ทสท.จวกรัฐบาลล่าช้าแก้ปัญหามลพิษ ไม่ทันการณ์ความเดือดร้อนที่ฤดูฝนกำลังมา แนะใช้งบกลาง

ทสท.จวกรัฐบาลล่าช้าแก้ปัญหามลพิษ  ไม่ทันการณ์ความเดือดร้อนที่ฤดูฝนกำลังมา แนะใช้งบกลางเร่งขจัดมลพิษ /สุขภาพอนามัยและชีวิตประชาชนต้องมาก่อน

ดร. ศักดิ์ณรงค์ ศิริพร ณ ราชสีมา รองเลขาธิการพรรคไทยสร้างไทยให้ความเห็นต่อการแก้ไขปัญหาการบำบัดสารเคมีร้ายแรงตกค้างในดิน ในน้ำ และใต้ดิน ตลอดจนการย้ายสารเคมี  จ.ระยอง ที่ถูกเพลิงไหม้ ว่าล่าช้า ไม่ทันการณ์ขณะที่ฤดูฝนกำลังย่างเข้ามา ที่สำคัญชาวบ้านยังรวมตัวกันร้องเรียนต่อจังหวัด และกระทรวงอุตสาหกรรมให้แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนอย่างต่อเนื่องตนเห็นความเดือดร้อนของประชาชนที่เพียรพยายามร้องเรียนด้วยความเห็นใจอย่างยิ่งเท่าที่ติดตามสถานการณ์การแก้ไขปัญหา มีปัจจัยสำคัญประการหนึ่ง คือ “งบประมาณ”

การขจัดมลพิษซึ่งเป็นสารเคมีร้ายแรงอย่างถูกต้องตามมาตรฐานสากลต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก การใช้งบประมาณปกติของกระทรวงอุตสาหกรรม และการฟ้องร้องจาก บ.วิน โพรเสส น่าจะไม่ทันการณ์ความเดือดร้อนประชาชนในขณะที่ฤดูฝนย่างเข้ามา
ดังนั้น หนทางเดียวที่จะแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน
ของประชาชนต้องยกปัญหาด้านสุขภาพอนามัยและชีวิตประชาชน
เป็นปัญหาสำคัญสูงสุด
และถือเป็นภัยพิบัติ เป็นเรื่องเร่งด่วนที่รัฐบาลต้องรีบแก้ไข ซึ่งกรณีดังกล่าวเข้าหลักเกณฑ์การใช้ “งบกลาง” ทั้งนี้ วัตถุประสงค์ของการมี “งบกลาง” ก็เพื่อแก้ไขปัญหาภัยพิบัติฉุกเฉินที่พี่น้องประชาชนได้รับอย่างทันท่วงที
เท่าที่ได้ติดตามสถานการณ์พบว่า สารเคมีร้ายแรงของ บ.วิน โพรเสส ไม่ได้รับการบำบัดอย่างถูกต้องตามหลักวิชา ได้ไหลจากบ่อพักสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ ลงทั้งน้ำและดินรอบ ๆ บริเวณโรงงาน นอกจากนั้น ก็ควรตรวจสอบว่ามีการลักลอบปล่อยสารเคมีร้ายแรงโดยไม่ผ่านการบำบัดลงยังชั้นใต้ดิน หรือไม่ โดยควรให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาลขุดเจาะสำรวจน้ำใต้ดินว่ามีสารเคมีร้ายแรงจากโรงงานปนเปื้อนในชั้นน้ำใต้ดินหรือไม่ เพราะหากมี จะเป็นอ้นตรายยิ่งเมื่อมีการนำน้ำนั้นไปใช้ในการอุปโภค บริโภค
ขอเสนอแนะว่า กระทรวงอุตสาหกรรมควรขอ “งบกลาง” จากรัฐบาลมาแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน
อย่างทันการณ์
พรรคไทยสร้างไทยขอเป็นส่วนหนึ่งในการตรวจสอบว่า รัฐบาลจะใช้ “งบกลาง” อย่างถูกต้องตามหลักเกณฑ์ หรือไม่ ยิ่งขณะนี้มีข่าวว่า รัฐบาลจะใช้งบประมาณปี 2567 ส่วนหนึ่ง ไปใช้ในโครงการ “ดิจิทัลวอลเลต” เป็นกรณีที่เราจะต้องคัดค้านอย่างแข็งขัน
เฉพาะอย่างยิ่ง หากนำ “งบกลาง” ที่จะต้องเตรียมไว้เพื่อแก้ไขปัญหาภัยพิบัติของพี่น้องประชาชนไปใช้เพื่อประโยชน์ทางการเมือง เป็นเรื่องที่พรรคไทยสร้างไทยและประชาชนรับไม่ได้และต้องคัดค้านอย่างแน่นอน
ส่วนการแก้ไขปัญหาโรงงานอุตสาหกรรม
สร้างปัญหามลพิษแก่ประชาชนและสิ่งแวดล้อมในระยะยาวนั้น
ขณะนี้ประชาชนขาดความเชื่อมั่นในระบบราชการ
ดังนั้น กระทรวงอุตสาหกรรมควรนำวิกฤตที่เกิดขึ้นในปัจจุบันเป็นโอกาสที่จะยกเครื่องกระบวนการจัดตั้งและการตรวจสอบโรงงานอุตสาหกรรมให้ได้มาตรฐานสากล เพราะปัจจุบันโลกให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม ประเทศของเราและพี่น้องประชาชนจะอยู่ยากหากประเทศไทยก้าวไม่ทันกับพัฒนาการของโลกที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม