เผยแพร่ |
---|
‘ชลน่าน’ ลากไส้คดีสั่งปิดเหมืองทอง หวั่นคำตัดสินจะทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ กลายเป็น ‘ปรายุทธ์จุนตา’
เมื่อวันที่ 25 ก.พ. นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า ตนได้รับมอบหมายจากพรรคเพื่อไทย พรรคร่วมฝ่ายค้าน และประชาชนคนไทยทั่วประเทศ ที่ไม่อยากเห็นประเทศนี้มีนายกรัฐมนตรีที่ชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขอขีดเส้นใต้ ตนจะไม่เรียกอย่างอื่น แต่จะเรียก พล.อ.ประยุทธ์ เพราะพล.อ. เป็นยศพระราชทาน ท่านจะได้มีจิตสำนึกดูหน้าชื่อท่านว่าเป็นอะไร ท่านควรจะอยู่อย่างไร พี่น้องประชาชนเขาอยากให้ตนมาอภิปรายไม่ไว้วางใจตามกระบวนการระบบรัฐสภา ไม่ไว้วางใจให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป เพราะประชาชนเขาอยากเห็นสภาผู้แทนราษฎร อันเป็นที่พึ่งที่หวังที่เขาเลือก มาทำหน้าที่แทน และใช้โอกาสนี้เอาบุคคลท่านนี้ออกจากตำแหน่งนี้ให้ได้ แต่อาจจะสิ้นหวัง เพราะพฤติการณ์การลงคะแนนล้วนอยู่ภายใต้การผูกมัดแห่งอาณัติมอบหมาย และการครอบงำทั้งหมด แต่ตนมีพี่น้องประชาชนเป็นที่พึ่งที่หวัง มีจิตสำนึกมโนธรรมไม่ไว้วางใจ วินาทีนี้เป็นต้นไป ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ไม่ประกาศลาออก ประเทศชาติบ้านเมือง โดยเฉพาะราชอาณาจักรไทยจะถึงหายนะ ล้มเหลว เป็นประเทศที่อยู่ต่อไม่ได้อีกต่อไป แต่ถ้าท่านออกไปสิ่งเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้น
นพ.ชลน่าน อภิปรายว่า ที่ตนไม่ไว้วางใจเพราะพล.อ.ประยุทธ์ออกคำสั่ง คสช.7/2558 ไปยึดกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษและส่งเสริมความมั่นคงตามโครงการสวัสดิการเงินกู้ 2 หมื่นล้านบาทไปยึดเอามาเป็นของรัฐ ท่านฮุบเงินครู เอาเงินไปใช้หนี้องค์การการค้า ผิดวัตถุประสงค์ ปล่อยปละละเลยให้เกิดการรั่วไหลเสียหาย กระทบครูและครอบครัว 1.2 ล้านคน ถือเป็นการกระทำขัดจริยธรรม เป็นคุณสมบัติต้องห้าม
นพ.ชลน่าน อภิปรายอีกว่า เรื่องนี้ฮุบเหมือนเรื่องที่แล้ว คือเรื่องการฮุบเหมืองทองคำชาตรี ของบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ที่เป็นบริษัทลูกของบริษัทคิงส์เกต แล้วใครอยู่เบื้องหลัง ตนจะเฉลยให้ดู เพราะอยากจะบอกให้ประชาชนที่ยกย่องท่านได้ตาสว่างว่าหากยังมีท่านอยู่จะเป็นอย่างไร ทั้งนี้ ประเทศออสเตรเลียได้รับการยอมรับเรื่องการทำเหมือง รัฐบาลไทยจึงชักชวนให้มาลงทุนทำเหมืองในประเทศไทย คือเหมืองทองคำชาตรี หลังจากที่ดำเนินการไป สิ่งที่เกิดขึ้นในปี 2559 ปรากฏว่า รัฐบาลประยุทธ์ 1 ที่มาจากาการยึดอำนาจ ได้ออกม.44 ระงับการทำเหมืองแห่งนี้ ในคำสั่งยุติการประกอบกิจการเหมืองที่ทำให้เขาฟ้องร้องเราได้นั้น คือการอ้างเรื่องสิ่งแวดล้อม และส่วนที่น่าตกใจที่สุดคือ การเขียนว่า ต้องรอการตรวจสอบ การเขียนคำสั่งนี้ถือว่าไม่ฉลาดพอ จนตอนนี้เรื่องถึงอนุญาโตตุลาการ ที่จะวินิจฉัยชี้ขาดในอีก 7 เดือน หากมีคำวินิจฉัยออกมา ตนกังวลว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะกลายเป็น ‘ปรายุทธ์จุนตา’
