืองวิทยา สำหรับโรคโคโรนา 2019 ทำให้ทราบว่าการพิจารณาและประเมินชุดทดสอบดังกล่าวนี้ ใช้วิธีการพิจารณาจากเอกสารที่บริษัทผู้ยื่นขออนุญาตนำส่งเอกสารมาให้พิจารณาเท่านั้น ไม่มีการทดสอบในห้องปฏิบัติการ”

“จึงมีเหตุอันควรสงสัยและต้องมีการสอบสวนให้ได้ความจริงปรากฏเป็นที่แน่ชัดว่า บริษัทผู้ยื่นขออนุญาตนำเข้าชุดทดสอบได้นำเสนอเอกสารเข้ารับการพิจารณาและประเมินอย่างถูกต้อง ครบถ้วน ตรงตามข้อมูลทางวิชาการ และเป็นไปตามมาตรฐานทางวิทยาศาสตร์และการแพทย์หรือไม่”

“มีการปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของคณะกรรมการพิจารณาและประเมินชุดทดสอบ ตลอดจนบุคคลหนึ่งบุคคลใด หรือกลุ่มบุคคลหนึ่งกลุ่มบุคคลใด ชี้นำ บังคับ สั่งการ ให้คณะกรรมการพิจารณาและประเมินว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าว มีคุณภาพ อนุญาตให้นำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย ทั้งที่เป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีคุณภาพ และต้องยกเลิกการอนุญาตนำเข้า ในเวลาเพียง 4 วันเท่านั้น”

นายศุภชัยกล่าว

 

จากปรากฏการณ์ดังกล่าว ทำให้หลายคนสงสัยว่า ทำไมอยู่ๆ พรรคภูมิใจไทยจึงลุกขึ้นมาตรวจสอบกระทรวงสาธารณสุข ทั้งๆ ที่เจ้ากระทรวงคือ “หมอหนู” ที่นั่งแท่นหัวหน้าพรรคแท้ๆ

มาถึงบางอ้อว่า เรื่องนี้มีสื่อบางสำนักที่พยายามจะโยงและกล่าวหาการนำเข้า Rapid Test นั้นเกี่ยวข้องกับ “หมอ น.” และ “หมอ จ.” อีกทั้ง “หมอ น.” ที่ว่าไม่ใช่ “หมอหนู” แต่เป็น “หมอ น.” ที่มีสระเอนำหน้า ทำเอาคนในพรรคภูมิใจไทยต้องเต้น และเรียกร้องให้มีการตรวจสอบกันไปเลยว่าเรื่องนี้มีใครเข้ามาเกี่ยวข้องบ้าง

เพราะเดิมทีมี 30 บริษัทที่ยื่นความจำนงจะนำเข้า Rapid Test แต่ปรากฏว่า เกือบทั้งหมดสั่งซื้อมาจากบริษัท Shenzhen Bioeasy Technology จำกัด ของจีน

และมีเพียง 2 บริษัทที่ได้รับการอนุญาตให้นำเข้า ต่อมา 1 ใน 2 บริษัทยกเลิกการนำเข้าเนื่องจากเห็นว่าที่ประเทศสเปนที่ใช้เครื่องเทสต์ดังกล่าว จนมีการระบาดเป็นจำนวนมาก ในขณะที่อีก 1 บริษัทถูกยกเลิกการนำเข้าโดย อย. และบริษัทดังกล่าวมีชื่อของนักการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย โดยบุคคลดังกล่าวไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับพรรคภูมิใจไทย

อีกทั้งนักการเมืองคนดังกล่าวยังมีความใกล้ชิดกับรองนายกฯ ในสัดส่วนของพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

จึงเป็นที่มาของการยื่น ป.ป.ช.ตรวจสอบในครั้งนี้…

อย่างไรก็ตาม แม้ก่อนหน้านี้ เราจะเห็นข่าวความขัดแย้งของพรรคร่วมรัฐบาลกันมาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งต้องมาเจอกับสถานการณ์โควิด-19 ที่ได้รับผลกระทบกันทั่วทั้งประเทศ ข่าวความขัดแย้งของพรรคร่วมรัฐบาลก็มิได้ลดลงแม้แต่น้อย ล่าสุดยังมีอดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ที่ออกมาโจมตี ส.ส.พรรคภูมิใจไทยอย่างต่อเนื่องเรื่อยมา ตั้งแต่ข้อกล่าวหาเรื่องทุจริตการเลือกตั้ง จนล่าสุดเรื่องการไม่ยอมกักตัว

โดยสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ “เชาว์ มีขวด” อดีตรองโฆษก โพสต์เฟซบุ๊กถามหาจิตสำนึกของ 2 ส.ส.พรรคภูมิใจไทย คือ “ณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ” ส.ส.สงขลา และ “สฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง” ส.ส.กระบี่ ไม่กักตัว 14 วัน หลังเดินทางกลับจาก กทม.

ถึงขนาดอดีตวอลล์เปเปอร์อย่าง “ศิริโชค โสภา” ทำหนังสือเปิดผนึกถึง “หมอหนู” ให้ดำเนินการกับ ส.ส.ทั้ง 2 คน

ในขณะที่พรรคภูมิใจไทยให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี โดย “พ.อ.เศรษฐพงศ์ มะลิสุวรรณ” โฆษกพรรค ออกมาระบุว่า หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยกำชับให้ ส.ส.และสมาชิกทุกคนเกาะติดพื้นที่และให้ความช่วยเหลือประชาชน…

เป็นการตอกกลับเด็กประชาธิปัตย์อย่างจัง

พร้อมยังมีการระบุจากทางพรรคภูมิใจไทยว่า “ไม่มีอะไร แค่พวกแค้นฝังหุ่นจากการเลือกตั้ง”…

ดูท่าแล้วไม่รู้ว่า โควิดกับรัฐบาล อะไรจะไปก่อนกัน…