ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 17 - 23 มีนาคม 2560 |
---|---|
คอลัมน์ | โลกหมุนเร็ว |
เผยแพร่ |
การเดินทางออกไปยังต่างประเทศย่อมเป็นการเปิดหูเปิดตาอย่างดียิ่ง นั่นแล้วแต่ว่าเป็นการเดินทางด้วยจุดมุ่งหมายทางวัฒนธรรม ท่องเที่ยว หรือการงาน
การเดินทางไปร่วมงานที่สิงคโปร์ที่มีชื่อว่า Office of the Future ที่จัดโดยบริษัท ฮิวเลตต์-แพคการ์ด นับเป็นการเปิดโลกทรรศน์และความคิดใหม่ๆ ให้กับผู้เขียนที่ยังคงใช้ชีวิตอยู่กับการงานเป็นอย่างยิ่ง
งานนี้ไม่ใช่งานเปิดตัวสินค้าซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ก้าวหน้าธรรมดาๆ แต่ยังเป็นงานที่เปิดความคิดให้เราได้เอาไปคิดต่อหลายแง่มุมด้วยกัน มันทำให้เราสามารถเชื่อมโยงหลายสิ่งหลายอย่างที่เรารู้อยู่แล้วกับความรู้ใหม่
โดยเฉพาะแง่มุมทางสังคมที่เจ้าของสินค้าใช้เป็นพื้นฐานในการค้นคิดนวัตกรรมของเขาให้ตอบโจทย์วิถีชีวิตของคนที่เปลี่ยนไป
โจทย์ทางสังคมที่ว่านี้มาจากการติดตามพฤติกรรมผู้บริโภคที่เรียกว่า Millennial ซึ่งเป็นคนรุ่นหนุ่มสาว ซึ่งมีพฤติกรรมทำงานได้ทุกหนแห่ง และทุกเวลา ไม่ว่าจะอยู่ในร้านกาแฟ ในรถ ในยิม หรือในเวลาที่เขาไปพักผ่อน
คนหนุ่มสาวเหล่านี้เป็น “ผู้เลือก” ทำงานกับองค์กรที่จัดหาสิ่งแวดล้อมที่เขาต้องการ เพื่อที่ว่าเขาจะได้เป็นผู้ควบคุมชีวิตของเขาแบบที่เขาต้องการ
คนหนุ่มสาวที่ว่านี้อยู่ในภาคพื้นเอเชีย รวมทั้งประเทศไทย ซึ่งเป็นภูมิภาคที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงที่สุด มีคนหนุ่มสาวมากที่สุด โดยมากกว่า 30% คนทำงานคือคนหนุ่มสาว
และภายในปี 2563 จำนวน 60% ของประชากร Millennial จะอาศัยอยู่ในเอเชีย
ช่วงเวลาที่พวกคนหนุ่มสาว Millennial เติบโตขึ้นและครอบครองพื้นที่ในการทำงานเป็นช่วงเวลาที่เทคโนโลยีเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว มีการเดินทางข้ามโลกกันอย่างหนาแน่น และมีความเปลี่ยนแปลงแบบกะทันหัน มีความคาดหมายมากขึ้นกว่าคนวัยที่แก่กว่า
เช่น ต้องการความรวดเร็ว ทันท่วงที และมีการเชื่อมโยงตลอดเวลา
ทันทีที่ก้าวเข้าสู่ประเทศสิงคโปร์ที่สนามบิน คนหนุ่มสาวที่ร่วมคณะกับผู้เขียนก็เดินเข้าไปที่เคาน์เตอร์ขายการ์ดอินเตอร์เน็ต นั่นเป็นสิ่งแรกที่พวกเขาทำ ผู้เขียนก็ต้องทำตามเช่นกันแม้วัยจะห่างกัน
และก็เช่นเดียวกันกับขากลับ ที่สนามบิน หลังจากเช็กอิน โหลดกระเป๋าเรียบร้อย เข้าสู่ภายในบริเวณรอขึ้นเครื่อง ทุกคนก็หาที่ต่อไวไฟทันที
ราวกับจะขาดใจตายถ้าหากไม่มีไวไฟบนมือถือ
ยุคนี้อีกเช่นกันที่เครื่องไม้เครื่องมือที่เป็นเทคโนโลยีประจำกาย หรือที่พกพาไปด้วยในการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ตโฟน แล็บท็อป ต้องสะท้อนภาพลักษณ์ทันสมัยคือมีดีไซน์ที่สวยงาม ภาคภูมิใจที่พกพาไปให้คนเห็นในที่สาธารณะ
เพราะเขาทำงานในทุกหนทุกแห่ง
แต่ก็ใช่ว่าเขาจะทำงานโดดเดี่ยวเดียวดาย เขายังต้องทำงานร่วมกับผู้ร่วมทีมอย่างใกล้ชิด ไม่ใช่ด้วยการนั่งอยู่ในออฟฟิศด้วยกัน แต่ด้วยการเชื่อมโยงกันด้วยเครื่องมือต่างๆ เครื่องมือเหล่านี้เป็นตัวช่วย ไม่ว่าจะอยู่กันคนละขอบฟ้า คนละเวลา
ทั้งหมดที่เราได้ยินได้ฟังมา มันอาจจะมีอานุภาพถึงขนาดเปลี่ยนวิธีคิด วิธีทำงาน หรือแม้แต่ชีวิตเราเลยก็ได้
อาทิ เรื่องการทำงานที่บ้าน แต่ยังคงเชื่อมโยงกับเพื่อนร่วมงานซึ่งอาจจะอยู่ทั้งที่ทำงาน หรืออยู่นอกสถานที่ เมื่อนึกว่าอิทธิพลของคลาวด์ที่มีมากมายมหาศาล เราสามารถเอาข้อมูลขึ้นไปฝากไว้บนนั้น ให้ผู้ร่วมงานมาเปิดดู โดยไม่ต้องผ่านเซิร์ฟเวอร์ขององค์กรอีกต่อไป
หรือการทำงานของฝ่ายขายที่สามารถดึงข้อมูลสินค้าจากดาต้าเซ็นเตอร์ได้ เพื่อแสดงให้ลูกค้าที่บริษัทของลูกค้าดู
ทั้งหมดนี้เป็นไปได้ด้วยเทคโนโลยี
ซึ่งต้องผ่านการวิเคราะห์ผู้ใช้ และวิธีที่ผู้ใช้ใช้งานมาแล้วอย่างดี
เทคโนโลยีที่คิดค้นใหม่เพื่อการสร้างออฟฟิศแห่งโลกอนาคต เช่น EliteBook x360 ที่บางที่สุดในโลกที่ทำให้พกพาไปไหนมาไหนได้ง่าย ทั้งไปทำงาน และทำเรื่องส่วนตัว ไม่ว่าจะไปใช้ที่ไหนก็มีความปลอดภัย
โดยที่เขาก็ไม่ลืมให้แบตเตอรี่ที่ใช้ได้ยาวนานถึงกว่า 16 ชั่วโมง
หรืออย่างเซลส์ที่ทำงานในภาคสนาม ทำงานเรื่องสาธารณสุข หรือทำงานภาครัฐ ก็มีแล็บท็อปชนิดที่แยกส่วนได้ที่เรียกว่า Pro x2 612 G2 ที่มีความปลอดภัยเช่นกัน
การทำงานนอกสถานที่ทำให้เรื่องความปลอดภัยกลายเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งยวด เพราะการไปนั่งในร้านกาแฟอย่างที่ชอบทำกัน และเปิดหน้าจอขึ้นมาย่อมเปิดโอกาสให้คนมองเห็นสิ่งที่อยู่หน้าจอซึ่งเป็นความลับได้
นึกสภาพที่สนามบิน ขณะรอขึ้นเครื่อง ตรงไหนมีไวไฟก็ไปนั่งทำงานเพื่อความสะดวก ผู้คนมากมายเดินผ่านไปมา หากไม่มีวิธีป้องกัน เช่น ไม่มี Sure View ที่ป้องกันไม่ให้คนข้างๆ เห็นหน้าจอได้ ก็ย่อมจะไม่ปลอดภัย
นอกจากนี้แล้วความเจริญทางเศรษฐกิจก็ยังทำให้ปัจเจก และองค์กร รวมทั้งองค์กรภาครัฐ ต้องพึ่งพาอินเตอร์เน็ต ทำให้เสี่ยงต่อการที่ข้อมูลจะเข้าไปลอยเคว้งอยู่ตามที่ต่างๆ ง่ายต่อการที่จะถูกโจรกรรม
ในปัจจุบันนี้องค์กรถึง 84% ในภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก เรียกได้ว่าไม่มีการปกป้องการถูกโจมตี และการถูกโจมตีก็เพิ่มขึ้นทุกวัน จุดที่เปราะบางที่เรานึกไม่ถึงก็เช่นเครื่องปริ๊นเตอร์ที่ปริ๊นต์เอกสารในแต่ละวัน รวมทั้งพีซีที่ใช้ทำงานซึ่งลำพังโปรแกรมแอนตี้ไวรัสไม่เพียงพออีกต่อไป
ด้วยเหตุนี้ ฮิวเลตต์-แพคการ์ด จึงได้สร้างพีซีในรุ่นที่เรียกว่า Elite ซึ่งนับได้ว่าเป็นพีซีที่ปลอดภัยที่สุดในโลก
ลองนึกสภาพว่าวันหนึ่งคุณเกิดเผลอลืมพีซีไว้ในที่สาธารณะ มันถูกขโมยไป ซึ่งอย่าคิดว่าเกิดขึ้นได้ยาก ผู้เขียนเองเคยลืมแล็บท็อปที่บริเวณเอ็กซเรย์ของสนามบิน เมื่อนึกได้วิ่งกลับมาก็ไม่อยู่เสียแล้ว ได้ความว่ามันถูกนำไปส่งที่ lost and found ของสนามบิน
เขาทำอย่างไรกับพีซีที่นับได้ว่าปลอดภัย ก็คือต้องปกป้องการโจมตีระดับ BIOS โดยบรรจุโปรแกรมป้องกันมัลแวร์เอาไว้
ข้อคิดที่ได้รับอีกอย่างคือการที่ผู้บริหารเขายืนยันว่าในยุคต่อไปคนจะเกษียณอายุช้าลง และจะต้องทำงานร่วมกับคนรุ่น Millennial ซึ่งนี่แปลว่าทั้งสองเจเนอเรชั่นต้องเรียนรู้ซึ่งกันและกัน และเรียนรู้เทคโนโลยีที่นอกจากจะช่วยให้งานง่ายขึ้นแล้ว
ยังทำให้คนสองรุ่นสามารถติดต่อสื่อสารกันได้ตลอดเวลา