นพ.ชลน่าน อภิปรายว่า สำหรับ ความเสียหายที่จะเกิดขึ้นหากเราแพ้ เรื่องที่ 1.ประเทศไทยต้องจ่ายค่าประกันภัยความเสี่ยงทางการเมือง 200 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งศาล นิวเซาท์ เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย ได้ตัดสิน และบริษัทคิงส์เกต ได้รับเงินส่วนนี้ไปแล้ว 2.จ่ายค่าเสียหายที่ไปฝ่าฝืนเรื่องการไปยึดกิจการโอนเป็นของรัฐ ที่ต้องจ่ายให้สมกับราคาในขณะนั้น ซึ่งต้องจ่ายทันที 3.เป็นการจ่ายค่าอ้างสิทธิ์ที่เป็นการฝ่าฝืนข้อตกลง TAFTA เช่น ผลการประกอบการของบริษัทอัครา ประมาณกันอยู่ที่ประมาณ 4 หมื่นล้าน ยังไม่รวมมูลค่าทองคำอีก 30 ตัน ที่จะสามารถขุดได้ถึงปี 2571 4.ค่าอ้างสิทธิ์เรื่องค่าดอกเบี้ย ค่าสูญเสียโอกาส ค่าสิทธิทางภาษี และค่าอนุญาโตตุลาการ และ 5.ระหว่างที่ต่อสู่คดีตัวแทนของไทยนำความลับแห่งคดีมาเปิดเผย ซึ่งอนุญาโตตุลาการเขาตัดสินว่าไทยต้องจ่ายค่าเปิดเผยแห่งคดีเงินอีก 276 ล้านเหรียญ
ข้ออ้างในการออกม.44 ที่ไปเอาเหมืองเขามาเป็นของไทย มันไม่สมเหตุสมผล เพราะท่านไม่ใช้กฎหมายปกติ เช่น กฎหมายว่าด้วยแร่ฯ มาตรา 125 ที่ให้อำนาจอธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ สามารถออกคำสั่งให้ปิดเหมืองได้ ที่เคยสั่งปิดมาแล้ว 2 ครั้ง น่าสงสัยว่า ในช่วงนั้นราคาทองที่สูงขึ้นถึงบาทละ 2 หมื่นบาท ก็อาจจะทำให้อยากได้จนน้ำลายไหล อยากได้ของเขามาเป็นของตนเอง ซึ่งหมายถึงรัฐไทยหรือเปล่าก็ไม่รู้
นพ.ชลน่าน อภิปรายว่า ระหว่างปิดเหมืองถึง 2 ครั้ง มีบุคคล อักษรย่อ ช.อยู่ในวงการปิโตรเลียม ไปขอเจรจาซื้อหุ้น และคนคนนี้เป็นญาติสนิทสายเลือดเดียวกับ พล.อ.ว. ซึ่งเป็นคนใกล้ชิด พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ว.เกี่ยวข้องตั้งแต่ปี 2551 เริ่มกิจการ ด้วยความอยากได้อยากมี ออกอำนาจใช้ ม.44 ยึดกิจการเขาจนนำไปสู่การฟ้องร้อง หลังเกิดเหตุมีรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ออกมาบอกสื่อว่าเราไม่เสียค่าโง่ 3 หมื่นล้าน แต่หนังสือจาก บ.คิงส์เกตฯ บอกว่าผลการต่อสู้ของเขาดียิ่ง ดังนั้นตนวิงวอน ส.ส. ตนเชื่อว่ามั่นในจิตมโนสำนึก ฐานจิตที่ดีของพวกท่าน ขอให้คิดถึงราชอาณาจักรไทย หากท่านลงคะแนนให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ต่อไป หายนะจะเกิดขึ้น แต่ถ้าท่านเปลี่ยนใจ ไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ ครม.ก็จะพ้นไป รัฐบาลชุดใหม่จะเป็นความหวังในการเจรจาต่อรองเพื่อลดความสูญเสียให้กับประเทศ เพราะรัฐบาลชุดเดิมเขาไม่เชื่อถือ เชื่อมั่น เพราะต่อให้เราชนะ เราก็เสียเรื่องความเชื่อมั่นและศรัทธา
นพ.ชลน่าน อภิปรายว่า ขณะนี้ดวงท่านผู้นำกำลังทำร้ายดวงเมือง หากสภาฯ ยังคงไว้ใจ ให้ พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ต่อ หายนะและวิบัติจะเกิดกับราชอาณาจักรไทย ตนเชื่อว่าเรามีสิ่งคุ้มครองเราอยู่ ถ้าท่านไม่ไปด้วยมือในสภาฯ ก็ต้องไปด้วยอำนาจจากประชาชน พล.อ.ประยุทธ์จะเดินในประเทศนี้อย่างคนที่ไม่มีความสุขที่สุดในชีวิต ขอให้ พล.อ.ประยุทธ์แสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก และประกาศต่อหน้าสภาฯ ว่าจะเอาเงินที่ไหนมาจ่าย และขอให้พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัว
ในระหว่างการอภิปรายของ นพ.ชลน่าน ได้มีส.ส.ซีกรัฐบาล นายสายัณย์ ยุติธรรม ส.ส.นครศรีธรรมราช น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ได้ลุกขึ้นประท้วงเป็นระยะๆ กระทั่งนพ.ชลน่าน ได้อภิปรายเปรียบเทียบบุคลิกของพล.อ.ประยุทธ์ เหมือนมิสเตอร์บีน ทำให้ น.ส.ปารีณา ลุกขึ้นประท้วง เนื่องจากอภิปรายเสียดสี อยากให้ประธานช่วยควบคุมการประชุมด้วย เพราะขณะนี้ผู้อภิปรายเริ่มมีอาการไบโพล่าแล้ว ทำให้นายศุภชัย โพธ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานการประชุม หัวเราะ ระบุว่า “ไปกันใหญ่แล้ว” ก่อนที่จะตัดบทเข้าสู่การประชุมต่อไป